จิรภัทรไม่กล้ามองสบตาของคนตัวเล็กตรงหน้าเลยแม้แต่นิด เขาไม่ชอบที่จะเห็นผู้หญิงร้องไห้ต่อหน้านัก ณิชาวีร์ไม่ได้มีความผิดอะไรเลยสักอย่าง เพียงเพราะในเวลานี้เขาไม่ได้อยากอยู่กับเธออีกต่อไปแล้ว
“ตอบมาสิคะณิอยากฟัง ณิอยากรู้เหมือนกันว่าหลายเดือนที่ผ่านมานี้พี่ภัทรเป็นอะไร ณิทำอะไรทำไมไม่เคยพอใจหรือถูกใจพี่เลยสักอย่าง”
น้ำเสียงที่ดูสั่นเครือถามกลับ สายตาจับจ้องมองหน้าสามีที่เขาไม่กล้าสบตาอย่างรอคอยในคำตอบที่อยากจะได้ยิน
อย่างไรเสียวันนี้ทุกอย่างจะต้องเคลียร์ ถ้าจะไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไปเธอก็อยากจะรู้สาเหตุที่แท้จริง ไม่อยากมีสิ่งที่ค้างคาใจให้ต้องคิดมากต่อกันอีก
“เปิดอกพูดกันมาเลยค่ะ ณิพร้อมจะฟังทุกอย่างและทุกเรื่อง”
“พี่ไม่ได้รักณิแล้ว ชัดพอหรือยัง?”
ณิชาวีร์นิ่งอึ้งอยู่ครู่ใหญ่ ดวงตากลมโตกระพริบถี่ระรัว ขับไล่หยดน้ำใสที่กำลังไหลล้นทะลักออกมา
“มะ ไม่....ไม่ได้รักณิเหรอคะ แล้วที่ผ่านมามันคืออะไร สามปีที่ผ่านมามันหมายความว่ายังไง?”
“เพราะพี่เหงา พี่เลยอยากมีใครสักคนมาอยู่ข้าง ๆ ตอนแรกพี่คิดว่าพี่จะรักผู้หญิงคนอื่นได้จริง ๆ แต่พอมาวันนี้พี่เพิ่งรู้ว่าพี่ไม่ได้ลืมผู้หญิงที่เป็นรักแรกของพี่ได้เลย”
แน่นอนว่าสิ่งที่ได้ยินจากปากสามี คนที่เจ็บที่สุดก็คือณิชาวีร์ เธอคิดมาตลอดว่าสามีรัก แล้วตอนนี้คำพูดที่ได้ยินเต็มสองรูหูคือสิ่งที่ชัดเจนที่สุดแล้ว
“พี่ภัทรมาตามจีบ มาทำให้ณิรักทำไมเหรอคะ ถ้าพี่ไม่ได้มีใจให้ณิตั้งแต่แรก! พี่มาล้อเล่นกับความรู้สึกของณิทำไม พี่คิดว่าผู้หญิงแบบณิไม่มีความรู้สึกเลยงั้นสิ เจ็บไม่เป็น ร้องไห้ไม่เป็นงั้นเหรอ พี่เห็นณิเป็นเพียงผู้หญิงแก้เหงาให้พี่งั้นเหรอคะ”
เสียงตวาดลั่นอย่างเจ็บปวดตะโกนก้อง จิรภัทรต้องรีบหันกลับมาเผชิญหน้าภรรยาอีกครั้ง
“พี่พยายามแล้วที่จะรักณิ แต่จะให้ทำยังไงได้ในเมื่อหัวใจพี่ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย ณิเป็นผู้หญิงที่ดีมาก อยู่ใกล้แล้วพี่รู้สึกดีมาก ๆ ณิควรจะได้มีโอกาสเจอคนที่ดีกว่าพี่หรือเปล่าล่ะ?”
“ถ้าพี่ภัทรรู้ตัวเองแบบนี้ พี่ก็ไม่ควรจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับณิตั้งแต่แรกแล้วไหมคะ ทำไมพี่เป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวแบบนี้ ทำไมพี่ถึงเลวได้ขนาดนี้กันคะ”
ดวงตาคู่สวยจับจ้องมองหน้าด้วยสายตาที่ตัดพ้อ พร้อมกับหยาดน้ำใสที่ไหลเอ่อท่วมจนล้นเปื้อนอาบแก้ม จ้องมองผู้ชายตรงหน้าคนที่เธอรักเขามากสุดหัวใจ คนที่เธอคิดว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษ รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากมาตลอดที่มีจิรภัทรเป็นคู่ครองของชีวิต แต่ในเวลานี้ทุกอย่างเหมือนความฝันที่กำลังโดนขว้างปาระเบิดใส่กลางใจ คำว่า “ไม่ได้รักเธอแล้ว” เพียงแค่เวลาสามปีที่ตกลงใช้ชีวิตด้วยกันมา ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งหมดรักกันได้เร็วแบบนี้เชียวเหรอ ไม่สินะเขาอาจจะไม่เคยรักเธอมาก่อนเลยสักนิด
“พี่ไม่มีอะไรจะแก้ตัว พี่แค่รู้สึกว่าเราสองคนอยู่ด้วยกันไปก็ไม่มีความสุขหรอก”
“พี่ภัทรคิดไปเองคนเดียวหรือเปล่าคะ ทั้งที่ณิก็มีความสุขกับชีวิตในตอนนี้มาก”
“ถ้าพี่จะมีผู้หญิงอีกคน ณิจะรับได้หรือเปล่า?”
ณิชาวีร์อึ้งกับคำถามที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ เขาคงไม่ได้หมายความว่าจะให้เธอเป็นเมียหลวง โดยการที่ให้สามีไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยได้ตามอำเภอใจหรอกใช่หรือเปล่า?
“แล้วถ้าณิถามคำถามเดียวกันล่ะคะ พี่จะรับได้หรือเปล่าถ้าณิจะมีผู้ชายอีกคนทั้งที่ณิยังมีสามีอยู่!”
“พี่อนุญาต ณิทำได้ตามสบายเลย”
อึ้งยิ่งกว่าคำถามเมื่อครู่ก็คือคำตอบของสามี เขาไม่ได้หึงหวงเธอ ไม่ได้สนใจเลยหรือว่าจะมีผู้ชายคนอื่นมาทับรอยที่เขาเคยประทับจูบซับเอาไว้ เขาไม่เคยรักกันเลยจริง ๆ สินะใช่ไหม?
“แต่ณิคงรับไม่ได้หรอกค่ะ ใครมันจะอยากใช้สามีร่วมกับผู้หญิงคนอื่นเหรอคะ พี่ภัทรคิดว่าใจณิมันกว้างมากเหมือนแม่น้ำมหาสมุทรหรือยังไง พี่ถึงกล้ามาถามอะไรณิแบบนี้”
“งั้นก็หย่าให้พี่สิ ณิจะได้ไม่ต้องหนักใจ”
ดวงตาคมประดุจเหยี่ยวจับจ้องมองหน้าของภรรยาที่กำลังร้องไห้อย่างรู้สึกสับสนขึ้นมาเล็กน้อย รู้ดีว่าณิชาวีร์รักเขามากแค่ไหน
นึกถึงตอนที่ต้องใช้เวลาตามจีบณิชาวีร์มานาน นานมากกว่าผู้หญิงทุกคนที่เคยรู้จัก กว่าที่อีกฝ่ายจะยอมรับรักและตกลงแต่งงานอยู่กินฉันสามีภรรยาอย่างทุกวันนี้ได้ เขาต้องทุ่มเทวันเวลาหมดกับการตามติดชีวิตของเธอต้อย ๆ ไม่กล้าปฏิเสธด้วยซ้ำว่าไม่เคยรู้สึกพิเศษกับภรรยา เพราะอย่างน้อยก็ยังรู้สึกผูกพัน คนอยู่ด้วยกันมานานตั้งสามปีจะไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงไม่ใช่
“หย่าเหรอคะ เสียทองเท่าหัวณิจะไม่ยอมเสียผัวให้ใครแน่ ๆ อย่างน้อยถ้าใครมายุ่งกับพี่ มันก็ได้เป็นแค่เมียน้อยของพี่เท่านั้นแหละค่ะ”
ขาเรียวยาวก้าวเดินฉับ ๆ ๆ ออกจากห้องนอนไป ไม่เหลียวหันกลับมามองหน้าสามีเลยแม้แต่นิด จิรภัทรได้แต่มองตามหลังคนเป็นเมียด้วยความไม่พอใจ ไม่มีเลยสักครั้งที่ณิชาวีร์จะขึ้นเสียงใส่กันอย่างนี้มาก่อน
“อยากนอนกอดทะเบียนสมรสงั้นสิ ก็ได้! เธอจะได้กอดจนพอใจแน่ณิชาวีร์!!!”
อารมณ์หงุดหงิดหัวเสียแต่เช้าเช่นนี้ คงมีแค่สายน้ำเย็นที่ชุ่มฉ่ำเท่านั้นที่จะช่วยทำให้รู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง ร่างสูงจึงเดินเข้าไปภายในห้องน้ำจนได้เสียงน้ำสาดกระเซ็นลงกระทบพื้นอยู่นานสองนาน...
“คุณณิ ร้องไห้เป็นอะไรเหรอคะ?”
แม่นมจันทร์วาดหญิงสูงวัยที่ดูแลจิรภัทรมาตั้งแต่เป็นเด็ก ถึงกับมีสีหน้าแตกตื่นเมื่อณิชาวีร์วิ่งปาดน้ำตาเข้ามาสวมกอดถึงในครัว เสียงสะอื้นไห้ยังดังระงมอยู่นานหลายนาทีกว่าที่จะนิ่งเงียบอีกครั้ง แม่นมจันทร์วาดได้แต่ลูบหลังปลอบประโลมอยู่แบบนั้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“เป็นอะไรไปคะ คุณภัทรทำอะไรคุณณิมาหรือเปล่า?”
ฝ่ามือเรียวยกขึ้นปาดเช็ดหยาดน้ำตาที่ไหลอาบเปื้อนแก้ม สะอึกสะอื้นเหมือนผิดหวังเสียใจกับอะไรมาอย่างหนัก ดวงตาคู่สวยที่แดงก่ำจับจ้องมองหญิงสูงวัยตรงหน้า พร้อมกับโผเข้ากอดแน่น ๆ อีกครั้งเพื่อหาที่พึ่งพา
“คุณหนูของนมจันทร์เขาขอหย่ากับณิค่ะ”
“ตายจริง!! เกิดอะไรขึ้นกันคะ?”
“ไม่รู้ค่ะ เขาบอกไม่ได้รักณิแล้ว ยังมีหน้ามาขอณิไปมีคนอื่น ณิควรจะทำยังไงดีคะนม”
“คุณภัทรแค่พูดหยอกคุณณิเล่นหรือเปล่าคะ นมก็เห็นคุณภัทรรักคุณณิดีนี่นา มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไงนะ”
ณิชาวีร์ส่ายหน้าปฏิเสธ เขาเพิ่งจะพูดให้ได้ยินเต็มสองรูหู คงไม่มีอะไรมาล้อเล่นหรือมีเรื่องให้เข้าใจผิดกันได้หรอก
“เอาไว้ค่อยพูดคุยกันดี ๆ ตอนที่ทุกคนอารมณ์เย็นขึ้นจะดีกว่านะนมว่า ทานอาหารเที่ยงอร่อย ๆ ให้อารมณ์ดีก่อนดีกว่านะคะ เดี๋ยวนมจะตั้งโต๊ะให้ตอนนี้เลย”
“ขอณิทานในครัวกับนมนะคะ ณิไม่อยากเจอหน้าพี่ภัทร ณิไม่มีอะไรจะพูดกับเขาแล้ว”
“เฮ้อ... ก็ได้ค่ะ ถ้าคุณภัทรถามจะให้นมบอกว่ายังไงล่ะทีนี้”
“เขาไม่ถามหรอกค่ะนม เขาไม่สนใจณิมานานแล้ว ที่ผ่านมานมไม่สังเกตบ้างเลยเหรอคะ?”
“หนุ่มสาวงอนกัน ผัวเมียก็เหมือนลิ้นกับฟันนั่นแหละคุณณิ มีกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นเรื่องปกติ วันนี้โกรธเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็หาย”
“ถ้ามันบานปลายจนเกินที่จะเยียวยาล่ะคะนม ณิจะต้องยอมถอยใช่ไหม?”
แม่นมจันทร์วาดได้แต่จ้องมองใบหน้าของหญิงสาวคราวลูกอย่างเห็นอกเห็นใจ ใบหน้าขาวนวลเต็มไปด้วยน้ำใสไหลอาบแก้ม น้ำตาพรั่งพรูไม่ได้ขาดสาย นางไม่ใช่แม่ของจิรภัทร นางไม่มีสิทธิ์ที่จะบอกกล่าวหรือสอนสั่งอีกคนได้ ไม่ใช่ว่านางไม่รับรู้ว่าพักหลังมานี้คุณหนูที่เลี้ยงดูมากับมือมีทีท่าที่แปลกไป จนอยากจะนั่งจับเข่าคุยกันให้รู้เรื่องสักวันให้ได้ ตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่ายกมือเหี่ยวย่นคอยลูบหลังปลอบร่างบอบบางของคนตรงหน้าไปมาเบา ๆ
“ถึงวันนั้นถ้ามันจะหนักหนาจนเกินเยียวยา นมเชื่อว่าคุณณิคงทำดีที่สุดแล้ว นมก็จะเคารพการตัดสินใจของคุณณิเสมอ เลิกคุยเรื่องนี้กันดีกว่า ทานข้าวให้อิ่มท้องแล้วคุณณิก็ออกไปทำสวย ชอปปิ้งให้สบายอารมณ์ดีกว่านะคะ เครียดไปก็เท่านั้น ทำตัวเองให้มีความสุขเถอะนะคุณณิ”
คงเป็นคำพูดที่ปลอบประโลมความรู้สึกของคนในอ้อมกอดได้บ้าง นางรู้สึกสงสาร ณิชาวีย์เป็นคนที่กริยานอบน้อม ไม่ถือตัวกับทุกคนที่อยู่ในบ้าน แม้ตัวเองจะเป็นถึงภรรยาของเจ้าของบ้านแต่บ่อยครั้งเธอก็มักจะมาทานข้าวร่วมวงกับแม่บ้านและคนสวนคนรถอย่างไม่นึกรังเกียจ ถ้าหากวันหนึ่งไม่มีณิชาวีร์อยู่ที่นี่อีกแล้วจริง ๆ บ้านก็คงจะเงียบเหงามากจนไม่น่าอยู่อีกแล้วสินะ...