EP 8 : คุ้น

2173 Words
“มึงพาเมียมึงกลับเถอะไอ้แฟรงค์...อายใหญ่แล้วที่กูสองคนมาเห็นตอนพวกมึงเกือบเอากัน” ขวับ~ ฉันหันมามองผู้ชายข้าง ๆ ทันทีที่เขาพูดจบ แรงมาก คำพูดทั้งตรงและแรง จินตนาการไม่ออกเลยว่าถ้าฉันเป็นผู้หญิงคนนี้จะรู้สึกยังไงดี กลัว อาย อับอาย ขายขี้หน้า หรืออยากแทรกแผ่นดินหนี มันตรงและแรงมากจริง ๆ “ไปกันเถอะ” เขาหันมามองฉันจากนั้นก็พยักหน้าให้แล้วเดินนำฉันไปข้างหน้าและที่สำคัญคือต้องผ่านพี่แฟรงค์กับ...เมียของพี่เขา เฮ้อ~ ปวดหัวใจ ปวดทุกห้องปวดทุกจุด ปวดมากจนแทบจะลามไปถึงตับอ่อน T_T “...” ฉันมองแค่แผ่นหลังคนของแปลกหน้าพยายามไม่โฟกัสอะไรรอบข้างยิ่งตอนที่เดินผ่านพี่แฟรงค์กับเธอคนนั้นฉันก็ยิ่งจ้องไปที่จุดเดียวตรงเสื้อของเขาจนตาแทบเหล่พอพ้นออกมาถึงได้รู้ว่า หายใจทั่วท้อง มันเป็นยังไง “รู้จักไอ้แฟรงค์เหรอ” เดินออกมาข้างนอกกันแล้ว กำลังจะเดินไปที่รถเขาก็ถามขึ้น “ค่ะ” “รถจอดอยู่ตรงไหน” เขาหันมาถามเพราะเดินออกมาจากหลังร้านนิดเดียวก็เป็นลานจอดรถแล้ว “นั่นค่ะ” ฉันชี้ไปด้านขวา รถจอดอยู่ตรงนั้นเหลือคันเดียวโดด ๆ เลย “อื้ม” เขาตอบรับในลำคอแค่นี้แล้วก็...เดินเลี้ยวไปอีกทาง ฮะ? แยกกันดื้อ ๆ แบบนี้เลยเหรอ? “...” โอเค ไม่เป็นไร ไม่ได้อยากสานต่ออะไรอยู่แล้วแต่ก็แค่งง ๆ ว่าแยกกันง่าย ๆ ไม่มีคำลาตามมารยาทแบบนี้เลยเหรอ ฉันมองตามแผ่นหลังเขาที่เดินไปทางด้านที่มีรถหรูราคาสามสิบล้านบวกบวกบวกจอดอยู่ คิ้วของฉันขมวดเข้าหากันด้วยความงงตั้งแต่เขาเดินไปแต่สุดท้ายฉันก็ยักไหล่เบา ๆ แล้วเดินไปที่รถตัวเอง “ฟู่ว์~ ตั้งสติให้ได้เร็ว ๆ นะเซย์” ฉันจับพวงมาลัยรถให้แน่นด้วยมือทั้งสองข้างพ่นลมหายใจเต็มแรงเผื่อจะช่วยผ่อนคลายความหนักอึ้งในใจ เตือนสติตัวเองแล้วค่อยขับรถออกมาโดยที่ไม่มองกระจกหลังอีกเลย คงมาที่นี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ไม่มาแล้วค่ะ ไม่กล้ามาอีกต่อไป หลอนมาก หลอนหลายเรื่องเลยใครกล้ามาก็บ้าแล้ว -หลายวันต่อมา- “อิ๊งค์” “อื้อ” อิ๊งค์ที่นั่งกดโทรศัพท์ขานรับฉัน “ทำไมแขนช้ำ” “...อะไรนะ?” อิ๊งค์ละสายตาจากโทรศัพท์มามองหน้าฉันแล้วค่อยถาม ถามเหมือนงง ๆ แต่มีพิรุจแล้ว “ทำไมแขนช้ำ ไปชนอะไรมา” “ไหน” เหอะ! แกล้งทำเป็นยกข้อมือสองข้างมาตามหารอยช้ำซะงั้น “ถามถึงแขนไม่ใช่ข้อมือ” “อ้าวเหรอ โทษที ๆๆ ฟังไม่ถนัด ไหนอ่ะ” อิ๊งค์รีบยิ้มขำแต่มัน...เฮ้อ~ “เนียนนะอิ๊งค์ถ้าไม่รู้จักกันนาน” “อะไรของ... / อิ๊งค์” เสียงฉันที่เรียกเพื่อนทำให้เพื่อนสนิทเงียบไปทันที “...” “มันซ้อมเหรอ” “เปล่า แค่เผลอบีบแขนแรงนิดหน่อย เราตัวช้ำง่ายเซย์ก็...” หมับ! “ทะ ทำอะไรเซย์” “จะบีบดูไงว่ามันจะช้ำง่ายจริงไหม” ฉันกำต้นแขนอีกข้างของเพื่อนแล้วบีบเต็มแรงจนเพื่อนหน้าถอดสี “ซะ เซย์” “เจ็บไหม” ฉันบีบแรงมาก ไม่กลัวเพื่อนเจ็บ ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น บีบจนมือตัวเองสั่นเลยค่ะ “เซย์~” “เจ็บเหรอ?” ฉันจ้องหน้า ถามแล้วก็บีบให้แรงกว่านี้ถึงแม้ว่ามันจะสุดแรงฉันแล้วก็ตาม “เซย์เราเจ็บ พอเถอะ~” อิ๊งค์น้ำตาคลอตอนที่เอ่ยขอทำให้ฉันยอมคลายมือช้า ๆ “ขนาดแรงผู้หญิงยังเจ็บจนทนแทบไม่ไหวแล้วแรงผู้ชายตัวใหญ่กว่าตัวเองตั้งเยอะ...ทนทำไม?” “...” อิ๊งค์น้ำตาคลอก่อนจะก้มหน้าไม่กล้าสบตาฉัน “ไม่เข้าใจว่ะอิ๊งค์ ไม่ได้ขอเงินมันใช้ซะหน่อยแล้วจะทนเพื่อ? โลกนี้ไม่มีคนดีแล้วเหรอ ดีกว่ามันสักนิดก็ได้ไม่ใช่เหี้ยอย่างเดียวแบบนี้” “...เราไม่พร้อมจะเลิกกับพี่บูม” อิ๊งค์เสียงสั่นมากและคำตอบก็ทำให้ฉันกรอกตามองบน “โอเค ถ้างั้นก็ทน ไม่รู้หรอกว่าไปโดนอะไรมาแต่ระวังสักวันมันจะมากกว่านี้นะอิ๊งค์” “...อื้ม~” “เรากลับก่อนดีกว่า เดี๋ยวค่อยคุยกัน” วันนี้เราสองคนเข้ามาที่คณะ มาหาอาจารย์ที่ปรึกษาพอทำธุระเรียบร้อยมีเวลานิดหน่อยเลยนั่งเล่นกันก่อนแต่นั่งได้แป๊บเดียวตาฉันก็ไวเกินจนได้คุยเรื่องนี้ก่อนเรื่องอื่นไงเลยไม่มีอารมณ์จะนั่งคุยต่อแล้ว “...ขอโทษนะเซย์” อิ๊งค์มองฉันที่ลุกขึ้นยืน น้ำตาที่คลอก็ไหลออกมาช้า ๆ หลังจากที่เอ่ยคำขอโทษฉันจบแต่ฉันส่ายหน้าเบา ๆ “ขอโทษหัวใจกับร่างกายตัวเองดีกว่าอิ๊งค์ ขอโทษมันบ้างเพราะแกทำร้ายมันมามากพอแล้ว” “...อื้ม” อิ๊งค์รับคำช้า ๆ แต่ฉันไม่คิดจะพูดอะไรอีก ฉันเลือกที่จะเดินออกมาเลย ไม่ได้โกรธเพื่อนหรอกแค่เหนื่อยที่จะบอกและเตือนแล้ว ก็รู้นะว่าบอกไปเตือนไปเพื่อนก็รักไอ้บูดนั่นจนยอมทุกอย่างอยู่ดีแต่ให้ตายเถอะมาเห็นรอยช้ำที่แขนเป็นปื้นขนาดนี้ใครจะทนหุบปากไหว น่าโมโหเป็นบ้า ทั้งไอ้บูดสันดานหมาทั้งเพื่อนสนิทที่รักเขาจนไม่รู้จักรักตัวเอง ทนได้ยังไง? ให้ตายเถอะฉันรู้สึกแย่กับเรื่องราวเส็งเคร็งในชีวิตที่เกิดขึ้นตอนนี้มากเลยนะแต่พอวันนี้ได้เจออิ๊งค์ฉันก็อยากขอบคุณตัวเองมากที่เข้มแข็งและแข็งแรงได้มากขนาดนี้ ตื๊ดดดด ตื๊ดดด ...พี่แหม่ม ติ๊ด! “ค่ะพี่แหม่ม” “บ่ายเข้าออฟฟิตทันไหมคนสวย” “ทันค่ะกำลังไป แต่อาจจะเลทสักสิบยี่สิบนาทีนะคะเผื่อรถติดค่ะ” “จ้า ไม่เป็นไร เข้ามาพี่แหม่มก็ดีใจแล้ว เจอกันนะคนสวย” “ค่ะพี่แหม่ม” ฉันรับคำเสียงสดใสแล้วพี่แหม่ม...ป้ามหาภัย ก็กดวางสายไปเลย เหอะ! เรียกไปเดินเอกสารไม่ก็พิมพ์งานแทนชัวร์ หายหงุดหงิดเรื่องอิ๊งค์ในบัดดลเลยค่ะ แค่ได้ยินเสียงหวานก้นเปรี้ยวของพี่แหม่มฉันก็เลิกหงุดหงิดกับทุกเรื่องแล้วพุ่งไปหงุดหงิดพี่แหม่มแทน ชีวิตเด็กฝึกงานเนอะ ทนเอาแล้วกันอีกแค่สามเดือน ถึงแม้จะเป็นสามเดือนที่เหมือนจะขาดใจ รู้ไหมคะว่าฝึกงานได้แค่เดือนเดียวฉันอยากวิ่งไปกรี๊ดใส่กระจกห้องน้ำของออฟฟิตวันละแปดรอบได้มั้ง เลือกที่ฝึกงานผิดคิดจนตัวตายพอ ๆ กับไอ้อิ๊งค์ที่เลือกผัวผิดคิดจนตัวตายเลยมั้ง T^T ถึงแม้ว่าจะแอบดีนิดหน่อยที่รุ่นพี่ในแผนกงานดีหลายคนก็ตาม -สองอาทิตย์ต่อมา- “น้องเซย์~” ...เฮ้อ~ “ขาพี่แหม่ม~” ฉันขานรับเสียงสดใส นี่สินะรสชาติของการเป็นผู้ใหญ่ ขมแค่ไหนก็ต้องทำเป็นหวานเข้าไว้ “พี่มีเรื่องที่จะให้น้องเซย์ได้แสดงความสามารถของหนูแล้วค่ะคนสวย” “ค่ะ” ^^ เหอะ! ก็เห็นมีเรื่องให้แสดงความสามารถทุกวันนะ จะใช้ก็ใช้เถอะเหนื่อยคุยเยอะ “พอดีว่ามีลูกค้าคนหนึ่งของบริษัทที่ค่อนข้างคุยยากหน่อย ใครคุยด้วยก็คุยย๊ากยาก~ ตอนนี้ยังปิดดีลไม่ได้เลย” “อ่า...ค่ะ” เหมือนจะเริ่มรู้ชะตากรรมตัวเองแล้วค่ะ ยิ่งเสียงหวาน ๆ กับรอยยิ้มประจบของพี่แหม่มยิ่งบอกชะตากรรมชัดเจน “นี่พี่ก็ให้ฝ่ายขายแสดงความสามารถกันหลายคนแล้วแต่ก็ทำไม่ได้สักคน พี่แหม่มมองหาใครที่จะทำสำเร็จไม่ได้เลยนอกจากน้องเซย์คนสวยของพี่แหม่มคนนี้ เพราะหนูเก่งมาก~” “แต่หนูเป็นแค่เด็กฝึกงานนะคะพี่แหม่ม พี่ ๆ เขามีประสบการณ์กันยังคุยไม่ได้แล้วหนูที่ไม่มี... / หนูมีพรสวรรค์และความรู้ความสามารถจ้ะ พี่มองเห็นตั้งแต่วันแรกที่หนูมาฝึกงานแล้ว ไม่งั้นพี่ไม่ไว้ใจให้หนูทำหรอก” เอ้อ~ ก็พูดมาได้นะ ถ้าไว้ใจในพรสวรรค์และความรู้ความสามารถของหนูทำไมไม่ให้คุยกับลูกค้าตั้งแต่แรกไปเลยล่ะคะ! ฉันพยายามจะอ้าปากปฏิเสธแล้วนะคะแต่สุดท้ายฉันก็พ่ายแพ้ให้กับอำนาจมืด มาเฟียของออฟฟิตนี้อย่างพี่แหม่มคนนี้อยู่ดี แล้วมันไม่ใช่แค่นั้นนะ พี่แหม่มบังคับฉันเสร็จบอสก็เดินผ่านมาพอดีพี่แหม่มเลยบอกบอสว่าจะให้ฉันคุยและมั่นใจว่าฉันคุยได้ล้านเปอร์เซ็นต์ นี่มันบ้า มันบ้าสุด ๆ ไปเลย T^T -ครึ่งชั่วโมงต่อมา- “ฟู่ว์~” ตื๊ดดดด ตื๊ดดด ติ๊ด! (สวัสดีครับ) “...” เสียงทุ้มหล่อมาก~ (ฮัลโหล ได้ยินรึเปล่า) “เอ่อ ค่ะ สวัสดีค่ะดิฉันโทรมาจากบริษัท XXX นะคะ” (บริษัท XXX?) “ค่ะ” (ผมปฏิเสธไปแล้วนี่ว่าไม่เอาบริษัทคุณ) “คะ?” ฉันได้ยินคำพูดของลูกค้าก็ถึงกับเหวอ ไหนพี่แหม่มบอกว่าแค่ปิดดีลไม่ลงตัวเลยจะให้ฉันโทรมาขอนัดลูกค้าเพื่อเสนองานใหม่ไง แต่นี่ให้ฉันโทรมาตื๊อลูกค้าที่เขาปฏิเสธไปแล้วน่ะเหรอ? บ้า! บ้าที่สุดเลย! ฉันมองไปที่พี่แหม่มที่นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ พอฉันมองหน้าเพื่อขอความช่วยเหลือพี่แหม่มก็ยิ้มให้ แต่เป็นยิ้มที่กดดันสุด ๆ ไปเลย นี่มันอะไรนักหนาชีวิตเซย์นิสเนี่ย! T^T “คือ...ดิฉันไม่ซะ เอ่อ ดิฉันได้รับทราบปัญหาที่ลูกค้าต้องการให้ปรับแก้แล้วค่ะ ตอนนี้ทางเราได้ปรับแก้ตามแบบที่ลูกค้าต้องการแล้วเลยอยากจะขอโอกาสให้ทางเราได้เสนองานอีกสักครั้งได้ไหมคะ” (ผมไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอกครับ ผมให้โอกาสทางคุณเสนอใหม่ห้ารอบแล้ว) ปฏิเสธชัดเจนเลยค่ะ ฉันมองพี่แหม่มเพื่อขอความช่วยเหลืออีกครั้งแต่สิ่งที่ได้ก็คือยิ้มหวานที่เพิ่มความกดดันมากกว่าเดิม “ดิฉันทราบค่ะ” ทราบเมื่อกี้ T^T “แต่ดิฉันอยากขอโอกาสเสนองานใหม่อีกสักครั้ง แค่ครั้งสุดท้ายค่ะ ให้โอกาสบริษัทเราเถอะนะคะ งานของลูกค้าทางเราตั้งใจมาก มันอาจจะไม่ตรงใจลูกค้าถึงห้าครั้งแต่ก็ยังอยากจะขอโอกาสเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อให้เราได้เสนอในสิ่งที่ทุ่มเททุกอย่างลงไปเพื่อให้ตรงตามความต้องการลูกค้าค่ะ” ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดออกไปมันจะได้ผลรึเปล่า ฉันพูดด้วยความกดดันสุด ๆ ไปเลย แต่ฉันว่าลูกค้าเขาคงไม่... (ผมมีเวลาแค่พรุ่งนี้ตอนบ่าย คุณเข้ามาเสนอใหม่แล้วกันแต่ถ้ายังไม่โอเคอีกผมคงไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่เจ็ดให้บริษัทคุณ) “คะ?” (พรุ่งนี้บ่ายโมงตรง อย่าเลท) “ค่ะ ๆๆ ขอบคุณมากนะคะ” ติ๊ด! “กรี๊ด~ พี่ทำได้แล้วน้องเซย์! พี่ทำได้แล้ว~” ฉันวางสายเสร็จพี่แหม่มก็ลุกขึ้นกระโดดกรีดร้องเฮโลด้วยความดีใจทันที แต่...ฮะ? ฉันทำได้ไม่ใช่เหรอวะ??? #SHEYNNIS END #TUN TALK (ดิฉันทราบค่ะ) (แต่ดิฉันอยากขอโอกาสเสนองานใหม่อีกสักครั้ง แค่ครั้งสุดท้ายค่ะ ให้โอกาสบริษัทเราเถอะนะคะ งานของลูกค้าทางเราตั้งใจมาก มันอาจจะไม่ตรงใจลูกค้าถึงห้าครั้งแต่ก็ยังอยากจะขอโอกาสเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อให้เราได้เสนอในสิ่งที่ทุ่มเททุกอย่างลงไปเพื่อให้ตรงตามความต้องการลูกค้าค่ะ) “ผมมีเวลาแค่พรุ่งนี้ตอนบ่าย เข้ามาแล้วกัน แต่ถ้ายังไม่โอเคอีกผมคงไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่เจ็ดให้บริษัทคุณ” (คะ?) “พรุ่งนี้บ่ายโมงตรง อย่าเลท” (ค่ะ ๆๆ ขอบคุณมากนะคะ) ติ๊ด! “...” ผมกดวางสายจากคนของบริษัทรับเหมาที่เขียนแบบมาไม่ได้เรื่องเลยสักครั้งให้โอกาสแก้มาห้ารอบก็ไม่ได้เรื่องจนบอกยกเลิกไปแล้วเพราะมันทำให้ผมเสียเวลาแต่สุดท้ายพอโดนขอร้องผมก็ยอมให้เข้ามาเสนออีกรอบ เสียงคุ้น คุ้นมาก คุ้นเหมือนคนที่ผม...เคยนอนด้วย “...อ่าส์~” ผมพยายามจะบอกตัวเองว่าไม่ใช่แต่มันก็คุ้นมากเกินไป เสียงเหมือนผู้หญิงคนนั้นคู่นอนชั่วคราวคนแรกในชีวิตที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ เสียงที่ได้ยินแล้วผมได้แต่ภาวนาให้มันแค่เหมือนแต่อย่าให้เป็นผู้หญิงคนนั้นเลย...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD