สิ้นสุดเดือนเจ็ดไปไม่นานก็เริ่มเข้าฤดูฝนเมืองเสียนหยางเกิดฝนตกติดต่อกันนานหลายวัน ท้องฟ้าไม่เคยมีแสงสว่างของดวงอาทิตย์นานเป็นเดือนตลอดเวลามีฝนตกอยู่ตลอดทั้งวัน แม้จะไม่ตกหนักแต่ก็ทำให้ผู้คนสัญจรกันอย่างยากลำบากทำให้กิจการร้านน้ำชาซิงไถเงียบเหงาลงเป็นอย่างมากตรงกันข้ามกับร้านยาเหอถังที่ในเวลานี้มีผู้คนมาซื้อยาสมุนไพรกันอย่างไม่ขาดสาย
หลังจากฤดูฝนผ่านมาได้เดือนกว่า ๆ เหตุการณ์ที่กู้ฮุ่ยหมิงคาดไว้ก็เกิดขึ้นชาวบ้านเริ่มมีอาการเป็นไข้ตัวร้อน ถึงแม้จะกินยารักษาแต่เวลาผ่านไปหลายวันอาการก็ไม่ดีขึ้นกลับมีอาการหนาวสั่นเกิดขึ้นทำให้ครอบครัวของคนป่วยเป็นกังวลอย่างมาก
กู้ฮุ่ยหมิงจึงให้หยงอันที่เป็นหลงจู๋ของร้านขายยาเหอถังประกาศออกไปว่าร้านขายยาเหอถึงมีสมุนไพรรักษาไข้จับสั่น ชาวบ้านไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะรักษามานานหลายวันคนที่กำลังป่วยอยู่ในครอบครัวอาการก็ไม่ดีขึ้น ดังนั้นเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นจึงได้มาซื้อสมุนไพรที่ร้านขายยาเหอถังไปเสี่ยงดวงดูเผื่อว่าสวรรค์เข้าข้างจะทำให้คนที่กำลังป่วยอยู่หายจากอาการเจ็บไข้ ผ่านไปเพียงสามวันข่าวที่ว่าสมุนไพรร้านขายยาเหอถังสามารถรักษาอาการของไข้จับสั่นได้ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเสียนหยาง
ชาวเมืองที่ได้รู้ข่าวต่างก็เร่งรีบมาซื้อยาสมุนไพรที่ร้านขายยาเหอถังไปเก็บไว้ที่บ้านของตนเพราะกลัวว่าเมื่อมีคนภายในครอบครัวเกิดป่วยไข้ยาสมุนไพรที่มีอยู่ภายในร้านขายยาจะถูกขายไปจนหมดเสียก่อน
ภายในบริเวณลานหน้าเรือนนอนของกู้ฮุ่ยหมิงอันฉีออกคำสั่งให้คนรับใช้ถอนหญ้าออกจากแปลงดอกไม้เพื่อเตรียมดิน หลังจากที่ฝนตกติดต่อกันมานานหลายวันทำให้ต้นดอกไม้หลายต้นเน่าตายอันฉีตั้งใจว่าเมื่อฝนหยุดตกจะหาดอกไม้สวย ๆ มาปลูกใหม่
“พี่เฉินชุนท่านมาที่เรือนคุณหนูทำไมเจ้าค่ะ?”
อันฉีที่กำลังชี้นิ้วสั่งงานคนงานอยู่บังเอิญหันมาเห็นองครักษ์หนุ่มเดินตรงมาที่เรือนพอดีจึงถามด้วยความแปลกใจ
“อันฉี คุณหนูกู้ฮุ่ยหนิงกำลังทำอะไรอยู่?”
“พี่เฉินชุนถามถึงคุณหนูทำไมเจ้าค่ะ?”
“ท่านแม่ทัพให้ข้ามาเชิญคุณหนูไปพบที่ห้องหนังสือ”
“คุณหนูพักผ่อนอยู่ในห้องพี่เฉินชุนกลับไปก่อนเดี๋ยวข้าจะเข้าไปรายงานคุณหนูให้เองเจ้าคะ”
“ได้ข้าจะกลับไปเรียนท่านแม่ทัพก่อน”
อันฉีเดินเข้าไปในเรือนเพื่อแจ้งให้คุณหนูของตนเมื่อเปิดประตูเรือนเข้าไปถึงได้รู้ว่าคุณหนูของนางได้งีบหลับอยู่ที่เก้าอี้คนงามเสียแล้วจึงได้เดินเข้าไปปลุกเพราะถ้าให้ท่านแม่ทัพรอนานคงจะไม่ดี
“คุณหนูตื่นเถอะเจ้าค่ะ”
“อืมม อันฉีเจ้ามาปลุกข้าทำไม?”
กู้ฮุ่ยหมิงขยับตัวลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงียด้วยความง่วงนอนถึงแม้วิญญาณของนางจะเป็นผู้ใหญ่แต่ร่างกายในยามนี้เป็นเพียงเด็กเท่านั้นดังนั้นบางครั้งการที่ทำอะไรฝืนร่างกายตัวเองมากเกินไปเป็นเวลานานก็ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียได้เช่นกัน
“คุณหนูท่านแม่ทัพให้เฉินชุนมาเชิญคุณหนูไปพบที่ห้องหนังสือเวลานี้เจ้าค่ะ”
“ท่านพ่อต้องการพบข้าทำไมกัน?”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันเจ้าค่ะ คุณหนูล้างหน้าล้างตาเสียหน่อยจะได้สดชื่น”
กู้ฮุ่ยหนิงลุกขึ้นจากตั่งนอนเดินไปล้างหน้าล้างตาที่อ่างล้างหน้าก่อนที่จะเดินมานั่งที่หน้ากระจกปล่อยให้อันฉีหวีผมให้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินออกจากเรือนนอนตรงไปยังห้องหนังสือของบิดา แม้กู้ฮุ่ยหนิงพอจะเดาออกแล้วว่าบิดาเรียกไปพบนั้นคือเรื่องใดแต่พอเดินมาถึงหน้าห้องหนังสือที่แม่ทัพกู้ตงหยางรอยู่กุ้ฮุ่ยหนิงกลับทำหน้าตาไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องอะไร
“ท่านพ่อ ท่านต้องการพบลูกหรือเจ้าค่ะ”
“หนิงเอ๋อมา เข้ามานั่งกับพ่อตรงนี้”
ท่านแม่ทัพกู้ตงหยางกวักมือเรียกบุตรสาวคนเล็กด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและรักใคร่บอกให้บุตรสาวเข้ามานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ ตนอย่างใจดี
“เจ้าค่ะ”
สายตาของคนเป็นพ่อจ้องมองบุตรสาวที่เดินเข้ามาภายในห้องหนังสือด้วยดวงตาครุ่นคิดและสงสัย เมื่อวันก่อนท่านหมอซูที่ประจำอยู่ค่ายทหารมารายงานตนว่ามีทหารหลายร้อยคนได้ล้มป่วยด้วยโรคไข้สั่นหมอซุนไม่สามารถรักษาได้เพราะยาสมุนไพรที่มีอยู่ในยามนี้ไม่สามารถนำมารักษาโรคของพวกทหารได้
หมอซุนได้ยินว่าภายในเมืองร้านยาเหอถังได้ขายยาสมุนไพรที่สามารถรักษาโรคไข้สั่นนี้ได้แต่เมื่อสั่งให้คนไปขอซื้อกลับพบว่าสมุนไพรที่ร้านยาเหอถังมีจำนวนน้อยไม่พอต่อความต้องการของทหารที่ล้มป่วยในยามนี้ แต่เมื่อรองแม่ทัพกู้หวังหมิ่นบุตรชายคนโตของท่านแม่ทัพกู้ตงหยางได้เห็นยาสมุนที่อยู่ภายในห่อที่ทหารนำกลับมาด้วย คุณชายใหญ่กลับบอกว่ามันเป็นหญ้าที่น้องสาวคนเล็กของเขารับซื้อไว้เมื่อหลายเดือนก่อนทำให้หมอซุนทั้งแปลกใจและดีใจเป็นอย่างมากจึงนำเรื่องดังกล่าวมาเล่าให้ท่านแม่ทัพฟัง
ถึงแม้เมื่อหลายเดือนก่อนแม่ทัพกู้ตงหยางจะแปลกใจที่บุตรสาวของตนรับซื้อหญ้าจากชาวบ้านไว้เป็นจำนวนมากแต่เขาก็เพียงแค่คิดว่าบุตรสาวเพียงแค่เล่นสนุกเพราะแม่ทัพกู้รู้เรื่องนี้หลังจากที่บุตรสาวได้เลิกรับซื้อแล้ว เพราะในช่วงเวลานั้นตนเองได้นำกำลังทหารบางส่วนออกลาดตระเวนตามภูเขาเพื่อป้องกันทหารของแคว้นศัตรูแอบล่วงล้ำเข้ามาตามบริเวณป่าบนเขาเป็นเวลานานกว่าจะกลับมาถึงจวนส่วนเรื่องที่บุตรสาวรับซื้อหญ้าก็ได้รู้มาจากภรรยาของตนอีกทีเช่นกัน ในวันที่หมอซูเข้ามาแจ้งเรื่องดังกล่าวจึงทำให้แม่ทัพกู้ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านพ่อต้องการพบลูกมีเรื่องอันใดหรือเจ้าค่ะ?”
“หนิงเอ๋อ พ่อได้ยินพี่ใหญ่ของลูกบอกว่าเจ้ามียาสมุนไพรที่ใช้รักษาโรคไข้สั่นเป็นจำนวนมากใช่หรือไม่?”
“ใช่ที่ไหนกันเจ้าค่ะ สมุนไพรพวกนั้นพี่รองเป็นคนรับซื้อไว้”
กู้ฮุ่ยหนิงที่กำลังยกถ้วยน้ำชาขึ้นดื่มรีบปฏิเสธเสียงแข็งไว้ก่อนถึงแม้จะรู้ว่าบิดาคงจะได้รู้ความจริงหมดแล้วจึงได้เรียกนางมาสอบถามเช่นนี้
“เจ้าเด็กดื้อคนนี้พี่ใหญ่ของเจ้าบอกความจริงกับพ่อหมดแล้วยังจะมาปฏิเสธอีก”
“ท่านพ่อ”
“พอ ๆ ไม่ต้องพูดแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ลูกจะมาทำเป็นเรื่องเล่น ๆ ไม่ได้นะหนิงเอ๋อเพราะมันเกี่ยวพันถึงชีวิตทหารหลายร้อยคนที่อยู่ภายในค่ายทหารของเรา”
แม่ทัพกู้ตงหยางรีบกล่าวกับบุตรสาวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ข้าก็ไม่คิดจะทำเป็นเรื่องล้อเล่นนะเจ้าค่ะ”
“เป็นเช่นนั้น”
“เจ้าค่ะลูกจะให้หยงอันนำสมุนไพรไปส่งที่ค่ายทหารของท่านพ่อพรุ่งนี้เช้า”
“ขอบใจลูกมากพ่อจะให้ท่านหมอซุนนำเงินมาจ่ายค่าสมุนไพรให้กับลูก พ่อจะไม่ให้ลูกเสียเปรียบอย่างแน่นอน”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านพ่อ พี่รองจ่ายค่าสมุนไพรในครั้งนี้แล้ว”
กู้ฮุ่ยหมิงยิ้มให้บิดาด้วยความเจ้าเล่ห์
เมื่อถึงรุ่งเช้าหยงอันได้นำสมุนไพรในโกดังไปให้หมอซุนที่ค่ายทหารตามคำสั่งของกู้ฮุ่ยหมิง และอีกหลายวันต่อมาแม่ทัพกู้และฮูหยินที่กำลังพักผ่อนอยู่ภายในจวนได้ยินเสียงร้องโหยหวนของบุตรชายคนรองร้องเสียงดังก้องไปทั่วเรือน จนทำให้นกที่จับอยู่ตามต้นไม้และชายคาเรือนภายในจวนแม่ทัพตกใจบินหนีกันไปจนหมดสิ้น
“ป้าเจินใครเป็นอะไรถึงได้ร้องเสียงดังเช่นนี้?”
ฮูหยินที่กำลังนั่งดื่มชาอยู่ภายในเรือนของตนถามด้วยความตกใจ
“บ่าวก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เสียงนี้คล้ายกับเสียงของคุณชายรองนะเจ้าค่ะ”
“ส่งใครไปดูที่เรือนคุณชายรองหน่อยว่ามีใครเป็นอะไร”
“เจ้าค่ะฮูหยิน”
ผ่านไปเพียงหนึ่งถ้วยชาบ่าวรับใช้ที่ถูกส่งไปดูเหตุการณ์ก็ได้กลับเข้ามารายงานนายหญิงของจวน
“เรียนท่านแม่ทัพและฮูหยินเป็นเสียงร้องของคุณชายรองเจ้าค่ะ คุณชายรองแพ้พนันให้กับคุณหนูต้องเสียของมีค่าที่อยู่ในคลังสมบัติส่วนตัวทั้งหมดให้กับคุณหนูเจ้าค่ะ”
สาวใช้ที่ถูกส่งออกไปถามข่าวรีบร้อนกลับมารายงานท่านแม่ทัพและฮูหยินให้ทราบ
ไม่ถึงครึ่งวันเรื่องที่คุณชายรองแพ้พนันให้กับคุณหนูกู้ฮุ่ยหมิงถูกบ่าวภายในจวนแม่ทัพรู้กันจนทั่วเรือนบ่าวรับใช้ได้แต่ส่ายหัวให้และไว้อาลัยถึงแม้จะสงสารคุณชายรองที่ต้องเสียรู้ให้กับน้องสาวแต่พวกเขาเป็นเพียงบ่าวไม่อาจจะยื่นมือช่วยเหลือเจ้านายได้ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าการพนันที่ว่านั้นคืออะไรก็ตาม
หลังจากผ่านพ้นฤดูฝนไปกู้ฮุ่ยหมิงได้มีสมบัติส่วนตัวเพิ่มมากขึ้นทำให้มีทุนในการขยายกิจการค้าไปได้อีกหลายแห่ง ตามที่นางวางแผนไว้กำไรจากการขายยาสมุนไพรที่เมืองฟูอันและเมืองที่อยู่ใกล้เคียงทำให้เงินตำลึงในห้องสมบัติส่วนตัวของกู้อันหนิงเพิ่มขึ้นอีกหลายสิบหีบดังนั้นกู้ฮุ่ยหนิงจึงวางแผนจะเริ่มเปิดร้านตามเมืองต่าง ๆ ก่อนที่จะเริ่มขยับขยายเข้าสู่เมืองหลวงซึ่งเป็นกลยุทธ์เรียกว่าป่าล้อมเมือง กู้ฮุ่ยหนิงไม่ต้องการให้กิจการค้าของตนเข้าไปกระจุกตัวอยู่ที่เมืองหลวงแคว้นจ้าวเพียงแห่งเดียว เป้าหมายของกู้ฮุ่ยหนิงคือเมืองหลวงของแคว้นต่าง ๆ ในหกแคว้นต้องมีกิจการค้าของตนเองอย่างน้อยห้าถึงสิบร้านค้าซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงอีกด้วย