ถึงแม้กู้หวังจิ้งพี่ชายรองของนางจะไม่ค่อยฉลาดแต่เขามีความซื่อสัตย์เป็นอย่างมาก จึงทำให้จ้าวลู่เหวินวางใจให้พี่ชายคนรองของกู้ฮุ่ยหมิงดูแลกิจการร้านค้าที่ทำผิดกฎหมายเพราะถือเป็นกิจการเหล่านั้นถือเป็นกิจการที่สำคัญที่ทำเงินให้กับองค์ชายสี่เป็นจำนวนมาก
“น้องสาวเจ้าหิวหรือระหว่างทางพี่ชายเดินผ่านร้านขายขนมที่เจ้าชอบพี่ชายเลยซื้อมาฝาก”
“ขอบคุณพี่รองเจ้าค่ะ”
มือเล็ก ๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยยื่นไปรับห่อขนมจากมือพี่ชายคนรองมาถือไว้ พร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างยินดีทำให้กู้หวังจิ้งจ้องมองน้องสาวตัวน้อยของเขาอย่างหลงใหล
ทำไมน้องสาวของเขาถึงได้เป็นเด็กที่ฉลาดและน่ารักเช่นนี้จากนี้ไปไม่ว่าจะพบเจอของอร่อยที่ไหนเขากู้หวังจิ้งจะซื้อกลับมาฝากน้องสาวตัวน้อยของตนเองทุกครั้ง
“น้องสาวพี่ใหญ่ก็มีของมาฝากเจ้าเช่นกัน”
กู้หวังหมิ่นล้วงเครื่องประดับติดผมที่ทำจากเงินเป็นรูปดอกไม้ออกมาจากอกเสื้อก่อนที่จะยื่นไปตรงหน้าน้องสาวตัวน้อยพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนจะใจดี
“ขอบคุณพี่ใหญ่ข้าชอบมาก พี่ใหญ่ช่วยติดที่ผมให้ข้าด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ได้”
กู้หวังหมิ่นเดินเข้าไปใกล้น้องสาวของตนเอง ก่อนที่จะติดเครื่องประดับบนมวยผมของน้องสาวอย่างเบามือ เพราะเขาเป็นทหารหากไม่ระวังกลัวทำน้องสาวเจ็บ
“หนิงเอ๋อของพี่น่ารักมาก”
กู้หวังจิ้งมองน้องสาวของตนด้วยแววตาที่หลงใหลเขาใฝ่ฝันมานานอยากให้น้องสาวมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาที่จวนชายแดนแต่ท่านแม่บอกว่าท่านย่าไม่ยอมส่งตัวน้องสาวมาที่เมืองเสียนหยางเพราะน้องสาวยังเด็กอยู่ แต่อยู่ ๆ กลับมีหนังสือจากพ่อบ้านที่ดูแลจวนตระกูลกู้ในเมืองหลวงส่งมาถึงท่านพ่อบอกว่าตระกูลกู้ที่อยู่ในเมืองหลวงต้องการส่งตัวน้องสาวคนเล็กมาอยู่กับครอบครัวที่ชายแดน
น้องสาวของเขามาถึงเมืองเสียนหยางได้หนึ่งเดือนแล้ว พวกเขายังไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงเลยว่าทำไมตระกูลกู้ที่อยู่ในเมืองหลวงถึงได้ส่งตัวน้องสาวของพวกเขามายังชายแดนแบบเร่งด่วนเช่นนี้
“ขอบคุณพี่ชายทั้งสองเจ้าค่ะ”
กู้ฮุ่ยหนิงกล่าวขอบคุณพี่ชายทั้งสองด้วยรอยยิ้ม เกิดใหม่ครั้งนี้นางจะไม่ทำความผิดซ้ำเป็นครั้งที่สอง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกู้ฮุ่ยหมิงจะใช้ความรู้ความสามารถของนางที่มีทั้งหมดปกป้องคนที่นางรักไว้ให้ได้
“หนิงเอ๋อคงจะหิวข้าวแล้วพวกเรากินข้าวก่อนแล้วค่อยคุยกัน”
ดวงตากลมโตไร้เดียงสาของกู้ฮุ่ยหมิงจ้องมองพี่ชายทั้งสองพร้อมกับพยักหน้า ร่างสูงของกู้หวังหมิ่นทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ด้านซ้ายของน้องสาว ส่วนเก้าอี้ด้านขวาถูกจับจองโดยกู้ฮุ่ยจิ้งชายหนุ่มทั้งสองคนต่างแย่งกันคีบอาหารในจานที่วางอยู่บนโต๊ะให้กับน้องสาวคนเล็กอย่างเอาใจใส่
“พี่ใหญ่ พี่รอง พอได้แล้วอาหารเต็มถ้วยของข้าแล้วพวกท่านก็กินบ้างเถอะเจ้าค่ะ”
มือเล็ก ๆ ของกู้ฮุ่ยหนิงขยับตะเกียบคีบเนื้อใส่ถ้วยของพี่ชายคนละชิ้นอย่างเอาใจ
เมื่อได้รับการดูแลจากน้องสาวกู้หวังหมิ่นก็ก้มลงพุ้ยข้าวเข้าปากอย่างมีความสุข น้องสาวของเขาน่ารักสวยงามเหมือนเทพธิดาตัวน้อย ๆ แม้อายุยังไม่มากแต่ก็รู้ความยิ่งนัก นางไม่เพียงแต่เชื่อฟังคำพูดของท่านพ่อ ท่านแม่ แต่นางยังคอยเอาใจใส่พวกเขาทั้งสองคนที่เป็นพี่ชายด้วย
กู้หวังจิ้นไม่รู้เลยว่าในอนาคตอีกหลายปีข้างหน้าตนเองจะต้องร้องคร่ำครวญเสียใจเพราะน้องสาวตัวน้อยที่ตนเองมองว่าน่ารักเหมือนเทพธิดา
เวลานี้เมืองเสียนหยางที่ติดชายแดนทางใต้สงบสุข ทำให้ผู้คนในเมืองชายแดนมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ผิดกับชายแดนทางเหนือที่ในเวลานี้กำลังมีศึกสงครามสู้รบกัน
กู้ฮุ่ยหนิงจำได้ว่าเคยอ่านในบันทึกรายงานที่ตำหนักองค์ชายสี่ถึงการทำศึกสงครามของชินอ๋อง ในเวลานี้ชินอ๋องหน้าจะอายุประมาณยี่สิบปีเพราะในรายงานเขียนไว้ว่า เมื่อชินอ๋องจ้าวเฟยฉีอายุยี่สิบปีได้รับแต่งตั้งตำแหน่งเป็นแม่ทัพพิทักษ์แคว้นประจำอยู่ที่กองทัพทหารชายแดนเหนือ
ในช่วงเวลานั้นอีกฝ่ายคงจะกำลังนำกองทัพทหารกว่าหนึ่งแสนนายบุกตะลุยทำศึกกับสองแคว้นซึ่งจะใช้เวลาเพียงสี่ปีชินอ๋องก็สามารถเอาชนะศึกกับแคว้นหลงและแคว้นโจได้สำเร็จ ทั้งสองแคว้นที่มีกำลังทหารมากกว่าแต่กลับพ่ายแพ้ให้กับกองทัพที่แข็งแกร่งของชินอ๋องจ้าวเฟยฉีกองทัพทหารของทั้งสองแคว้นถูกกองทัพไร้พ่ายของชินอ๋องจ้าวเฟยฉีทำลายอย่างย่อยยับ
เรื่องราวความแข็งแกร่งและความโหดร้ายของกองทัพชินอ๋องเป็นที่กล่าวถึงกันเป็นอย่างมาก ทำให้แคว้นเจียงเลือกที่จะเจรจาสงบศึกและส่งเครื่องบรรณาการให้กับแคว้นจ้าวในเวลาต่อมา ทำให้สามแคว้นทางเหนือได้แก่แคว้นหลง แคว้นโจ และแคว้นหยาง ยอมทำสัญญาสงบศึกเป็นเวลาหนึ่งร้อยปีนับจากนั้น แต่เวลาผ่านไปแค่สามสิบปีแคว้นหลงและแคว้นโจที่มีฮ่องเต้องค์ใหม่ทำให้ทั้งสองแคว้นร่วมมือกันฉีกสัญญาสงบศึกที่ได้ทำไว้กับแคว้นจ้าวทำให้เกิดสงครามสามดินแดนขึ้น ซึ่งในเวลานั้นชินอ๋องจ้าวเฟยฉีได้นำกำลังทหารออกทำศึกอย่างห้าวหาญจนกระทั่งเสียชีวิตในสนามรบเหตุการณ์เหล่านี้ได้เกิดขึ้นหลังจากที่กู้ฮุ่ยหนิงได้เสียชีวิตไปนานหลายปีแล้วแต่เพราะวิญญาณไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้จึงทำให้นางได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากที่ตนเองตาย
ส่วนเมืองเสียนหยางที่อยู่ติดกับชายแดนทางใต้กองกำลังทหารของบิดากู้ฮุ่ยหนิงเป็นแม่ทัพพิทักษ์ชายแดนประจำการอยู่ กลับเกิดการระบาดของโรคไข้จับสั่นอย่างหนักทำให้ประชาชนล้มตายเพราะอาการป่วย โรคระบาดที่เกิดขึ้นทำให้ทหารในกองทัพของท่านพ่อเสียชีวิตไปหลายพันคนในเวลานั้นกองทัพอ่อนแอลงเพราะมีทหารติดโรคระบาดจำนวนหลายพันคน ทำให้ศัตรูแคว้นเซี่ยที่รู้ข่าวถือโอกาสนำกองกำลังทหารบุกรุกเข้ามาโจมตีแถวชายแดนเมืองเสียงหยาง
ถึงแม้ในยามนั้นท่านพ่อของนางจะนำกำลังทหารที่มีร่างกายแข็งแรงออกไปต่อสู้กับทหารแคว้นเซี่ยอย่างกล้าหาญ และยังสามารถขับไล่ทหารแคว้นเซี่ยให้ถอยทัพจากไปได้แต่ก็ต้องสูญเสียทหารไปหลายพันคนเช่นกัน ในการสู้รบครั้งนั้นบิดาของนางได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะต่อสู้กับแม่ทัพของแคว้นเซี่ยและดาบของแม่ทัพฝ่ายศัตรูได้อาบยาพิษเอาไว้จึงทำให้อาการบาดเจ็บของท่านพ่อรักษาไม่หาย ถึงแม้พี่ชายใหญ่จะสามารถหายาถอนพิษมาช่วยชีวิตท่านพ่อได้ทันเวลาแต่พิษที่ได้รับทำให้ท่านพ่อได้สูญเสียพลังยุทธไปจนหมดสิ้นไม่สามารถจับดาบขึ้นต่อสู้ได้อีกตลอดชีวิต
ในครั้งนี้กู้ฮุ่ยหมิงจะต้องช่วยเหลือบิดาของตนและทหารรวมถึงชาวเมืองเสียนหยางเอาไว้ให้ได้ โรคระบาดไข้จับสั่นนับเป็นโรคอะไรสำหรับนางที่เคยเกิดในยุคที่เจริญก้าวหน้าในด้านการแพทย์
“คุณหนูกิจการร้านน้ำชาของคุณหนูในเวลานี้กำลังเป็นที่นิยมเลยนะเจ้าค่ะ”
อันฉีหอบเอาบัญชีร้านค้าเข้ามาวางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือภายในเรือนให้กู้ฮุ่ยหนิงตรวจความถูกต้อง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นดีใจที่กิจการของคุณหนูใหญ่ประสบความสำเร็จ คุณหนูของนางช่างเป็นเด็กสาวที่มีความสามารถยิ่งนักเมื่อหกเดือนก่อนคุณหนูขอเงินจากท่านแม่ทัพกู้ไปลงทุนกิจการร้านน้ำชา เพียงเปิดกิจการได้ไม่ถึงเดือนร้านน้ำชาของคุณหนูใหญ่ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
“แน่นอนอยู่แล้วถึงแม้เมืองเสียนหยางจะเป็นเมืองชายแดนแต่ก็มีพ่อค้าและชาวบ้านเดินทางผ่านไปมาจำนวนมาก”
กู้ฮุ่ยหนิงเปิดดูสมุดบัญชีตรวจดูอย่างพอใจห้าเดือนที่ผ่านมากิจการที่ร้านน้ำชาของนางดีมากทำให้มีรายได้เป็นกอบเป็นกำในเมื่ออีกไม่กี่ปีครอบครัวของนางจะได้รับราชโองการให้เดินทางกลับเมืองหลวง กู้ฮุ่ยหนิงวางแผนที่จะทำกิจการค้าเพื่อสร้างรายได้และขยายกิจการร้านค้าของตนเองเข้าไปในเมืองหลวง
เพื่อเตรียมรับมือกับแผนการของบ้านรองตระกูลกู้และองค์ชายสี่จ้าวลู่เหวิน การต่อสู้ในครั้งนี้กู้ฮุ่ยหนิงจำเป็นจะต้องมีไพ่ลับในมือและต้องมีการเตรียมตัวให้ดีเพราะคู่ต่อสู้ของนางไม่ใช่คนทั่วไปแต่เป็นถึงเชื้อพระวงศ์เป็นโอรสของฮ่องเต้ถ้กู้ฮุ่ยหนิงประมาทพลาดพลั้งอาจจะนำความตายมาให้คนในครอบครัวที่ตนเองต้องการจะปกป้องอีกครั้งก็ได้
“อันฉีไปบอกเฉินชุนว่าพรุ่งนี้เช้าข้าจะขึ้นไปบนภูเขา”
“คุณหนูจะขึ้นไปบนภูเขาทำไมเจ้าค่ะ”
“พรุ่งนี้ไปถึงเจ้าจะรู้เอง”
กู้ฮุ่ยหนิงไม่ได้ไขข้อสงสัยของสาวใช้ในทันทีแต่กลับเปิดสมุดบัญชีของกิจการร้านน้ำชาเพื่อตรวจดูรายได้ของเดือนนี้อย่างตั้งใจอีกครั้ง