ตอนที่ 4 โทรเรียกตัว

1033 Words
. .. ... .... “แกมั่นใจแล้วใช่ป่ะว่าสองคนนั้นโอเคจริงๆ”             “จะบอกว่ามั่นใจไหมก็ยังแหละแก แต่ฉันรู้สึกชอบพี่เขาแล้วอ่ะทำไงได้ อีกอย่างฉันก็เสียตัวไปแล้วด้วย ฉันไม่ยอมเสียฟรีๆ แน่นอน” ฉันบอกเหตุผลกับยัยจอยไป             “ถ้าแกตัดสินใจแล้วก็ตามนั้น ฉันดีใจด้วยละกันอย่างน้อยแกก็ไม่ต้องมาเสียตัวให้ผู้ชายมากหน้าหลายตาอย่างฉัน” จอยมันเอ่ยด้วยสีหน้าเศร้า เห็นอย่างนั้นฉันก็รู้สึกสงสารมันเหมือนกัน เพราะความจนนี่ล่ะที่ทำให้พวกเราไม่มีทางเลือก             “แกอย่าคิดมากสิอย่างน้อยเราก็ได้เงินไปเลี้ยงครอบครัวแถมยังส่งตัวเองเรียนอีกต่างหาก ถือซะว่าเราทำดีที่สุดแล้ว ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานแกจะตั้งตัวได้และเลิกทำอาชีพนี้แน่นอน”             “แกคิดว่าฉันจะเลิกได้จริงๆ เหรอ”             “ได้สิทำจะไม่ได้ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับแกคนเดียวเท่านั้น”             “ขอบใจแกมากนะที่ยังอุตส่าห์คบกับฉันอยู่”             “ต่างหากที่ต้องขอบใจแก เรามันก็ไม่ต่างกันหรอก แกขายตัว แต่ฉันมันก็เป็นพวกสิบแปดมงกุฎ แต่สถานะของฉันตอนนี้มันก็ไม่ต่างจากขายตัวแล้วล่ะ”             “เหมือนตรงไหนยะคนเป็นแฟนกันไม่เรียกว่าขายหรอกอย่าคิดมากสิ”             “เปล่า! ฉันไม่ได้คิดมากซะหน่อย แต่กำลังคิดว่าคืนนี้ฉันจะโดนอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้น่ะสิ”             “อีบ้า! โดนครั้งเดียวร่านขึ้นมาทันทีเลยนะยะ” จอยมันเริ่มยิ้มออก             “ก็พี่เขาลีลาดีนี่นา แถมยังหล่ออีกด้วย” ฉันอวยแฟนทั้งสองคนให้เพื่อนฟังอย่างภาคภูมิใจ คงไม่มีใครใจง่ายเกินกว่าฉันแล้วล่ะ เจอกันครั้งเดียวก็ชอบเลยแถมยังตกลงปลงใจเป็นแฟนด้วยอีก             “ฉันเดาว่าสิ่งที่ทำให้แกติดพี่เขาทั้งสองคนแจขนาดนี้คงไม่ใช่เพราะหล่ออย่างเดียวหรอกมั้ง ไอ้นั่นคงจะใหญ่ด้วยล่ะสิท่า” ก่อนหน้านี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเรื่องอย่างว่าสักเท่าไหร่ เพราะฉันยังไม่เคยมีประสบการณ์ แต่หลังจากนี้มันคงจะเป็นหัวข้อหลักในบทสนทนาของเราแล้วล่ะ ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน อิอิ             “มากกก ถ้าเข้าพร้อมกันสองอันฉันคงต้องได้แอดมิดเข้าโรง’บาลแน่ๆ” ฉันพูดติดตลกออกไป             “อีบ้าก็พูดไป แต่ก็ไม่แน่นะวันดีคืนดีพี่เขาอาจจะทำอย่างที่แกพูดก็ได้”             “ไม่มีทางย่ะ ใครจะให้ทำอย่างนั้นยัดเข้ามาแค่ดุ้นเดียวก็เจ็บจะแย่แล้ว” ฉันก็พูดไปอย่างนั้นเองล่ะค่ะ หากเขาต้องการจริงๆ ฉันก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ พูดไปมันก็น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยแต่น้องสาวฉันมันจะรับได้เหรอเนี่ย             “ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้สิยะ หากวันไหนแกโดนทำแบบนั้นแล้วมาเล่าให้ฉันฟังบ้างนะ” ยัยจอยเองก็ทะลึ่งตึงตังไม่แพ้ใคร ถ้าอยากรู้ทำไมไม่ลองเองยะอีเพื่อนรัก             Rrrrr…. ในระหว่างนั้นโทรศัพท์ฉันก็มีสายโทรเข้ามา เมื่อหยิบขึ้นมาดูที่หน้าจอก็พบว่าเป็นพี่คิมนั่นเอง “แกฉันรับโทสับแปบนะ” “ย่ะ ผัวโทรมาล่ะสิ” ยัยจอยเบะปากใส่ฉันราวกับรู้สึกหมั่นไส้ซะเต็มประดา ฉันยิ้มให้ยัยจอยก่อนจะลุกออกจากโต๊ะเพื่อไปรับสาย             “ว่าไงคะพี่คิม”             (ทำอะไรอยู่ครับเมียสุดที่รัก)             “อย่ามาทำเป็นปากหวานหน่อยเลย เพิ่งรู้จักกันเมื่อวานนี้เองนะคะ” ฉันพูดไปยิ้มไปราวกับคนบ้า เพราะรู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก             (ถึงแม้จะรู้จักกันแค่ไม่นานแต่พี่ก็รู้จักทุกซอกทุกมุม ทุกรูขุมขนของน้องแพรว่าแล้วนะอย่าลืมสิครับ ตกลงทำอะไรอยู่ฮึ) เขาส่งเสียงหล่อผ่านสายมา ทำเอาฉันแทบละลายลงกับพื้น             “เพิ่งเรียนเสร็จค่ะ รอไปกินข้าวเที่ยงแล้วพี่ล่ะ เอ้อ! แล้วพี่อเล็กซ์อยู่ด้วยกันไหมคะ”             (มันกลับบ้านไปแล้วที่บ้านมันมีธุระสำคัญเลยเรียกตัวไป ส่วนพี่ตอนนี้กำลังจะไปรับน้องแพรวานั่นล่ะครับ)             “อ้าว! จะมารับหนู”             (ใช่....พี่ว่าจะรับน้องแพรวาไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน ตอนนี้อยู่ไหนเดี๋ยวพี่ไปรับ)             “อยู่ข้างคณะค่ะ คือถ้าอย่างนั้นหนูขอชวนเพื่อนไปด้วยได้ไหมคะ”             (คงไม่ได้อ่ะครับเพราะพี่มีกิจกรรมจะทำกับน้องแพรวาน่ะสิ)             “หือ! กิจกรรมงั้นเหรอ อย่าบอกนะว่าพี่จะ...” คนบ้าอะไรจะหื่นได้แม้กระทั่งตอนกลางวันแสกๆ มันจะมากไปแล้วนะ             (นะครับน้องแพรวาไม่นานหรอกน่าพี่ทนไม่ไหวแล้วนะเนี่ย)             “ไม่ต้องทำเป็นอ้อนขนาดนั้นก็ได้ ตกลงค่ะหนูจะไปคนเดียว” ในที่สุดฉันก็ใจอ่อนจนได้             (เย้! เดี๋ยวพี่ขับรถไปรับตอนนี้เลยครับไม่เกินห้านาที)             “ค่ะพี่คิม”             เมื่อวางสายแล้วฉันก็เดินกลับไปหายัยจอย แค่เห็นหน้าฉันมันก็รู้แล้วว่าคงจะโดนเรียกตัวแน่แล้ว             “ไงยะใครโทรมาเรียกตัวอีกล่ะ”             “พี่คิมอ่ะดิ เขาจะมารับฉันไปกินข้าวด้วย แกไม่โกรธใช่ไหมถ้าฉันคงไม่ได้ไปกินข้าวด้วยแล้ว”             “เชิญเลยย่ะฉันเองก็มีนัดทานข้าวกับเสี่ยเหมือนกัน” ยัยจอยว่าพลางตบแป้งพับลงบนแก้มขาวนวลของมันไปด้วย             ปี๊บๆ             เสียงแตรรถดังขึ้นอยู่ไม่ไกล เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นพี่คิมนั่นเอง เขาลดกระจกลงแล้วส่งยิ้มให้ฉัน ฉันจึงโบกมือให้เขาก่อนจะหันไปเอ่ยกับยัยจอยต่อ             “แกฉันไปแล้วนะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD