5

1106 Words
สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพแม่ผัว ดวงตากลมโตของหยุนเมี่ยงมองจิวเจียกยี้ และภาวนาว่าอย่าให้หญิงวัยกลางคนผู้นี้ตกนรกเร็วเกินไป คนอย่างนางย่อมต้องได้ปะทะคารมฝีปากกันนานๆ สักหน่อย มิเช่นนั้นคงเสียชื่อ เสี่ยวไฉ ที่ทะลุมิติมาอยู่ในนิยายเรื่อง วาสนานี้ใครครอง และเหมือนสวรรค์จะฟังความคิดของหญิงสาว จู่ๆ เสียงงิ้วหลงโรงก็ดังขึ้น “หึ เป็นเพราะเจ้า ถึงทำให้สะใภ้อิงต้องเจ็บตัวเพียงนี้” จิวเจียกยี้ชี้นิ้วงอๆ มายังร่างหยุนเมี่ยง และสิ่งที่นางต่อว่าหยุนเมี่ยงเหลวไหลเหลือเกิน เพราะทั้งหมดเกิดจากการที่อิงเยี่ยหลิงเสนอหน้าไปรับจานกระเบื้องเอง “ไป ไสหัวไปให้พ้นเรือนของข้า จากนั้น หากอยากทำเรื่องต่ำช้าเช่นไร ก็สุดแต่เจ้าเถิด และเสียงร้องโหยหวน กับกิริยาเยี่ยงโสเภณี อย่าแสดงให้ข้าเห็นเด็ดขาด” หยุนเมี่ยงอยากเก็บปาก สงบคำอยู่แล้วเชียว แต่อีกฝ่ายย้ำเรื่องเดิมไม่เปลี่ยน นางเลยเอ่ยช้าชัด ตอกเสียงดังกลับว่า “โอ้ เซียวฮูหยินไปอยู่ใต้เตียงข้ากับท่านพี่หรืออย่างไร ถึงรู้ว่าลีลาสตรีแซ่หยุน ร้อนแรง และทำให้ลูกชายท่าน หลั่งติดๆ กันได้ตั้งหลายหน” คำพูดดังกล่าวหยาบคายเกินจิวเจียกยี้จะรับไหว หัวใจนางเต้นรัวแรงในยามนั้น จึงต้องยกมือกุมหน้าอกไว้ “อ้าว... คราวนี้จะตายจริงๆ ใช่หรือไม่” หยุนเมี่ยงหันไปถามจิงลี่ และการแสดงออกของนางกับแม่นม ดูไม่สมควร ซึ่งเป็นขณะเดียวกันที่ รถเข็นเคลื่อนช้าๆ เข้ามาที่ห้องโถง และหัวใจหยุนเมี่ยงหดเกร็ง ไฉนนางจะคาดคิดว่า คุณชายใหญ่แซ่เซียวผู้นี้ คืออดีตคนรักในชาติภพก่อน ร่างบอบบาบที่ทั้งคืนแทบไม่ได้หลับได้นอน เกือบวูบเสียหลักล้มไปบนพื้น หากจงลี่รับร่างนางไว้ไม่ทัน “คุณหนู...กลับเรือนสุ่ยเซียนดีหรือไม่เจ้าคะ” ฝ่ายหยุนเมี่ยงกำลังจะพยักหน้ารับคำพูดจงลี่ แต่จิวเจียกยี้แผดเสียงห้ามขึ้นก่อน “ฮึ อย่าคิดไปไหนง่ายๆ ในเมื่อเจ้าทำให้จวนทั้งหลังลุกเป็นไฟแล้ว” ฝ่ายคนที่นั่งบนรถเข็นสูดลมหายใจลึก และเอ่ยว่า “ท่านแม่ น้องสะใภ้มิใช่คนนครหลวง อีกทั้งนางยังเยาว์วัย กล่าวสิ่งใดล่วงเกินท่าน ก็สมควรต้องอบรมสั่งสอน แต่หากรู้ทุกอย่าง แต่แกล้งไขสือ ไม่ปฏิบัติตาม เช่นนั้นค่อยลงโทษคงมิสาย” เซียวหนิงเซินกล่าว และท่าทางเขาเป็นผู้มีความรู้ น่าเชื่อถือ ซึ่งจิวเจียกยี้รักลูกชายคนนี้ เขาเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ นางย่อมต้องฟังเป็นธรรมดา “ได้ หากเซินเอ๋อร์คิดเช่นนั้น แต่แม่อยากรู้ ใครกันจะสอนนางได้ ทั้งบ้านนอก ทั้งไร้หัวคิด” หยุนเมี่ยงกลอกตาไปมา และแอบเบ้ปากอย่างรำคาญ ตัวนางไม่อยากวุ่นวายกับคนในห้องโถงเรือนหลังนี้สักนิด แต่เพราะการที่ผู้ใหญ่ ปล่อยให้คนในจวนเรียกนางว่าสตรีข้างห้องหอ มันช่างไม่สมควร “ข้าในฐานะพี่ใหญ่ และเป็นอาจารย์ ที่ให้ความรู้ศิษย์มากมาย เหมาะสมหรือไม่ที่จะสนับสนุนนางในเรื่องนี้” เซียวหนิงเซินกล่าว และปรายสายตามองหยุนเมี่ยง สายตาของเขา แฝงความเข้าใจนางอยู่หลายส่วน หยุนเมี่ยงบื้อใบ้จริงๆ ในยามนั้น เพราะใบหน้าเขา ทั้งท่าทางคล้ายอดีตคนรักที่จากไปก่อนวัยอันควร นางตกอยู่ในความหมองเศร้าและปวดราว จึงดึงตัวเองกลับคืนมาสู่เหตุการณ์เบื้องหน้าไม่ได้ง่ายๆ “เซินเอ๋อร์ แม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าอยากช่วยสตรีบ้านนอก ทว่าก่อนอื่น นางทำผิดกฎสี่คุณธรรม โดยเฉพาะข้อประพฤติตัวให้งดงาม และ วาจาจับใจ เช่นนี้หากแม่ไม่ลงโทษ สตรีผู้นี้ ยังสมควรให้ผู้อื่นกราบไหว้ด้วยหรือ” จิวเจียกยี้กล่าวถูกต้อง และลูกชายมิอาจขัดขืน ยามนั้นหยุนเมี่ยงยืนอยู่ได้ ด้วยการรับการประคองฝั่งซ้ายขวาจากจงลี่ และฮึงซวน สีหน้านางแม้จะแต่งแต้มให้งดงาม หากดวงตาอิดโรย หากยังแข็งใจสู้สายตาจิวเจียกยี้อย่างไม่ยอมแพ้ “ส่งตัวนางไปยังหอบรรพชน ให้คุกเข่าอยู่ที่นั่น จนกว่าจะถึงพรุ่งนี้เช้า ห้ามส่งอาหาร หรือแม้แต่น้ำดื่ม หากขัดขืน ถือว่าไม่กตัญญูต่อมารดาฝ่ายสามี!” สิ่งที่จิวเจียกยี้กล่าว แม้หยุนเมี่ยงไม่เห็นด้วย ทว่ายามนี้นางไม่อาจโต้แย้ง นิยายเพิ่งจะอยู่ในช่วงบทต้นๆ หยุนเมี่ยงยังมีเวลาอีกมาก ที่จะแก้บทใหม่ และเดินเรื่องในแบบฉบับนางร้าย เพื่อปราบศัตรูของนางให้สยบอยู่แทบเท้า ยามนั้นในหัวสมองคิดเร็วจี๋ และเอ่ยออกไปว่า “หากเรื่องนี้ เป็นความประสงค์ของ แม่สามี ข้าก็ยินยอมปฏิบัติตาม!” “แม่สามี!” จิวเจียกยี้อดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียงสูงจัด พลางมองหยุนเมี่ยงเหมือนเศษสวะที่อยากกำจัดทิ้ง “มิผิด เมื่อข้าเป็นลูกสะใภ้ท่าน ย่อมต้องเชื่อฟัง และแสดงความกตัญญูให้ถึงที่สุด” สิ่งที่หยุนเมี่ยงกล่าว คือการบีบบังคับให้จิวเจียกยี้ยอมรับว่าหยุนเมี่ยงคือ สะใภ้รองของสกุลเซียว ซึ่งยามนั้นสายตาทุกคู่จ้องไปยังหญิงวัยกลางคน ด้วยต้องการคำตอบที่แน่ชัด “เสี่ยวไฉ ย่อมทำตามแม่สามีสั่ง ขอเพียงท่านเอ่ยปาก...เรียกข้าว่า สะใภ้รอง!” หยุนเมี่ยงแทนตัวเองด้วยชื่อเล่น และยามนั้นยิ่งสร้างความขุ่นเคืองใจต่อจิวเจียกยี้ “นะ นัง...!” จิวเจียกยี้อยากผรุสวาทถ้อยคำต่างๆ นานา ออกมาอีกชุดใหญ่ แต่นางเกรงใจ และห่วงความรู้สึกเซียวหมิงเซิน จึงได้แต่พูดไปว่า “ไป... ส่งตัวสะใภ้รอง ไปหอบรรพชน หากยังไม่ถึงพรุ่งนี้เช้า ห้ามนางก้าวออกมาจากที่นั่นเป็นอันขาด!” ได้ยินคำดังกล่าว หยุนเมี่ยงก็อมยิ้มในสีหน้าขึ้นมาได้ แน่นอนนางยังไม่ได้ชนะแม่ผัว ไม่ได้ถือแต้มต่อใดๆ ก็เพียงทำให้อีกฝ่ายเรียกนางต่อหน้าผู้อื่นว่าลูกสะใภ้รองเท่านั้น และการแสดงออกทั้งหมดของหยุนเมี่ยงนี้ ได้ตกอยู่ในสายตาคมกริบของเซียวหนิงเซิน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD