17

1541 Words
“แล้วทำไมฉันต้องพูด ไม่เห็นจะได้ประโยชน์อะไร” ก็ทางมันมา เขาก็ต้องเล่นไปตามน้ำสิ หึๆ ปล่อยให้สามคนนั้นรับบทเป็นผู้ร้ายต่อไปอีกสักหน่อยคงไม่เป็นไร “ได้สิ ได้เป็นคนดีไง แล้วก็ได้เป็นเทพบุตรในใจฉันด้วย นะๆ ช่วยฉันหน่อยนะ” “ไม่ล่ะ! ฉันไม่ได้อยากเป็นเทพบุตรในใจเธอ” เขาปฏิเสธคำขออย่างคนถือไพ่เหนือกว่า “งั้นเอางี้ ไม่ต้องเป็นเทพบุตรในใจฉันก็ได้ ฉันให้คุณเป็นเจ้าชีวิตฉันเลยเอ้า” คนไม่มีทางเลือกจำต้องทางเอาตัวรอด ในขณะคนที่เป็นต่อก็ยังเล่นแง่เล่นตัวทำเฉไฉ จนกระทั่ง “ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ คุณจะนั่งตรงนี้ไม่ได้” ฮารีฟพยายามฉุดแขนเธอให้ลุกออกจากตักนายเหนือหัวของตน ทำให้เธอยิ่งกอดรัดรอบคอเขาแน่นขึ้นอีก คราวนี้จึงไม่ใช่แค่ลมหายใจที่เป่ารดต้นคอ แต่เป็นจมูกกับริมฝีปากของแม่คุณที่กำลังคลอเคลียที่ต้นคอเขาด้วย “อืม!” เขาถึงกับครางออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ให้กระหม่อมจัดการเลยไหมพ่ะย่ะค่ะ” ฮารีฟหันมาถามนายเหนือหัวเป็นภาษาที่เข้าใจกันแค่พวกเขา “อืม!” แต่นายเหนือหัวของพวกเขากลับไม่มีสติที่จะรับรู้ในสิ่งที่พวกเขาพูด ได้แต่ครางอืออาเพราะจมูกของเธอที่ไซร้อยู่ที่ซอกคอของตน และนั่นก็ทำให้คนที่จงรักภักดีอย่างฮารีฟตีความไปอีกทาง “ท่านชีคให้จัดการได้เลย” ฮารีฟหันไปบอกพวกอีกสองคน ซึ่งสองคนนั้นก็ดันเห็นพ้องต้องกัน จึงเข้ามาช่วยกันยื้อยุดฉุดเธอออกมา และนั่นก็ทำให้คนจนตรอกอย่างเธอไม่มีทางเลือก จึงต้องทำบางอย่างลงไป จากที่นั่งห้องขาอยู่บนตักเปลี่ยนมาเป็นขยับขึ้นคร่อม สองแขนล็อคไว้รอบคอ ในขณะที่สองขาก็ล็อคไว้รอบเอว หวังจะยึดเขาไว้เป็นที่พึ่ง และท่านี้ก็ทำให้ทั้งสองสัมผัสกันแนบแน่นชนิดที่ชีคหนุ่มถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และให้ตายเถอะ! มันใช้ได้ผลเพราะมันทำให้สามหนุ่มหยุดชะงัก ไม่มีใครกล้าเข้ามายื้อยุดฉุดกระชากเธออีก “เธอกำลังหาเรื่องใส่ตัว” เขากระซิบเสียงรอดไรฟัน อย่างต้องการจะเตือนว่าเธอไม่ควรเล่นกับไฟ แต่เธอกลับตีความไปอีกอย่าง “ฉันเนี่ยนะหาเรื่องใส่ตัว ฉันอยู่ของฉันดีๆ พวกคุณต่างหากที่กำลังหาเรื่องใส่ฉัน ดูสายตาที่สามคนนั้นมองฉันสิหื่นซะขนาดนั้น มองฉันราวกับจะกลืนกิน (เอิ่ม! มองยังไงก็ยังห่างไกลกับสิ่งที่คุณเธอคิด) ก็มีแต่คุณเท่านั้นแหละที่จะช่วยฉันได้ เทพบุตรของฉันได้โปรดช่วยฉันด้วยนะ ถ้าคุณช่วยฉัน ฉันจะไม่ลืมบุญคุณเลย จะยอมเป็นทาสของคุณ จะไม่ดื้อ จะเชื่อฟัง จะทำตามที่คุณบอกทุกอย่าง ขอแค่ครั้งนี้คุณยอมช่วย คิดว่าช่วยลูกนกตัวดำๆ เอ๊ย ตาดำๆ สักตัวก็ได้” เธอกระซิบเสียงออดอ้อนข้างๆ หู ลำพังแค่สัมผัสแผ่วๆ ตรงซอกหู เขาก็แทบแย่แล้ว นี่แม่คุณยังขยันขยับบดเบียดสะโพกบนตักแกร่งเขาอีก เชื่อเถอะว่าอะไรที่มันเคยสงบ มันคงสงบต่อไปไม่ได้แล้ว “อืม!” เขาครางอีกครั้ง แต่เธอกลับตีความว่าเขายอมตกลงช่วย ด้วยความดีใจแม่คุณจึงขยับสะโพกโยกไปโยกมาราวกับเด็กๆ ที่กำลังลิงโลดจนอยากกระโดดโลดเต้น โดยลืมไปว่าตนนั้นไม่เด็ก และเขาเองก็เป็นผู้ชายทั้ง...แท่ง “อืม!” เขากัดฟันครางอีกครั้ง ในขณะที่เธอยังคงคิดว่าเสียงครางนั่นคือเสียงตอบรับ จึงยังขยับไปมาด้วยความดีใจ และแน่นอนว่ายิ่งเธอขยับเสียงครางนั่นก็ยิ่งดังขึ้น “ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นส่วนเกินยังไงก็ไม่รู้ว่ะ” ฮาซานหันมากระซิบบอกกับอีกสองคน “เออนั่นสิ ทำอะไรไม่เห็นใจคนโสดบ้างเลย ฉันจะไม่ทนแล้วนะโว้ย” ฮารีฟหันมางอแงกับอีกสองคนเหมือนเด็กๆ “งั้นก็ไม่ต้องทน” เฟาซีว่าพลางลากสองพี่น้องให้เดินตามกันออกมา “เฮ้ย! ไม่เอาไม่ไป ฉันทนได้ ให้ฉันอยู่ต่อเถอะ” คนอยากอยู่ดูต่อกลับคำทันที “ไม่ได้ แกต้องออกไปกับฉันเดี๋ยวนี้ เผื่อว่าท่านชีคจะเอ่อ...อยากได้เวลาเป็นส่วนตัว” ในที่สุดเฟาซีก็ลากสองพี่น้องออกไปจากห้องได้สำเร็จ โดยที่พรสวรรค์ซึ่งหันหลังให้ไม่รู้เลยว่าขณะนี้ในห้องมีเพียงเขาและเธออยู่กันตามลำพัง และมันอันตรายต่อความมั่นคงทางร่างกายเธอเป็นอย่างยิ่ง “หมับ!” นั่นปะไร มือข้างหนึ่งจับหมับลงไปบนสะโพกผายพร้อมกับรั้งเข้าหาตัว อะไรต่อมิอะไรจึงยิ่งแนบแน่นจนเธอหน้าเหวอ แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากประท้วงใดๆ ก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อมืออีกข้างของเขาจับตรึงต้นคอให้แหงนเงยไปด้านหลัง พลันใบหน้าคมนั้นก็ซุกไซร้ลงมาตรงซอกคอหอมกรุ่นโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว “อื้อ!” เธอดิ้นขลุกขลักพยายามต่อต้านสัมผัสนั้น พลันก็ต้องหยุดเพราะคำขู่ของเขา “อยู่เฉยๆ ถ้าไม่อยากถูกสามคนนั้นลากออกไป” เสียงขู่ชิดใบหูทั้งน่ากลัวและสยิวซ่านไปพร้อมกัน และมันก็ทำให้เธอชะงักกึกตัวแข็งทื่อไม่กล้าแม้แต่จะขยับ ชีคหนุ่มพรมจูบไปทั่วลำคอระหง ในขณะที่มือทั้งสองข้างก็กำลังลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างที่ถึงแม้จะยังมีเสื้อผ้าอยู่ครบชุด แต่มันก็ทำให้กายสาวสั่นสะท้านได้ จากตัวแข็งทื่อจึงค่อยๆ โอนอ่อนเอนซบบนกายแกร่งอย่างคนสิ้นไร้เรี่ยวแรง ปล่อยให้อีกฝ่ายตักตวงความหอมหวานได้ตามใจชอบ “อืม!” ปฏิกิริยาจากกายสาวทำให้ชีคหนุ่มครางพอใจ ยังคงพรมจูบเธอไปทั่ว ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาประกบริมฝีปากมอบจูบดูดดื่มที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนให้เธอ กระทั่ง... ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นเรียกสติที่กระเจิดกระเจิงไปแล้วของทั้งคู่ให้กลับคืนมา เขาผละจากริมฝีปากนุ่มนิ่มอย่างแสนเสียดาย โดยไม่ลืมที่จะจัดเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่ของเธอให้เข้าที่ด้วย ในขณะที่เธอยังคงแน่นิ่งราวกับยังตกอยู่ในภวังค์ แต่ให้ตายเถอะ! ไอ้หน้าอึ้งๆ เหวอๆ ของคุณเธอมันกลับดูยั่วยวนชวนให้เขาต้องโน้มใบหน้าลงไปจุ๊บที่ปากเธอเบาๆ อีกครั้ง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่ประตูถูกเปิดเข้ามา “เฮือก!” ภาพที่เห็นทำเอาสามคนที่เพิ่งเข้ามาแทบจะผงะด้วยความตกใจพร้อมกัน แต่ก็คงไม่เท่ากับเธอ “เฮือก!” บุคคลที่สามสี่ห้าที่เพิ่งเข้ามาทำให้เธอต้องหันไปมอง แล้วภาพเบื้องหน้าก็ทำให้เธอผงะค้างตัวแข็งทื่อ พลันเลือดกำเดาก็ค่อยๆ ไหลออกมา “บ้าเอ๊ย!” เขาสบถด่าตัวเองอย่างเสียมิได้ คงเป็นเพราะช่วงที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม เขาดันถอดแว่นที่เกะกะของเธอออก ตอนนี้สิ่งที่แม่คุณเห็นจึงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก...คิดแล้วก็พาลให้อารมณ์เสียขึ้นมาอีก “ออกไป” เขาหันไปตวาดไล่สามคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ก่อนจะหันมาหยิบแว่นสวมให้คนที่เลือดทะลักอย่างไม่สบอารมณ์นัก “เธอนี่มัน...!” ให้ตายสิ! เขาอยากจะว่าออกไปแรงๆ แต่กลับพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงเช็ดเลือดให้เธอด้วยความจนใจ กระทั่งรู้สึกว่ามีสายตาหลายคู่กำลังจับจ้องมา “ทำไมยังไม่ออกไป” ชีคหนุ่มลุกขึ้นมาถามด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์อีกครั้ง “เอ่อ...ยังไปไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ” ฮารีฟกลั้นใจพูดออกไปทั้งที่ก็กลัว “จะรอให้ฉันส่งพวกแกออกไปด้วยลูกปืนสินะ” น้ำเสียงเนิบนาบกับสีหน้านิ่งๆ แต่กลับดูน่ากลัวในสายตาของบุคคลทั้งสาม แต่ก็ยังอุตส่าห์มีคนใจกล้าท้าทายอำนาจความเยือกเยือกเย็นนั้นจนได้ “ทำไมไม่อ่อนโยนเลย ไม่เห็นเหมือนตอนอยู่กับผู้หญิงคนนั้น ไม่อยากจะเชื่อว่าพระองค์จะเห็นนางดีกว่าพวกกระหม่อม กระหม่อมกับนางผู้นั้นต่างกันตรงไหนพ่ะย่ะค่ะ” ฮารีฟไม่ใช่แค่ถามแต่ยังใส่อารมณ์ขั้นสุดชนิดที่ทำเอาอีกสองคนผงะค้าง ก่อนจะพากันถอยห่างออกมา ราวกับต้องการจะบอกว่าพวกตนไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ แต่ในขณะที่พวกหนุ่มๆ กำลังวุ่นวาย พรสวรรค์ที่กำลังหันมองทางนั้นทีทางนี้ทีก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาด้วยความตื่นตูม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD