30

1532 Words
ตัดมาที่ภาพปัจจุบัน คุณป้าที่เธอสาธยายถึงซึ่งกำลังร่ายรำอยู่อย่างเมามัน (แต่เป็นรำพัดแบบใบๆ ที่อยู่ในมือนะ) “เอ้าแจกๆๆ ให้ไวเลย คนกำลังมือขึ้น นานๆ ทีจะดวงดีแบบนี้ เอ้า! รีบแจกเลยเร็วๆ” นีรนุชเร่งให้เพื่อนแจกไพ่สำรับใหม่อย่างอารมณ์ดี ในขณะที่เพื่อนที่ล้อมวงกันอยู่ได้แต่ค้อนประหลับประเหลือกทำหน้าบอกบุญไม่รับ เมื่อเป็นฝ่ายเสียให้เจ้าบ้านไปแล้วหลายตา “นี่นี ใจคอแกจะไม่แบ่งให้เพื่อนได้บ้างเลยรึไง ได้อยู่คนเดียวจนฉันจะหมดตัวแล้วเนี่ย” ขาไพ่คนหนึ่งโอดครวญ “ช่วยไม่ได้ ของแบบนี้มันขึ้นอยู่ที่ดวง ดวงใครดวงมัน วันนี้ดวงฉันดี เพราะฉะนั้นพวกแกก็อย่าเพิ่งขัดลาภ ถ้าดวงฉันเปลี่ยนทิศ ฉันเอาเรื่องพวกแกแน่” นีรนุชพูดยังไม่ทันขาดคำ คนขัดลาภก็ส่งเสียงมาแต่ไกล “ป้าจ๋าคิดถึงหนูไหม” เสียงของพรสวรรค์ทำให้นีรนุชเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความขัดใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความตกใจ เมื่อหลานสาวตัวดีไม่ได้มาเพียงลำพัง แต่มาพร้อมกับเหล่าชายฉกรรจ์ในชุดสูทสุดเนี้ยบที่ยกโขยงกันมาเป็นขบวน “ว้าย! ตำรวจ” คุณป้าคนสวยแหกปากลั่นบ้าน พาให้ขาไพ่ทั้งหลายจำต้องลุกขึ้นหนีไปคนละทิศคนละทาง ปล่อยให้หลานสาวตัวดีได้แต่ยืนทำหน้าแหยอยู่ตรงนั้น “ดูเหมือนป้าของเธอจะห่วงเธอจนกินไม่ได้นอนไม่หลับจริงๆ ด้วย” ชีคหนุ่มพูดพลางหยักยิ้มมุมปาก “ป้านะป้า มาเล่นอะไรวันนี้ หมดกันภาพสวยหรูที่หนูอุตส่าห์สร้าง” เธอเบือนหน้าหันไปพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหันกลับมาทำหน้าแหยๆ เช่นเดิม รู้หรอกว่าคุณป้าแค่เล่นสนุกๆ แต่ทำไมต้องมาสนุกเอาวันที่เธอกำลังสร้างภาพด้วย “ป้าหลานเหมือนกันไม่มีผิด เมื่อคืนคนหลานปวด…จนกระทืบชายตัวใหญ่ดับคาตี..ได้ มาวันนี้คนป้าตกใจกลัวจนอุ้มเพื่อนวิ่งหนีได้ นี่สินะพลังอะดรีนาลีนที่แท้จริง” ฮารีฟมองภาพที่นีรนุชอุ้มเพื่อนวิ่งด้วยความเหลือเชื่อ ไม่ต่างกับองครักษ์คนอื่นๆ ที่ทั้งอึ้งทั้งตลกไปพร้อมกัน “เคยเห็นขาไพ่วิ่งหนีตำรวจก็แต่ในละคร วันนี้สัมผัสกับตัวเอง ฮ่าๆๆ วงแตกเลยว่ะ” ฮาซานหันมองคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างนึกขบขัน ก็ขาไพ่แต่ละคนดันทำอะไรแปลกๆ แบบไม่น่าเชื่อน่ะสิ “หึๆ ฉันว่าเรามีอะไรสนุกๆ ให้ทำแล้วว่ะ” ฮารีฟหันไปขยิบตาให้ทุกคนอย่างรู้กัน เมื่อคุณป้าทั้งหลายยัดเยียดให้พวกเขาเป็นตำรวจ งั้นวันนี้พวกเขาจะยอมเป็นตำรวจให้สักวัน ทั้งหมดทั้งมวลจึงแยกย้ายกันออกไปทำหน้าที่ตำรวจที่ดีอย่างพร้อมเพรียง ไม่เว้นแม้กระทั่งเฟาซีก็เอากับเขาด้วย “ไม่ทราบว่า…ทำอะไรอยู่ครับ” ฮาซานกลั้นขำแทบแย่ ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้าไปแล้วพบกับคุณป้าท่านหนึ่งที่กำลังสระผมอยู่ “ว้าย! เข้าทำไม คนจะอาบน้ำ” คุณป้าผู้รักสะอาดว่าแล้วก็เอื้อมมือมาปิดประตู แต่ก็ช้ากว่ามือของฮาซานที่รั้งเอาไว้ซะก่อน “อาบน้ำทั้งเสื้อผ้าครบชุดแบบนี้เหรอครับ อ้อ! ดูเหมือนแชมพูของป้าจะป๊อกเก้าสองเด้งด้วยนะครับ” คำพูดของฮาซานทำให้คุณป้าผู้รักสะอาดต้องหยิบไพ่ที่เสียงอยู่นผมลงมาดู “โธ่เอ๊ย! เสียดายชะมัด เกือบจะได้อยู่แล้วเชียว อุ้ย!” คุณป้าเผลอดีใจ แต่เมื่อเห็นว่าพ่อตำรวจสวมรอยยืนมองอยู่จึงได้แต่อุทานออกมาด้วยใบหน้าแหยๆ “เชิญคุณป้าออกมารอเพื่อนๆ อย่างผู้ชนะข้างนอกดีกว่าครับ” สุดท้ายคุณป้าก็ยอมเดินตามออกมาแต่โดยดี ในขณะที่ฮาซานพาคุณป้าออกมาจากห้องน้ำได้ เฟาซีก็กำลังสนทนาปราศรัยอยู่กับคุณป้าอีกท่านหนึ่ง “ดูน่ากินดีนะครับ ขอผมสักจานสิ” ถ้ามีเชฟกระทะเหล็ก คุณป้าท่านนี้ก็คงเปนเชฟกระทะหล่น “เพล้ง!” เสียงของเฟาซีทำเอากระทะที่อยู่ในมือเชฟป้าร่วงหลุดมือ “ชอบทำกับข้าวเหรอครับ” เฟาซีถามคุณป้าเชฟกระทะหล่นที่กำลังก้มโกยของบนพื้นใส่กระทะ “ชอบจ๊ะ ถ้าพ่อหนุ่มอยากกินก็ออกไปรอข้างนอกก่อนนะ เดี๋ยวทำเสร็จจะยกไปให้” คุณป้าเชฟกระทะหล่นบอกอย่างใจดี “แล้วคุณป้าจะทำเมนูอะไรครับ ให้ผมช่วยคิดให้ไหม” คนถูกอุปโลกน์ให้เป็นแม่ครัวได้แต่ยิ้มจืดเจื่อนกลับไป “ดูจากวัตถุดิบที่อยู่ในมือคุณป้าแล้ว น่าจะเป็นเมนู…ยำสามบอดดีไหมครับ รับรองว่า…กินเรียบ ว่าแล้วก็เชิญคุณป้าที่โต๊ะเลยดีกว่า ทุกคนน่าจะกำลังรอกินอยู่” สุดท้ายคุณป้าก็ยอมถือไพ่ของตัวเองเดินคอตกตามออกมา แล้วที่ทำหน้าเศร้าก็ไม่ใช่เพราะโดนจับหรืออะไร แต่เศร้าเพราะแต้มไพ่ที่อยู่ในมือ ก็ตั้งแต่เล่นมาจนกระทั่งตาสุดท้ายแต้มก็ยังบอดเหมือนเดิม คุณป้าขาไพ่ทั้งหลายถูกเหล่าองครักษ์ที่อุปโลกน์ตัวเองเป็นตำรวจพากันทยอยออกมานั่งคอตกอยู่ที่โต๊ะ เหลือก็แต่เจ้ามือเจ้าของสถานที่อย่างนีรนุชเท่านั้น “ทำอะไรอยู่ครับคุณป้า” ฮารีฟแสร้งทำหน้าขรึม ก่อนที่จะทนไม่ไหวหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮ่าๆๆ” ไม่ให้ขำได้ไง ก็ภาพที่อีกฝ่ายกำลังอุ้มคนที่ตัวโตกว่าด้วยมือไม้ที่สั่นเทามันสั่นประสาทจนเขาทนไม่ไหวจริงๆ ให้ตายเถอะ! สงสัยอะดรีนาลีนคุณป้าจะหลั่งแรง เลยทำอะไรแบบนี้ได้ “จุ๊ๆๆ อย่าเสียงดัง เดี๋ยวหลานฉันตื่น” คุณป้าที่กำลังอุ้มหลานตัวโตหันมาเอ็ด “อ้อ! กำลังเลี้ยงหลาน โอ้โฮ! หลานคุณป้าตัวโตจัง ให้กินอะไรครับเนี่ย” “นั่นสิ แกกินควายเข้าไปทั้งตัวรึไง ตัวหนักเป็นบ้าเลย” คนที่เผลออุ้มเพื่อนในวงอยู่นานสองนานเพิ่งรู้ตัวว่าหนัก “จุ๊ๆๆ อย่าเสียงดังสิครับ เดี๋ยวหลานตื่น” ฮารีฟยังคงสนุกไม่เลิก ในขณะที่คุณป้าผู้รักเด็กเพียงหันมายิ้มแหยๆ จะวางเด็กโข่งลงก็ไม่กล้า จึงได้แต่อุ้มไว้อย่างนั้นด้วยแขนขาที่สั่นเทาราวจับไข้ สงสัยอะดรีนาลีนจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติถึงได้ออกอาการหน้าดำหน้าแดง กระทั่ง… “โอย! ไม่ไหวแล้ว อยากจับก็จับเลย” คนที่ระดับอะดรีนาลีนเข้าสู่ภาวะปกติอดรนทนไม่ไหวจนต้องวางเด็กโข่งลงอย่างจำยอม “ว้า! ยอมเร็วจัง ผมรึก็อุตส่าห์จับเวลาว่าอะดรีนาลีนคุณป้าจะทนอยู่ได้กี่นาที” ฮารีฟยกนาฬิกาข้อมือที่จีบเวลาไว้ขึ้นมาดูอย่างแเสนเสียดาย “พวกคุณตั้งใจแกล้งฉัน แล้วนี่อะไร เป็นตำรวจแล้วทำไมไม่ใส่ชุดตำรวจ ออกมาปฏิบัติหน้าที่แบบนี้ได้ยังไง” ดูเหมือนสติสัมปชัญญะของเจ้าของบ้านจะกลับมาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ถึงได้มีเวลาสังเกตว่าพวกเขาไม่มีใครใส่ชุดตำรวจเลยสักคน “ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ ในเมื่อพวกผมไม่ใช่ตำรวจ” ฮารีฟยอมรับหน้าตาเฉย ในขณะที่นีรนุชนั้นโมโหจนเลือดขึ้นหน้า เดินออกมาหาหลานสาวด้วยใบหน้าถมึงทึง “นี่มันอะไรกันพรสวรรค์” เรียกซะเต็มยศขนาดนี้ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าอยู่ในอารมณ์ไหน พรสวรรค์จึงได้แต่ถอนหายใจหนักๆ ออกมา “เธอแกล้งฉันเหรอ” อื้อหือ! ลองถ้ามาเธอมาฉันแบบนี้แล้วล่ะก็แสดงว่าไม่ได้โกรธธรรมดา แต่…โกรธมาก “หนูจะทำแบบนั้นทำไมเล่า หนูไม่ได้รู้สักหน่อยว่าพวกป้าจะตั้งวงรำพัดกันวันนี้ อย่าลืมนะคะว่าหนู เพิ่ง กลับ มา” พรสวรรค์ตั้งใจจะย้ำให้อีกฝ่ายฟังชัดๆ เผื่ออีกฝ่ายจะจำได้ว่าควรแสดงความเป็นห่วงหลานรักที่หายไปหลายวัน แต่ดูเหมือนความโกรธจะยังมีอำนาจเหนือกว่า “แล้วทำไมแกไม่บอกล่ะว่าคนพวกนี้ไม่ใช่ตำรวจ ปล่อยให้พวกฉันวิ่งเป็นบ้าเป็นหลังอยู่ได้” คุณป้าขาไพ่ทั้งหลายถึงกับพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อน “โอ๊ย! จะให้หนูบอกตอนไหน แค่หนูเดินเข้ามาพวกป้าๆ ก็พากันลุกหนีไปคนละทิศคนละทางกันหมดแล้ว นี่ถ้ายกตู้เย็นหนูได้ คงยกไปแล้วมั้ง แต่ละคน…ทำไปได้ ช่างไม่รักษาภาพพจน์ศาสตราจารย์ดอกเตอร์กันเลย แล้วถ้ารู้ว่าจะกลัวกันขนาดนี้ ทำไมไม่ห้ามกันตั้งแต่แรก หรือว่ามีคนเสี้ยม” พวกป้าๆ ขาไพ่พากันก้มหน้าหลบสาตาจนพรสวรรค์ต้องหันขวับไปมองที่ป้าของตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD