“จะถูกหลังก่อนหรือพ่ะย่ะค่ะ โอว! มองแรงขนาดนี้คงไม่ตอบสินะ งั้นกระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ” ตาเขียวปั๊ดของท่านชีคทำให้ฮารีฟรีบเผ่นออกไปจากห้องโดยไม่รอคำตอบ
“ฉันมีธุระต้องออกไปจัดการ เธอรออยู่นี่ก่อน เสร็จแล้วจะรีบกลับมา” เขาบอกกับเธอทันทีที่อยู่กันตามลำพัง ซึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องบอก แต่มันกลับทำให้เธอแปรเจตนาไปอีกทาง
‘หรือว่าที่เขาจะออกไป เพราะจะเปิดโอกาสให้สามคนนั้นเข้ามาจัดการเรา อย่าบอกนะว่าเขายกเราให้สามคนนั้นแล้ว’
“เลิกคิดเพ้อเจ้อ แล้วก็ลงไปได้แล้ว” เขาดีดหน้าผากเธอเบาๆ ทีหนึ่ง พร้อมกับพยายามแกะแขนขาเธอออกจากตัว
“ไม่ ฉันจะไปกับคุณด้วย” เธอดื้อดึงแล้วยังกอดเขาไว้แน่นกว่าเดิม
“ไปไม่ได้ มันอันตราย”
“ที่นี่ก็อันตราย คุณไม่เห็นเหรอว่าสามคนนั้นจ้องจะงาบฉันท่าเดียวเลย”
“ฉันจะให้ฮารีฟอยู่กับเธอแค่คนเดียว”
“จะกี่คนก็ไม่เอา คนเดียวที่ฉันจะอยู่ด้วยคือคุณ ฉันรู้ว่าคุณปกป้องฉันได้ อย่างน้อยฉันก็อุ่นใจกว่าถ้าได้อยู่กับคุณ ให้ฉันไปกับคุณนะ สัญญาว่าฉันจะเชื่อฟังแล้วก็ไม่ทำตัวเป็นภาระให้คุณเด็ดขาด นะๆๆ ให้ฉันไปกับคุณนะ” เธอออดอ้อนวอนขอ แน่นอนว่าเขาจะไม่ลำบากใจเลยถ้าเพียงแต่เธอไม่ได้พูดว่า...อุ่นใจถ้าได้อยู่กับเขา
“เฮ้อ! ก็ได้ แต่เธอห้ามอยู่ห่างจากฉัน แล้วก็ต้องทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่าง” อานุภาพความออดอ้อนของผู้หญิงมันช่างน่ากลัว โดยเฉพาะเมื่อมันมาจากเธอ ก่อนหน้าก็ไม่เคยจะแพ้คำออดอ้อนของผู้หญิงหน้าไหนสักที จนกระทั่งวันนี้เอง
“ตกลง ฉันจะเกาะติดคุณแน่นกว่าปลิงเกาะควายเลยคอยดู” เธอยืนยันหนักแน่น
“ฉันไม่ใช่ควาย” เขาบอกหน้าบูดบึ้ง
“อุ้ย! ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่าคุณ ฉันแค่เปรียบเทียบให้เห็นภาพเฉยๆ” เธอยิ้มแหยๆ แก้เก้อ จนเขาคร้านที่จะต้อล้อต่อเถียง แน่นอนว่ายังมีบางอย่างที่สำคัญกว่าต้องจัดการ
ณ ห้างหรูชื่อดังแห่งหนึ่ง
เมื่อเธอทำตัวเป็นปลิงเกาะติดเขาแจ เขาจึงต้องวางแผนใหม่ด้วยการแปลงโฉมเธอให้กลายเป็นผู้หญิงของเขาเพื่อตบตาไอ้พวกที่มันแอบสะกดรอยดูความเคลื่อนไหวของเขา ทุกอย่างดูเหมือนจะเข้าที่เข้าทาง เมื่อเธอดูจะเอ็นจอยกับการเป็นผู้หญิงของป๋า เพราะป๋าก็เปย์ให้ทุกอย่าง ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า หรือแม้แต่เครื่องประดับราคาแพง ชนิดที่ชาตินี้ทั้งชาติเธอไม่มีวันยอมซื้อของสิ้นเปลืองพวกนี้ด้วยตัวเองแน่ ติดก็ตรงที่คุณป๋าใจปล้ำดูจะไม่ถูกใจกับรูปลักษณ์ใหม่ของเธอเอาซะเลย
ให้ตายสิ! ทั้งๆ ที่ไอ้สิ่งที่ประโคมอยู่บนตัวเธอทั้งหมดล้วนมาจากเขาทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นแซกสั้นสีดำที่เข้ารูปอวดส่วนเว้าส่วนโค้งรับกับส้นสูงที่ทำให้เรียวขาดูเรียวขึ้น ที่สำคัญใบหน้าหวานๆ ที่เคยมีแว่นหนาๆ บัดนี้กลายเป็นคอนแทคเลนส์ อีกทั้งหน้านวลยังถูกแต่งแต้มให้ดูสวยเฉี่ยวผิดหูผิดตาจนหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่พากันเหลียวมอง ทำเอาท่านชีคออกอาการฮึดฮัดขัดใจจนดูหงุดหงิดงุ่นง่านไปหมด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากพาเธอเข้าร้านนั้นออกร้านนี้จนข้าวของเต็มไม้เต็มมือไปหมด ซึ่งเป็นมือใครไปไม่ได้นอกจาก...มือของสามคนนั้น
“ไม่มีมือจะถือแล้วเนี่ย กะจะซื้อไปถมที่เลยรึไง ถือไม่ไหวแล้วนะ” ฮารีฟที่ถือของพะรุงพะรังเดินตามหลังบนอุบ
“มีหน้าที่ถือก็ถือไปเถอะน่า อย่าบ่น” ฮาซานที่มีสภาพไม่ต่างกันหันมาบอก
“ไม่ให้บ่นได้ไง อีกนิดเดียวพวกเราสามคนต้องใช้ปากคาบแล้วนะโว้ย ฉันล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ไอ้การพาผู้หญิงมาช้อปปิ้งเนี่ย มันเกี่ยวอะไรกับงานของเราวะ” ฮารีฟยังบ่นไม่หยุด
“มันเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของฝ่ายตรงข้าม หลอกล่อให้พวกมันตายใจว่าท่านชีคกำลังหลงระเริงอยู่กับสาวสวย จนไม่มีเวลาเข้าไปยุ่งกับเรื่องของมันไง” ดูเหมือนเฟาซีจะเป็นคนที่เข้าใจแผนการของชีคหนุ่มมากที่สุด
“ถึงเวลาเราก็จะตลบหลังมันได้ง่ายขึ้น” ฮาซานเสริมขึ้นด้วย คงมีก็แต่ฮารีฟเท่านั้นที่ยังคลางแคลงใจ
“แต่ท่านชีคไม่เคยทำแบบนี้ อย่าว่าแต่จะพาสาวมาช้อป แม้แต่พาสาวมาเดินในห้างยังไม่เคย แล้วมันจะเชื่อเหรอวะ”
“เออนั่นสิ” ฮาซานเองก็ดูเหมือนจะเพิ่งฉุกคิดขึ้นมาได้ พลันสามหนุ่มก็พากันทำหน้าเครียด ในขณะที่พวกหนุ่มๆ กำลังเคร่งเครียด คงมีเพียงเธอเท่านั้นที่ดูจะสุขกายสบายใจกว่าใครเพื่อน
‘ถ้าเอาของพวกนี้ไปขาย เราคงสบายไปจนถึงชาติหน้า คิดไม่ผิดเลยที่ขอมาด้วย ลาภปากนังมะลิชัดๆ ว่าแต่เราจะขายเท่าไหร่ดีนะ หึๆ ขายด่วนขายเร็วขายครึ่งราคาไปเลยแล้วกัน ไม่ต้องลงทุนแต่ได้กำไรเหนาะๆ วะฮ่าๆๆ’ ดูเหมือนสายตาของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่พากันจับจ้องมองมาจะไม่ได้มีผลต่อเธอเลยแม้แต่น้อย ก็ในหัวของแม่คุณมีแต่ตัวเลขแล่นเต็มไปหมด พลันความงกก็ทำให้เธอโพล่งถามออกมา
“นี่คุณ ของนั่นน่ะคุณซื้อให้ฉันใช่ไหม”
“เปล่า ฉันจะซื้อไปขาย” เขาตอบอย่างเขม่นเข่นเขี้ยว หงุดหงิดกับไอ้พวกแมลงภู่ไม่พอ ยังต้องมาหงุดหงิดกับแม่คุณที่จ้องแต่จะเอาของที่เขาซื้อให้ไปขายอีก
“เอ้า! แต่คุณให้ฉันเลือก แล้วไซส์ก็เป็นไซส์ฉันด้วย” ให้ตายสิ! คำว่าเสียดายเต็มหัวเธอไปหมดแล้วตอนนี้
“ไซส์เธอแล้วยังไง ทำไมฉันจะขายไม่ได้ ฉันจะขายให้หมด รวมทั้งไอ้ชุดบ้าๆ ที่เธอใส่อยู่นั่นด้วย”
“เอ้า! ไหงเป็นงี้ล่ะ” เธอทำหน้างอง้ำด้วยยังเสียดายไม่หาย
“ฉันก็เป็นอย่างนี้แหละ เธอจะทำไม” เขาขึ้นเสียงอย่างพาลๆ
“เฮอะ! งกชะมัด” เธอสะบัดหน้าไปอีกทางอย่างไม่อยากเสวนาด้วยอีก
“ว่าใครงก หันมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน” คนพาลตามมาวอแว แต่ยังไม่ทันจะได้เคลียร์กัน ก็มีบุคคลที่สามเข้ามาแทรก
“น้องมะลิ” เสียงเรียกทำให้เธอต้องหันไปมองโดยอัตโนมัติ แต่พอได้เห็นหน้าคนเรียกชัดๆ เธอก็รีบหันกลับไปอีกทาง พลางโอดครวญในใจ ‘ซวยแล้ว เจอใครไม่เจอดันเจออีพี่เต หายนะก็คราวนี้แหละ’
“น้องมะลิใช่ไหม” เตวินตามมาถามอย่างไม่ยอมแพ้ เหมือนกับที่เขาไม่เคยยอมแพ้กับการตามจีบพรสวรรค์มาเป็นปีๆ ความจริงหนุ่มเนิร์ดหน้าตี๋ หล่อใสสไตล์เกาหลีแบบเตวินก็เป็นอะไรที่ดูดีไม่น้อย แต่สำหรับพรสวรรค์...ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ต่อให้อีกฝ่ายจะพยายามตามตื๊อแค่ไหนก็ตาม
“เอ่อ...คุณจำคนผิดแล้วล่ะค่ะ” เธอดัดเสียงพลางก้มหน้าหลบสายตา