14

1404 Words
‘ให้ตายเถอะ! ยัยหื่นนี่ หื่นกว่าที่คิดซะอีก’ เขาคิดพลางครางฮือ เมื่อมือนั้นสร้างความปั่นป่วนให้เขามากขึ้นทุกที มากจนต้องสูดปากบรรเทาความเสียดเสียวที่กำลังหมุนเกลียวในช่องท้อง และบางครั้งก็ต้องกัดฟันสะกดกลั้นความหื่นกระหายภายในที่ใกล้จะปะทุออกมาเต็มที “หึๆ ก็แค่ความฝัน ไม่ใช่ตัวตนจริงๆ ของเราสักหน่อย เพราะฉะนั้นเราจะย่ำยีผู้ชายคนนี้ยังไงก็ได้ ความฝันของเรา เราจะหื่นยังไงก็ได้” เธอย้ำอีกครั้ง พลางกดมือลงไปที่ขอบกางเกงของอีกฝ่ายอย่างย่ามใจ ครั้นพอจะเคลื่อนต่ำลงไปกว่านั้น ก็มีมือหนึ่งตะปบลงมาซะก่อน ยังผลให้คนทั้งคู่หันมาสบตากัน และดูเหมือนว่าคนที่ตกใจมากกว่าคือเธอ พรสวรรค์ทำหน้าเหลอหลาระคนตกใจ ทันใดนั้นเองเธอก็อุทานขึ้นมา “แม่เจ้า! เป็นฝันที่เหมือนจริงมาก” เอิ่ม! ยังคงนึกว่าเป็นฝันอีกเหรอเนี่ย “กล้ามก็เหมือนจริง อกแน่นๆ นี่ก็เหมือนจริง โอ๊ะโอ! แล้วตรงนั้นล่ะ...จะเหมือนจริงด้วยไหมเนี่ย” เธอกัดเม้มริมฝีปากล่างพลางหลุบมองต่ำลงไปยังจุดยุทธศาสตร์ใต้ขอบกางเกงนอนตาเป็นมัน อยากรู้นักว่าจิตของตนจะปรุงแต่งตรงนั้นของผู้ชายคนนี้ยังไง “หมับ!” เร็วเท่าความคิด มือเรียวยื่นไปพิสูจน์ แต่ก็ยังช้ากว่าคนที่ถูกฝึกมาให้ระวังตัวเป็นพิเศษ ชีคหนุ่มคว้าหมับจับมือเรียวเล็กเอาไว้ได้อย่างเฉียดฉิว ก่อนที่มันจะยื่นไปแตะยังจุดยุทธศาสตร์ของตน “อย่าแม้แต่จะคิด” เสียงทุ้มต่ำห้าวลึกเตือนแกมขู่ สีหน้าขึ้งเคียด เมื่ออีกฝ่ายกำลังเล่นกับไฟที่พร้อมจะลุกฮือได้ทุกเมื่อแบบนี้ “โห! เหมือนจริงไปไหมเนี่ย อย่างนี้มันต้องพิสูจน์” คนที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ จึงพิสูจน์ความฝันด้วยการฟาดฝ่ามือลงไปบนหน้า “เพียะ!” เอิ่ม! แต่บทพิสูจน์นี้คงใช้ได้ เพราะหน้าที่ชาอยู่ตอนนี้เป็นหน้าเขา ไม่ใช่หน้าเธอ “มันจะมากไปแล้วนะ” คนที่มัวแต่ระวังจุดยุทธศาสตร์ด้านล่าง จนไม่ทันระวังด้านบนถึงกับครางเสียงรอดไรฟัน และตอนนี้เองที่เธอพึงระลึกได้ว่า สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าตอนนี้ ไม่ใช่ความฝันแต่อย่างใด “กรี๊ด...! อุ๊บ!” พรสวรรค์กรีดร้องสุดเสียง แต่ก็ถูกมือใหญ่อุดปากอุดเสียงเอาไว้จนกลายเป็นเสียงอู้อี้ สองมือจึงพยายามปัดป้องต่อสู้หวังให้ตัวเองหลุดรอดจากเงื้อมมือคนฉวยโอกาส แต่มีหรือที่แรงอันน้อยนิดของเธอจะสู้แรงชายฉกรรจ์อย่างเขาได้ แต่แล้วสวรรค์ก็เข้าข้างเธอ เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น “ก๊อก ก๊อก ก๊อก เกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ” เพราะสัญชาตญาณของทหารที่ถูกฝึกมาอย่างโชกโชน และแน่นอนว่าพวกเขาถูกฝึกมาให้ตื่นตัวและเตรียมพร้อมตลอดเวลา ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พวกเขาทั้งสามจะกรูกันมายืนอยู่หน้าห้องนายเหนือหัวอย่างพร้อมเพรียง เพียงเพราะเสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่แว่วออกมาให้ได้ยินเพียงน้อยนิด “อื้อๆๆๆ” คนที่ถูกปิดปากพยายามส่งเสียงขอความช่วยเหลือ ในขณะเดียวกันมือทั้งสองก็พยายามทุบลงไปที่ฟูกหนาส่งสัญญาณให้คนข้างนอกรู้ โดยลืมนึกไปว่า...นี่ไม่ใช่บ้านเธอ แต่เป็นที่ของคนที่คร่อมอยู่บนตัวเธอตอนนี้ แล้วคนที่อยู่ข้างนอกนั่นก็เป็นพวกของเขาด้วย “ถ้าอยากให้ฉันส่งเธอให้ไอ้พวกกลัดมันข้างนอกนั่น ก็ร้องให้ดังๆ เลย” ชีคหนุ่มชี้หน้าขู่ ซึ่งก็ได้ผลชะงัด เมื่อคนที่พยายามส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือชะงักนิ่งไป ทำให้คนเป็นต่อค่อยๆ คลายมือออก ก่อนจะหยักยิ้มร้ายกาจอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า ซ้ำร้ายไปกว่านั้นยังข่มขู่ให้เธอยิ่งกลัวขึ้นไปอีก “ทำไมไม่ร้องล่ะ ร้องสิ ฉันจะได้ส่งเธอออกไปให้สามคนที่กำลังหิวโซนั่นจัดการ คงไม่ต้องให้บอกนะว่าหลังจากนั้นเธอจะเป็นยังไง หึ! พวกมันคงกำลังคลั่งและอยากเต็มที ถึงได้ทั้งเคาะทั้งโวยวายเสียงดังขนาดนั้น” ชีคหนุ่มจอมเจ้าเล่ห์ฉวยโอกาสที่เธอไม่รู้ภาษาปั้นเรื่องขึ้นมา โดยที่สามคนข้างนอกไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าตัวเองกลายเป็นผู้ร้ายบ้ากามไปแล้วในสายตาเธอ “ไม่ๆๆ ฉันยอมแล้ว จะให้ฉันทำอะไรฉันยอมทุกอย่าง ขอแค่..อย่าส่งฉันออกไปก็พอ” เพราะเสียงข้างนอกยังดังไม่หยุด จึงไม่แปลกที่เธอจะกลัว คนขู่หยักยิ้มมุมปากอย่างย่ามใจ ก่อนจะลุกออกไปจากตัวเธอ และเดินไปที่ประตู โดยมีสายตาตื่นกลัวแกมหวาดระแวงของเธอคอยจับจ้องทุกย่างก้าว ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะเปิดประตูให้พวกบ้ากามข้างนอกเข้ามาลากเธอออกไปปู้ยี่ปู้ยำตามคำขู่ “ถ้ายังอยากอยู่ในห้องนี้ก็ห่มผ้าแล้วหลับตาซะ” เขาหันมาบอกก่อนเปิดประตู และก็ได้ผลเมื่อเธอพยักหน้ารับคำ และปฏิบัติตามทันที แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เขาหยักยิ้มพอใจ ก่อนจะหันมาจัดการกับสิ่งที่ค้างอยู่ต่อ “มีอะไร” ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก น้ำเสียงดุดันแกมไม่พอใจก็ถูกสาดออกไป “เอ่อ...กระหม่อมได้ยินเสียงร้อง จึงรีบมาดู มีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นรึเปล่าพ่ะย่ะค่ะ” ฮาซานรับหน้าด้วยเสียงตะกุกตะกัก “เรื่องร้ายที่สุดของฉัน ก็คือเรื่องที่พวกแกมาขัดเวลานอนของฉันนี่แหละ” ชีคหนุ่มแสร้งทำหน้าหงุดหงิด “แต่พวกกระหม่อมได้ยินเสียงร้องจริงๆ นะพ่ะย่ะค่ะ” ฮารีฟยืนยันอีกเสียง ขณะพยายามสอดส่ายสายตาเข้าไปมองภายในห้อง แต่เพราะช่องประตูที่เปิดแง้มเพียงเล็กน้อย บวกกับตัวโตๆ ของชีคหนุ่มที่บังไว้ ทำให้แทบมองอะไรไม่เห็น “คงหูแว่ว ถ้าไม่มีอะไรก็แยกย้ายกันได้แล้ว ฉันเองก็อยากจะนอนเต็มทีแล้วเหมือนกัน” ชีคหนุ่มพูดแล้วก็แสร้งหาวเสียงดัง หวังไล่ทั้งสามทางอ้อม “แต่กระหม่อมได้ยินจริงๆ นะพ่ะย่ะค่ะ สองคนนี้ก็ได้ยิน จริงไหม” ฮารีฟหันไปหาเฟาซีกับฮาซาน หวังให้ทั้งคู่ช่วยยืนยันด้วยอีกเสียง แต่ทั้งคู่กลับทำเพียงยักไหล่ให้และเดินจากไป “เฮ้ย! อะไรของพวกแกวะเนี่ย ไหนว่าได้ยินเหมือนกันไง หรือว่าเราหูฝาดไปเอง เฮ้ย! แต่ถ้าไม่ได้ยิน แล้วพวกมันจะออกมาทำไม เอ้า! ยังไงกันแน่เนี่ย เฮ้ย! หรือว่า...ผีหลอก ว้าก! รอเค้าด้วย ขอเค้านอนด้วย เค้ากลัวผี” คนกลัวผีวิ่งแจ้นตามทั้งสองไป โดยมีชีคหนุ่มมองตามและส่ายหน้าให้น้อยๆ ก่อนจะผ่อนลมหายใจให้อย่างโล่งอกที่จัดการกับทั้งสามคนได้โดยไม่ยืดเยื้อ เหลือก็แต่คนในห้องแล้วล่ะที่เขาจะต้องจัดการขั้นเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นคืนนี้เขาคงไม่ได้นอนเป็นแน่ “ทำอะไร” เขาถามเสียงดัง หลังหันกลับมาแล้วเห็นคนในห้องกำลังจัดการปูผ้านวมบนพื้น “ก็ปูที่นอนไง” คนถามถึงกับกัดฟันกรอด หลังได้ฟังคำตอบยียวนของเธอ ให้ตายเถอะ! พอสามคนนั่นไม่อยู่ แม่คุณก็แข็งข้อขึ้นมาทันที อย่างนี้มันต้องขู่ซะให้เข็ด “เธอจะนอนพื้น? เหอะ! คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกละครน้ำเน่าอยู่รึไง” ชีคหนุ่มผู้ไม่เข้าใจความคิดของนางเอกในละครเอาซะเลย ที่เอะอะก็จะแยกที่นอน ไม่รู้จะทำให้ตัวเองต้องลำบากลงไปนอนที่พื้นแข็งๆ ทำไม เพราะถ้าเขาต้องการจริงๆ ต่อให้เธอหนีเข้าไปนอนในห้องน้ำ เขาก็ลากเธอออกมาได้อยู่ดี “เปล่า! ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นคุณ” เธอชี้ไปที่เขา ขณะที่ตัวเองนั้นทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่มๆ อย่างสบายใจ (เอ้า! ไม่ใช่อย่างที่คิด)
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD