10

1304 Words
“โอ๊ย! ทำอะไรของคุณเนี่ย มาทับฉันทำไม สองครั้งแล้วนะทับลงมาได้ ตัวหนักจะตายชัก ลุกไปเดี๋ยวนี้เลย” เธอพยายามผลักอกเขา เอ่อ...แต่สองมือกลับสัมผัสได้ถึงบางอย่าง และความอยากรู้อยากเห็นของเธอก็มากเกินกว่าที่ปล่อยผ่านมันไป จากผลักจึงกลายเป็นสำรวจไปโดยปริยาย ‘เอื๊อก! แน่นมาก(ถึงกับกลืนน้ำลาย) ใหญ่กว่าเราอีกมั้งเนี่ย บ้าบอ! เป็นผู้ชายประสาอะไร ทำไมนมใหญ่กว่าฉันยะ’ คนถูกว่าลวนลามทางความคิดถึงกับสะอึก ทั้งการกระทำและความคิดของเธอมันทำเอาเขาหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ “อะแฮ่ม! หันหลังไป” ชีคหนุ่มลุกขึ้นยืนก่อนจะกระแอมสั่งองครักษ์ทั้งสามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่คิดว่าน่าจะปกติที่สุด ในขณะที่คนถูกสั่งก็ทำตามแบบงงๆ แต่ยังไม่ทันไร ก็ต้องพากันหันกลับมาเพราะเสียงโวยวายของเขาอีก “เฮ้ย!” ชีคหนุ่มทรุดลงไปนั่งข้างๆ เธออีกครั้ง หลังพบว่ามีเลือดไหลออกจากทางจมูกของแม่คุณอีกแล้ว และถ้าจะให้เดา ก็คงเกิดจากเขาอีกตามเคยที่เผลอยืนอยู่หน้าเธอ แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ผ้าห่มสีขาวข้างๆ ถูกดึงขึ้นมาเช็ดเลือดนั่น “อ๋อ...!” ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าทำเอาองครักษ์ทั้งสามถึงกับอุทานออกมาพร้อมกัน ราวกับว่ารอยเลือดที่เปื้อนนั้นได้รับการคลี่คลายแล้ว “บ้าฉิบ! เยื่อบุโพรงจมูกเธอมันมีปัญหามากรึไง เลือดถึงได้ไหลบ่อยขนาดนี้” เขาบ่นไปก็ซับเลือดให้เธอไป “มันบางค่ะ” “เยื่อบุจมูกบาง?” “เปล่า! ใจฉันนี่แหละที่บาง ฮือ! ใจบางไปหมดแล้วเนี่ย ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไปเลือดฉันคงไหลหมดตัว ไม่! ฉันต้องกลับบ้าน ต้องกลับบ้านเดี๋ยวนี้” เธอโอดครวญก่อนจะหาทางกลับบ้านอย่างลนลาน จังหวะที่เธอกำลังจะหันไปทางประตู เสียงชีคหนุ่มก็ดังขึ้น “หันไป” องครักษ์ทั้งสามหันขวับไปอีกทางอย่างงงๆ อีกครั้ง จากน้ำเสียงที่ได้ยินทำให้พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะถามว่าทำไม “อะเฮือก!” ทันทีที่พรสวรรค์หันมาสายตาก็ปะทะเข้ากับบั้นท้ายของทั้งสามคนเต็มๆ พลันเลือดที่หยุดไหลไปแล้วก็ไหลลงมาอีก “เวรเอ๊ย! นั่งลง” เขาสบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะสั่งให้ทั้งสามนั่งลง “ฮารีฟ ช่วยไปเอาผ้าชุบน้ำในห้องน้ำมาให้ฉันหน่อย” ทั้งสามพากันหันกลับมาหลังได้ยินคำสั่ง โดยเฉพาะฮารีฟที่ตั้งท่าจะลุกขึ้น แต่ก็ต้องชะงักเพราะคำสั่งต่อมา “หมอบลงกับพื้นแล้วคลานไป” “หา! ทะทำไมพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทำอะไรผิด” ฮารีฟทำหน้าไม่เข้าใจ “ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากให้แกซ้อมเอาไว้ ถือซะว่าเป็นการทบทวนการฝึก เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้รับมือได้ แกสองคนก็เหมือนกัน” คนที่พลอยโดนหางเลขไปด้วยถึงกับตาเหลือกลาน “หา!” สองหนุ่มหันไปมองนายเหนือหัวอย่างต้องการจะรู้เหตุผล แต่เมื่อเห็นสายตาคมๆ คู่นั้น ทั้งคู่ก็ได้แต่หมอบลงกับพื้น ก้มหน้าทำตามรับสั่งอย่างช่วยไม่ได้ “คุณ ขอฉันกลับบ้านตอนนี้เลยได้ไหม ฉันอยู่ไม่ได้แล้วจริงๆ ฉันต้องกลับบ้าน” เธอบอกแกมขอร้อง “จะกลับทั้งสภาพนี้เนี่ยนะ ฉันว่าก่อนเธอจะกลับถึงบ้าน เลือดเธอคงไหลหมดตัวซะก่อน” ‘เออ! จริงด้วย เราไม่มีแว่น ถ้าขืนออกไปทั้งสภาพนี้ คงได้เห็นทั้งตูดทั้งไอ้นั่นเต็มไปหมดแน่ โอ้วไม่! ยืนงงในดงตู...เลยคราวนี้ ฮือ! แต่ถ้าจะให้อยู่ที่นี่ต่อ ฉันก็ไม่ไหวเหมือนกัน เพราะในหัวฉันมีแต่ภาพไอ้นั่นของเขา แล้วไหนจะตูดขาวๆ ของสามคนนั่นอีก หรือฉันควรจะไปตายเอาดาบหน้า เอาวะอย่างมากก็แค่ตากุ้งยิง ไม่ถึงตายหรอก’ เธอก้มหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ และเงยขึ้นมาตอบ “ฉันตัดสินใจแล้วค่ะว่า...” ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดจนจบ เขาก็แทรกขึ้นมาซะก่อน “ไม่ได้” ชีคหนุ่มชิงพูดตัดหน้า “แต่คุณไม่มีสิทธิ์มาขังฉันนะ ฉันมีบ้านมีครอบครัวที่ต้องกลับไปหา ฉันหายออกมาตั้งนานสองนานแบบนี้ ป่านนี้ที่บ้านคงเป็นห่วงฉันแย่แล้ว (ถ้าป้าอยู่บ้านอะนะ)” ท้ายประโยคเธอแอบคิดในใจ ก็คุณป้าสุดซ่าของเธออยู่ติดบ้านซะที่ไหน วันๆ ถ้าไม่ขลุกอยู่ที่ทำงาน ก็คงสำเริงสำราญตามประสาคนชอบเข้าสังคมที่บ้านเพื่อนคนไหนสักคน “ก็ถ้าเธออยากให้ไอ้คนพวกนั้นตามไปฆ่าเธอแล้วก็คนที่บ้านของเธอ เธอก็เดินออกไปตอนนี้ได้เลย” เขาขู่แกมท้าทายอีก ซึ่งดูเหมือนมันจะได้ผลไม่น้อย เพราะมันทำให้คนที่กำลังจะก้าวลงจากที่นอนชะงักได้ “คนพวกนั้น พวกไหน แล้วทำไมพวกเขาต้องฆ่าฉัน คุณจะมาไม้ไหนอีกเนี่ย” เธอหันมาจ้องเขม็งที่เขา ก่อนจะเปรยกับตัวเองเบาๆ “นี่มันวันซวยอะไรของฉัน เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตฉันวะเนี่ย” เธอบ่นพร้อมกับขยี้หัวตัวเองแรงๆ ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “หรือว่าเราฝันไป ใช่! ฉันต้องฝันอยู่แน่ๆ ตื่นๆๆ ตื่นสิพรสวรรค์ เธอต้องตื่นเดี๋ยวนี้” พรสวรรค์ตบหน้าตัวเองซ้ำๆ ราวกับจะปลุกตัวเองให้ตื่นจากนิทรา “ทำบ้าอะไรของเธอ” ชีคหนุ่มคว้าหมับฉุดข้อมือเธอไว้ ใจจริงก็ไม่อยากเข้ามายุ่งนักหรอก เธอจะทำร้ายตัวเองยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับเขา แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่ชอบเห็นแก้มใสๆ ของเธอมีรอยแดง “ฮือ! ฉันอยากกลับบ้าน” เธอร้องไห้งอแงเหมือนเด็กๆ จนเขาอ่อนอกอ่อนใจ “ฟังฉันให้ดีนะ เธอกำลังตกอยู่ในอันตราย เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอจะต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน รอจนกว่าเรื่องทุกอย่างจะเรียบร้อย แล้วฉันจะไปส่งเธอที่บ้านด้วยตัวเอง” เขาบอกเสียงอ่อนลง “คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันตกอยู่ในอันตราย ในเมื่อฉันไม่เคยมีศัตรูที่ไหน” “เพราะมันไม่ใช่ศัตรูของเธอ แต่มันเป็นศัตรูของฉันไง” ดวงตาของเขาวาวโรจน์ขึ้นทันทีที่พูดถึงศัตรู “ศัตรูของคุณ? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันเล่า” “เกี่ยวตรงที่มันเห็นแล้วว่าเธออยู่กับฉันไง” “แล้วไง?” เธอแทรกถามทันที “มันจะตามฆ่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับฉัน และเธอคือหนึ่งในนั้น ฉันถึงอยากให้เธออยู่ที่นี่ ฉันจะได้คุ้มครองเธอได้” ในขณะที่สองคนกำลังโต้ตอบกันไปมา สามองครักษ์ที่หมอบอยู่กับพื้นก็พากันมองหน้ากันอย่างงงๆ “เดี๋ยวนะ! พวกเราไม่ใช่เหรอวะที่เป็นฝ่ายตามล่ามัน ก่อนจะมาถึงเมืองไทย เราก็ตามไล่ล่ามันมาตั้งหลายประเทศ แล้วทำไมท่านชีคถึงรับสั่งแบบนั้นวะ” ฮารีฟหันมากระซิบถามอีกสองคน “แกก็ลองไปถามท่านชีคเองสิวะ” ฮาซานแนะนำกึ่งประชดประชัน “แกก็พูดบ้าๆ ใครจะไปกล้าวะ ถ้าฉันกล้าฉันตายไปตั้งแต่ตอนสามขวบแล้ว” เหตุผลของฮารีฟพาให้อีกสองคนพากันส่ายหัว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD