รัก Chapter.6

1756 Words
“นังบ้าเอ๊ย” เขาสบถออกมาอย่างหัวเสียเมื่อหล่อนดันเป็นลมไปเสียก่อน ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นออกแรงๆรดหว่างอกอวบขาวผ่อง ..เอาไงดีวะ?! ฆ่ามันเลยไหม หรือจะจัดการกับเรือนร่างมันสักยกก่อนดี? “เอาไงต่อครับนาย” คำถามนั้นทำเขารีบผละออกจากเนื้อนุ่มอย่างเสียดาย “นั่นน่ะสิ” เขารู้สึกหงุดหงิดและรำคาญกับอาการสับสนของตนเอง จะเดินหนีก็ไม่ได้ เหมือนเธอมีมนต์สะกดรั้งให้เขากระทำต่อ .. ทั้งที่เธอแค่นอนอยู่เฉยๆ “พวกมึงหันหน้าออกไป” เขาออกคำสั่งเสียงเหี้ยมก่อนโน้มตัวลงแนบชิดใบหน้าลงที่เดิม คราวนี้เธอถูกเปลือยท่อนบนมองเห็นสองเต้าได้ชัดเจน ใบหน้าคมดุเคลิ้มหนักฝ่ามือเคล้นเป็นจังหวะเนิบนาบ นอกจากมันจะเด้งน่าขยำแล้วยังมีความพิเศษตรงยอดถันเม็ดเล็กนั้นสีชมพูสดราวกับสาวบริสุทธิ์ จ๊วบ “ซี้ดดด” เสียงทุ้มครางออกมาอย่างพอพึงใจ ริมฝีปากดูดไซ้มูมมามไปทั่วป้านก่อนขบเม้มดึงปลายยอดปทุมถันอย่างมัวมัน อารมณ์กู่ไม่กลับจนเสียงดังขึ้น ไซมอนและเฮนรี่ลูกน้องชาวแอฟริกันผู้ซื่อสัตย์ที่ยืนหันหลังให้เจ้านายนั้นกำลังยืนขาสั่นกุมมือไว้กลางเป้า จ๊วบ “อ่าส์” ปลายนิ้วใหญ่ซุกซนล้วงเข้าไปในกางเกงลำลองสีชมพู เขาวนลูบกลีบอูมคลึงมันเบาๆ ใบหน้าเงยขึ้นมองบริเวณรอบๆมีเพียงเรือของเขาจอดคว้างลอยลำอยู่กลางทะเลเพียงลำพัง ส่วนลูกน้องคนสนิทที่ยืนหันหลังอยู่นั้นไม่ใช่อุปสรรคหรอก หากแต่เป็น ครืดดดดด “แม่ง!” คราวนี้เป็นสมาร์ทโฟนของเขาเองที่มันดันสั่นขัดจังหวะ “ครับพ่อ” ‘อยู่ไหน รีบมาด่วน’ “มีอะไรครับ ตอนนี้ผมติดธุระอยู่ในเมืองไทย” เขาคุยกับปลายสายจากเมืองมอสโกว แต่ปลายนิ้วชี้และนิ้วโป้งกำลังบีบบี้หัวนมเม็ดเล็กของเธอพลางดึงยืดขึ้นราวกับว่ามันมีพลังแม่เหล็กให้เขาไม่สามารถถอนมือออกมาได้ แต่กลับกางนิ้วทั้งห้านาบบนเต้าอวบตะปบบีบนวดมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาสามารถแยกโสตประสาทสัมผัสและการฟังได้อย่างดีเยี่ยมเชียวล่ะ “เรื่องนั้นค่อยจัดการวันหลัง แกรีบมาเคลียร์เรื่องให้น้องแกก่อน” อีกแล้วหรือ คือคำแรกที่ผุดขึ้นในหัวของเขา “แล้วมันไปสร้างเรื่องอะไรอีกล่ะครับ” “เมา ขับรถไล่บี้รถตำรวจและยกพวกรุมทำร้ายจนตำรวจบาดเจ็บไปสามราย” “เยี่ยมเลยไอ้มาร์ติน” เขากรอกตาขึ้นบนด้วยความระอา อาร์มาติโน่ เคอวิซ เอลวานอฟ น้องชายคนเล็กจอมป่วนและชอบนำเรื่องชวนปวดหัวมาให้พี่ใหญ่อย่างเขาตามเคลียร์ให้ไม่จบสิ้น และคราวนี้เรื่องมันเกิดแดงใหญ่เพราะขาดสติหนักถึงขั้นชวนพวกไปทำร้ายตำรวจต่อหน้าสาธารณะชนที่ยกกล้องมือถือถ่ายเอาไว้เป็นหลักฐานมากมาย “โอเค ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” ดวงตาคมดุกร้าวเพ่งมองตั้งแต่ใบหน้าลงมาถึงสรีระสัดส่วนซ่อนรูปของหล่อนและเขากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก “อาส์ ..จะทำยังไงกับนมใหญ่ๆนี้ดี?” เขาตัดสินใจทำเรื่องเหลือเชื่อ นั่นคือสวมเสื้อให้แม่สก๊อยคนนี้และพาหล่อนกลับไปด้วยกัน ....................................... ดารัณเบิกตากว้างเมื่อรถเคลื่อนตัวขึ้นไปยังบนยอดผาเธอมองเห็นบ้านหลังใหญ่ตั้งตระหง่านบนนั้น เมื่อรถแล่นเข้าไปใกล้พบประตูโลหะขนาดใหญ่ทั้งสองบานเปิดออกกว้าง เมื่อไอ้หุ่นขี้ผึ้งร่างยักษ์ทั้งสอง(เธอแอบตั้งฉายาชายผิวสีสองคนนั้นเสร็จสรรพ เพราะหมั่นใส้ที่เอาที่เงียบขรึมไม่หือไม่อืออะไรราวกับผีดิบ ใช่ ที่นี่เหมือนปราสาทผีดิบจริงๆเลย) เมื่อไซมอนและเฮนรี่เดินนำเธอเข้ามายืนอยู่กลางห้องโถงขนาดใหญ่ เธอแหงนหน้าขึ้นมองโคมไฟระย้าขนาดยักษ์ที่ห้อยมาจากเพดานชั้นสาม รอบๆชั้นสองและสามเป็นระเบียงหรูมีห้องหับมากมาย เมื่อลดหลั่นศีรษะลงมองในระดับสายตาซึ่งน่าตื่นตาไม่แพ้กันมันเหมือนเธอยืนอยู่วงเวียนเป็นจุดเริ่มต้นของการเล่นเกมส์ลึกลับเขย่าขวัญอะไรสักอย่าง เพราะรอบๆเป็นทางแยกสี่ทางโดยแต่ละทางจะมีเสาโรมันคู่ขนาดใหญ่เสมือนประตูทอดไปสู่ทางที่เลือกเดินเข้าไป ซึ่งไม่รู้ว่าในนั้น จะเป็นสวรรค์ หรือนรก ร่างบางสภาพมอมแมมหมุนกายมองความหรูหรารอบๆอย่างตื่นตะลึง เหมือนหลุดมาอยู่ในอีกมิติ มันสวยงามและดูลึกลับจนขนลุกซู่ “ตามมา!” เสียงที่เกือบจะเหมือนตะคอกจากชายผิวสีคนหนึ่งทำเธอสะดุ้ง พวกมันพาเธอเดินไปทางแยกฝั่งขวา ดารัณเดินลอกแลกอยู่ตรงกลางโดยทั้งสองประกบไว้หน้าหลัง พวกมันจะพาเธอไปไหน? หวังว่าพวกมันจะพาไปพักผ่อนในห้องหรูมีเครื่องอำนวยความสะดวกสบายครบครันและได้อาบน้ำชำระกายที่เหนียวเหนอะสักทีเถิด .. แต่เธอคงหวังมากไป ห้องขังที่แคบและมืดน่าจะใกล้เคียงกว่า’ ถึงจะอยากรู้แค่ไหนแต่สถานะเชลยอย่างเธอไม่ควรเอ่ยถามอยู่แล้ว จะให้ไอ้หุ่นขี้ผึ้งยักษ์เป็นคนบรรยายดุจไกด์ชวนเที่ยวแค่คิดก็น่าขำพิลึก ผนังบริเวณทางเดินที่มืดมิดมีกรอบรูปภาพอาวุธต่างๆตั้งแต่สมัยโบราณยันปืนสั้นทันสมัย ลักษณะการตกแต่งมันสะท้อนไปถึงตัวตนของเจ้าของคฤหาสน์ได้ดี ไอ้เถื่อนคนนั้น เมื่อใบหน้าคมเข้มแว้บขึ้นมาในหัวจนเธอต้องรีบสลัดออกอย่างหวาดกลัวแม้เพียงจินตนาการก็ตามเถอะ “ถึงห้องเธอแล้ว” ชายผิวสีคนหนึ่งแง้มประตูบานใหญ่ให้เธอเข้าไป “ทำไมมันมืดแบบนี้” “ก็เปิดไฟเซ่ อย่าโง่” ชายผิวสีอีกคนสวนกลับเธอพร้อมยัดมือถือคืนให้เธอ “รออยู่ในนี้แหละเดี๋ยวนายท่านก็มา” “เดี๋ยวๆ บอกฉันได้มั้ยว่าที่นี่ที่ไหน?” ทั้งสองจ้องเธอเขม็ง “โอเค เปลี่ยนคำถามใหม่ก็ได้ ฉันนอนสลบสไหลไปกี่ชั่วโมง?” “ทำไมต้องบอก?” “ขอโทษค่ะ” เธอรีบละล่ำละลักเอ่ยคำขอโทษเมื่อทั้งสองคนเริ่มแสดงอาการหงุดหงิดและขยับเข้ามาใกล้คล้ายจะทุบตีสั่งสอนเธอให้หุบปากเสียอย่างนั้น เมื่อเดินวนไปมาในห้องที่ยังมืดมิดเพราะเธอไม่มีอารมณ์จะชื่นชมความงามใดๆหรอก นอกจากจะหาทางหนีและรอให้ไอ้สองคนนั่นเดินไปไกลๆเสียก่อน เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “เอาวะยัยรัณ” ร่างเล็กวิ่งลิ่วออกไปทางเดิมแบบไม่คิดชีวิต ไม่หนีตอนนี้จะหนีตอนไหนเล่า! จะรอให้ไอ้เถื่อนนั่นมาทำร้ายขอหนีตายดาบหน้าดีกว่า ขอแค่วิ่งพ้นประตูหน้าคฤหาสน์ก่อนเถอะหลังจากนั้นเธอจะอาศัยความน่ากลัวของต้นไม้รกทึบพวกนั้นเพื่อเป็นที่หลบซ่อนตัว “นายครับ” “ไม่ต้องตาม” เขาโบกมือห้ามลูกน้องซึ่งเดินเข้ามารายงานอยู่ด้านหลัง ร่างสูงใหญ่กำยำยืนกอดอกริมกระจกดวงตาคมดุเพ่งมองร่างเล็กเท่ามดจากชั้นบนสุดของคฤหาสน์เป็นลักษณะโดมกระจกใสมองเห็นได้รอบทิศ แม่นั่นกำลังคิดจะหนีอย่างนั้นหรือ น่าขำชะมัด โลอาห์น เคอวิช เอลวานอฟ ผู้เป็นเจ้าของอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลเดินก้าวเท้าอาดๆตามเธอออกไปอย่างใจเย็น มือซ้ายถือปืน อีกข้างควงกุญแจรถช๊อปเปอร์คันใหญ่ขับออกไปลากตัวหล่อนกลับมา แต่ถ้าหล่อนไม่ เขาคงต้องฆ่าหล่อนทิ้งให้จบๆไปนั่นแหละ ดารัณยืนขาสั่นเมื่อกำลังอยู่บนเชิงผาสูงชันน่ากลัวตรงหน้า อีกเพียงแค่นิดเดียวก็เกือบตกลงไปแล้ว โชคดีที่ยั้งฝ่าเท้าตัวเองไว้ได้ทัน เธอมั่นใจว่าตนเองวิ่งออกมาทางเดิม แต่ทำไมไม่เจอประตูทางเข้าขนาดใหญ่แต่กลับอยู่ตรงนี้แทน ครืนน ก้อนหินร่วงพราวลงไปในเหวลึกเพียงเท้าเล็กถอยกลับ “ฟู่ว” แกร๊ก! เสียงขึ้นลำปืนอยู่ด้านหลังทำเธอชะงักค้าง พยายามรวบรวมความกล้าขณะหมุนตัวกลับไปมองเขา “ฉันมีแค่สองช้อยส์ให้เธอเลือก จะเอาตายตอนนี้ หรือค่อยๆตายอย่างทรมาน” โลอาห์นยกปืนขึ้นเล็งตรงกลางหน้าผากเธอ “ระยะห่างแค่นี้ไม่ต้องกลัวว่าจะตายอย่างทรมาน ปั้งเดียว และร่วงลงไปในก้นเหวแบบไม่รู้สึกอะไรด้วย” ดารัณกลัวจนฉี่แทบราด ขาอ่อนยวบลงกับพื้นหินอย่างยอมจำนน “ฉันเลือกข้อสอง” แน่นอน เธอยังไม่พร้อมจะตายตอนนี้หรอก กรึ๊บ! โลอาห์นรวบสองมือเล็กก่อนใส่กุญแจมือลากดึงพาเธอไปยังรถชอปเปอร์คันสีดำทะมึนแกมน้ำตาล เธอยืนเงอะงะจนถูกเขากดตัวลงจ้ำเบ้ากับเบาะคนซ้อน “นั่งคาบเบาะสิ! สก๊อยอย่างเธอถนัดนักนี่” “ค่ะๆ” นาทีนี้เธอไม่กล้าขัดขืนอยู่แล้ว ขาเรียวยกพาดเบาะ เธอนั่งสั่นระทึกหัวใจเต้นโครมครามขณะร่างใหญ่ขึ้นหย่อนลงนั่ง กลิ่นน้ำหอมจางๆลอยมาเตะจมูกจนแอบลอบมองท้ายทอย ไหล่กว้างอย่างลืมตัว ก็หน้าตาดีอยู่ถ้าโกนหนวดเคราออก หุ่นก็ล่ำสัน ..น่าหลงใหล บ้าสิยัยรัณ! เธอรีบสลัดความคิดบ้าๆนั่นทิ้ง ก้มมองมือที่ถูกพันธนาการแล้วแอบหวั่นในใจหากเขาขับเร็วกลัวตนเองจะหัวทิ่มจังหวะที่เขาเบรกกระทันหัน “ถ้ากลัวตกรถก็โอบตัวฉันไว้” แต่แล้วเสียงเข้มโพล่งออกมาเหมือนอ่านใจเธอออก “ยกแขนขึ้นโอบตัวฉัน เร็วเซ่!” เขาเร่งจนเธอรีบยกแขนขึ้นรวบโอบเขาจากศีรษะ วางแหมะข้างลำตัวอย่างลนลาน ให้ตายสิ! หน้าอกเธอชนแผ่นหลังเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ มาเฟียหนุ่มลอบยิ้มพรายขณะเคลื่อนรถออกไปช้าๆ ได้สัมผัสความนุ่มหยุ่นจนกลางกายผงาดใหญ่ ริมฝีปากหนาเม้มแน่นจังหวะที่เขาจงใจเบรคกระทันหันจนแผ่นหลังโดนอกอวบปะทะเข้าอย่างจัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD