“คุณมีอะไรรึเปล่าคะ”
“ออกมาเจอกันหน่อยได้ไหมไอด้า ผมอยากคุยเรื่องของเราสองคน”
“...”
“ผมไปหาคุณที่คอนโดก็ได้” ฉันกำลังนั่งครุ่นคิดแต่เขาก็เสนอมาอีกครั้ง
ทำไมดูอยากคุยจัง สนใจฉันหรือติดใจกันแน่เนี่ย บอกตามตรงนะว่ารู้สึกดีมากแต่ก็ไม่ไว้ใจเท่าไหร่เพราะพี่วิลยิ่งไม่ธรรมดาอยู่ด้วย
“ฉัน... / ผมหมายถึงไปเจอกันที่สวน สวนคอนโดคุณที่เรานั่งคุยกันเมื่อคืนไง คุณว่าดีไหม”
“โอเคค่ะ ถ้างั้นอีกสักหนึ่งชั่วโมงแล้วกันนะคะ ฉันขอทำธุระก่อน” ความจริงฉันแค่ต้องการทำสมาธิก่อนต่างหากล่ะ กลัวว่าเจอหน้าเขาแล้วจะไม่มีสมาธิจนเผลอทำอะไรน่าขายหน้าลงไป
“ได้สิ อีกหนึ่งชั่วโมงเดี๋ยวผมโทรหา”
“ค่ะ”
ติ๊ด!
“...กรี๊ด~” ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจจนไม่รู้ว่าต้องทำอะไรก่อนอะไรหลังแล้วเนี่ย
จากที่คิดว่าคงไม่ได้เจอกันแล้ว คงเป็นแค่ความสัมพันธ์ข้ามคืนแล้วทุกอย่างก็จบไปแต่เปล่าเลย พี่วิลพยายามติดต่อฉันจนได้
ด้าเอ้ยเซ้นส์แกเคยบอกตัวเองแล้วไม่ใช่รึไงว่าบุพเพกำลังจะอาละวาด แล้วตอนนี้มันก็คงกำลังอาละวาดให้ใจพี่วิลปั่นป่วนแล้วแน่ ๆ
ฉันรีบโดดจากโซฟาไปแต่งหน้าแต่งตัวซะใหม่เพราะสภาพที่ลงไปร้านขายยามันดูไม่ได้เท่าไหร่
แต่งให้สวยแล้วลงไปคุยกันดีกว่าเผื่อว่าสุดท้ายแล้วอาจจะจบที่ดินเนอร์ใต้แสงเทียนก็ได้ใครจะไปรู้ อิอิ
-เวลาต่อมา-
ฉันยืนหลบมุมอยู่ที่เสาต้นใหญ่ของคอนโด ยืนหลบมุมดูผู้ชายชาวต่างชาติที่หล่อบรรลัย หล่อเหมือนคนที่เกิดมาไม่คิดจะเผื่อแผ่ความหล่อให้ใครเพราะความหล่อทั้งหมดทั้งมวลตกไปอยู่ที่เขาหมดแล้วกำลังนั่งรอฉันอยู่ที่ล็อบบี้ของคอนโด
“...ฟู่ว~” ฉันเรียกพลังลมปราณเข้าไปให้เต็มปอดก่อนจะพ่นออกมาช้า ๆ
โอเคไอด้า แกพร้อมแล้วพร้อมแล้วจริง ๆ บอกตัวเองซะว่าแกพร้อมเพราะตอนนี้ผู้ชายเริ่มมองไปที่ลิฟท์หลายรอบเพื่อมองหาแกแล้ว
แกพร้อมแล้วต่อให้แกไม่พร้อมแกก็ต้องไปเจอเขาเพราะฉะนั้นแกต้องพร้อมซะ พร้อมแล้วออกไปเจอว่าที่ผู้ชายของแกตอนนี้เลย!
ฉันบอกตัวเองรวมทั้งปลุกใจตัวเองไปในตัวเสร็จเรียบร้อยก็สั่งให้ขาขวาก้าวนำแล้วบังคับให้ขาซ้ายก้าวตามในทันที พอเดินมาได้สามก้าวก็รู้ตัวว่าถอยไม่ได้แล้วเพราะเขามองมาเห็นพอดิบพอดี
“...ไงคะ” ตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าจะทักทายยังไงแล้วเนี่ย แล้วดูเขาสิมองฉันหัวจรดเท้าเลย นี่ฉันคงไม่ได้แต่งตัวเวอร์ไปหรอกนะ
ไม่เวอร์หรอกด้า ก็แค่ชุดเดรสปาดไหล่แหวกขาสีครีมที่ขับผิวให้ผ่องจากแบรนด์ไทยดีไซน์เนอร์ชุดนี้กับรองเท้าส้นเข็มสีโรสโกลด์ของคริสเตียน ลูบูแตง ไม่ได้ดูเวอร์สักนิด มันก็ไม่ได้เวอร์นะด้า เหมือนชุดไปกินข้าวร้านปากซอยธรรมดานั่นแหละไม่เวอร์เลยสักนิดมั่นใจในตัวเองหน่อย
“คุณดู...สวย” เขามองหัวจรดเท้า ยิ่งฉันเดินเข้าไปใกล้ก็ยิ่งมองไม่ละสายตาก่อนจะพูดออกมาเบา ๆ ซึ่งคำชมของเขาทำให้ฉันยิ้มออกมา ยิ้มที่ไม่รู้ว่าจะยิ้มรับหรือยิ้มเขินการแต่งตัวที่ดูเวอร์เล็กน้อยของตัวเองดี
“พอดีฉันไปทำธุระมาน่ะค่ะ ที่บอกให้คุณรอไงคะ นี่ฉันก็เพิ่งมาถึงเอง” พี่วิลจะรู้ไหมว่าไอด้าคนนี้ต้องพยายามยิ้มแบบสาวมั่นแค่ไหนเพื่อโกหกกลบเกลื่อนความอาย
“อ้อ ถ้างั้นผมว่าผมไม่น่าจะชวนคุณไปคุยในสวนเล็ก ๆ แล้วล่ะ เราไปหกาแฟดื่มร้านใกล้ ๆ ดีกว่าไหม”
“คะ? เอ่อ ได้ค่ะ ถ้าคุณสะดวกฉันก็โอเค อยากดื่มกาแฟอยู่เหมือนกัน” เพราะฉันคอแห้งมาก เจอหน้าเขาแล้วคอแห้งขึ้นมาดื้อ ๆ ยิ่งมองสบตาเขาภาพเมื่อคืนก็ยิ่งไหลเวียนเข้ามาในหัวให้คือแห้งมากขึ้น
บอกได้คำเดียวเลยนะคะว่า...แซบ พี่วิลแซบมากทั้งสีหน้า น้ำเสียง แล้วก็ลีลา ถ้าตัดเรื่องนั้นออกไปได้ฉันให้เต็มล้านเลยจริง ๆ
“โอเคครับ ถ้างั้นเราไปรถผมกันดีกว่า ผมรู้จักร้านกาแฟดี ๆ อยู่ในซอยข้างคอนโดนี่เองไม่ไกลหรอก” เขาชวนฉันก็ยิ้มพยักหน้ารับนิดหน่อยแล้วก็เดินตามเขาไปโดยที่เขาเองก็พยายามเดินให้ช้าเพื่อให้ฉันเดินไปข้าง ๆ แล้วสุดท้ายเราก็เดินไปด้วยกัน
ฉันพยายามข่มอารมณ์ความตื่นเต้นดีใจเพราะนอกจากจะได้เดินข้างพี่วิลฉันก็ยังจะได้นั่งรถของเขาแล้ว ไอด้าจะได้เป็นตุ๊กตาหน้ารถของพี่วิลเลียมผู้ชายในฝันและผู้ชายคนแรกของไอด้าแล้ว >//////<
“คุณโอเครึเปล่า”
“คะ”
“ผมเห็นคุณนิ่งไป คุณโอเคไหม ผมพูดอะไรให้คุณรู้สึกอึดอัดรึเปล่า” เขาถามด้วยสีหน้าที่มีความกังวลขึ้นมานิดหน่อยฉันถึงได้รู้ตัวว่าเมื่อกี้เผลอทำสติหล่นหายไปนิดหน่อย และแน่นอนว่าตอนที่สติหายไปฉันต้องเอาแต่จ้องหน้าหล่อสะท้านจักรวาลของพี่วิลเลียมแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์
น่าขายหน้าที่สุดเลยไอด้า ไม่รู้ว่าเขาจะรู้ตัวไปแล้วรึยังว่าแกหิวเขามาก
“ว่าไงไอด้า ผมพูดอะไรให้คุณอึดอัดรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร ไม่ได้อึดอัดกับคำพูดของคุณหรอก” ฉันปฏิเสธเป็นพัลวัน ไม่อึดอัดหรอกแต่โคตรดีใจเลยต่างหากล่ะ
“แน่นะ”
“อื้ม ฉันพูดจริง ๆ ค่ะ”
“โอเค ถ้างั้นผมก็สบายใจ”
“ค่ะ” ฉันตอบออกไปแค่สั้น ๆ แล้วยกกาแฟขึ้นจิบพร้อมกับเสมองบรรยากศรอบ ๆ เพราะกำลังจะเขินที่เขาพูดจบก็มองหน้าฉัน
“ทำไมเมื่อเช้าถึงกลับมาก่อน”
พรวด~
“แค่ก ๆๆ ขอโทษค่ะ”
“ใจเย็น ๆ คุณไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้” เขายิ้มมุมปากหยิบทิชชู่ส่งมาให้ฉันด้วยท่าทางสบาย ๆ แตกต่างจากฉันที่สำลักกาแฟจนมันพุ่งออกมา ดีนะที่แค่นิดหน่อยแล้วฉันเองก็ยังไม่ได้เอาแก้วออกจากปากทำให้ไม่เลอะเทอะเท่าไหร่ แต่ก็อย่างว่าสุดท้ายมันก็น่าขายขี้หน้าอยู่ดีนั่นแหละ T^T
“ฉัน แค่ก ๆๆ ฉันดูดน้ำแข็งก้อนเล็ก ๆ เข้าไปด้วยน่ะค่ะก็เลยสำลัก แค่ก ๆๆ” ฉันแก้ตัวไปน้ำขุ่น ๆ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะทำให้หายอายหรือว่าอายมากกว่าเดิมกันแน่
“โอเค ถ้างั้นก็ค่อย ๆ ดูดเดี๋ยวสำลักอีก หึ ๆๆ” เขาเตือนด้วยความหวังดีแต่เสียงหัวเราะที่ดังตอนท้ายกลับให้ความรู้สึกว่าเขาขำคำแก้ตัวของฉันมากกว่า
“ค่ะ” ฉันรีบเช็ดปาก ไม่รู้เลอะเทอะแค่ไหนแล้ว เพราะเหตุผลนี้ไงฉันถึงได้ใช้เวลาทำสมาธิและรวบรวมสติเพราะฉันกลัวตัวเองขาดสติแล้วเผลอทำอะไรบ้า ๆ บอ ๆ ต่อหน้าเขาแบบนี้ไง
“คุณโอเคไหม ยังมีอาการสำลักอยู่รึเปล่า”
“มะ ไม่แล้วค่ะ” เพราะเขาถามแล้วเอื้อมมือมาใกล้ เอามือมาแตะที่มุมปากของฉันแถมยังถามด้วยความกังวลแล้วแบบนี้จะให้ฉันปกติได้ยังไง แค่ตอบอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่เสียศูนย์ก็ดีเท่าไหร่แล้ว
“ดื่มระวัง ๆ”
“...ค่ะ” คำพูดของเขาให้ความรู้สึกเหมือนโดนผู้ชายที่ห่วงเรามาก ๆ กำลังดุเพราะเราดื้อจนเจ็บตัวยังไงก็ไม่รู้ รู้สึกดีจนแทบลงไปแดดิ้นที่พื้นของร้านกาแฟเลยล่ะค่ะ
“ถ้างั้นก็ตอบคำถามของผมว่าทำไมเมื่อเช้าคุณถึงได้กลับก่อน” เขาถามอีกครั้งและแน่นอนว่าฉันคงเลี่ยงไม่ได้แล้วสินะ
“ฉัน...ฉันแค่ไม่รู้จะอยู่ต่อทำไม คุณคงไม่ได้...” ไม่ได้จะดึงดราม่าเรียกร้องความสนใจนะ ฉันคิดแบบนั้นจริง ๆ ฉันคิดว่าเขาเองก็คงต้องการแค่ความสัมพันธ์แบบวันไนท์สแตนด์แค่นั้น
มันไม่มีประโยชน์อะไรที่ฉันจะเอาความบริสุทธิ์ของตัวเองมาบังคับให้เขารับผิดชอบ นี่มันพ.ศ.ไหนแล้ว อีกอย่างเขาเองก็เป็นฝรั่ง เขาไม่ได้แคร์เรื่องนั้นหรอก มันคงตลกน่าดูถ้าฉันเอาไปพูดกับเขา
“คุณจะบอกว่าผมคงไม่ได้คิดจะรับผิดชอบใช่ไหม?” เขาถามออกมาตรง ๆ แล้วจ้องฉันเขม็ง เล่นเอาใจฉันสั่น มือก็ชื้นเหงื่อขึ้นมาทันที
พูดแบบนี้ทำไม พูดแบบนี้คิดจะรับผิดชอบฉันรึไง
“ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ ฉันว่าคุณคงจะวันไนท์สแตนด์มาพอสมควรเหมือนกัน” ฉันพูดจบเขาก็ยักไหล่นิดหน่อยเป็นการยอมรับกลาย ๆ
“อื้ม ผมไม่ปฏิเสธ ผมมีความสัมพันธ์แบบนั้นมาพอสมควร แต่ผมป้องกันนะคุณสบายใจได้ ผมไม่เคยไม่ป้องกันเลยสักครั้งจนมากับคุณนี่ล่ะที่ผมไม่ได้ป้องกัน”
“...ค่ะ” ได้ยินแบบนี้ก็สบายใจค่ะ พี่วิลดูไม่เหมือนคนที่กำลังพูดโกหก และฉันก็เชื่อว่าเขาไม่ได้โกหก เขาดูเปิดเผยกับเรื่องนี้อาจจะเป็นเพราะฉันไม่ใช่แฟนที่เขากำลังพยายามซ่อนกิ๊กจนต้องโกหกคำโตก็ได้
“แล้วคุณ...กินยาคุมฉุกเฉินรึยัง”
“...” เหมือนทุกอย่างกำลังจะไปได้ด้วยดี แต่ดันมาสะดุดเพราะคำถามนี้นี่แหละเลยทำฉันนิ่งจนหน้าเหวอไปเล็กน้อย
“ที่ผมถามเพราะผมไม่อยากให้คุณเสียอนาคต ผมขอโทษที่ต้องถามตรง ๆ ที่สังคมเมืองไทยผู้ชายถามแบบนี้อาจจะเป็นการพยายามปัดความรับผิดชอบ แต่วัฒนรรมบ้านผมเราถามกันเตือนกันตรง ๆ แม้แต่คนที่เป็นคู่รักกันก็ถามเรื่องนี้เพราะการท้องมันเป็นเรื่องใหญ่คุณเข้าใจใช่ไหม”
“เข้าใจค่ะ ฉันไม่ได้รู้สึกแย่อะไรแค่ไม่คิดว่าคุณจะถามตรง ๆ เลยตกใจแค่นั้นเอง ฉันกินแล้วค่ะสบายใจได้เลย ฉันก็ไม่อยากท้องเหมือนกัน” ฉันรีบบอกเขาหลังจากที่เขาพยายามอธิบายเหตุผลของการถามเพราะไม่อยากไม่ให้ฉันรู้สึกแย่
“ผมดีใจที่คุณเข้าใจผม”
“อื้อ แล้ว...คุณมีอะไรจะถามอีกไหมคะ” ฉันเริ่มผ่อนคลายมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกอย่างความอยากรู้ว่าเขานัดเจอทำไมก็มีมาก คงไม่ใช่แค่เรียกมาถามเรื่องที่ฉันกลับก่อนกับกินยาคุมรึงยัแค่นั้นหรอกมั้ง
“มีสิ”
“ค่ะ ถ้างั้นคุณก็ถามมาได้เลย” ฉันพร้อมแล้ว ต่อให้จะตื่นเต้นแค่ไหนแต่ฉันก็พร้อมแล้ว
“คุณเสียใจรึเปล่ากับเรื่องที่เกิดขึ้น” น้ำเสียงจริงจังจบลงพร้อมกับสายตาของเขาที่มองหน้าฉันเพื่อรอคอยเอาคำตอบ ส่วนฉันเองก็มองหน้าเขาด้วยสายตาที่พยายามข่มความรู้สึกหลากหลายในใจเอาไว้
“ไม่ค่ะ ฉันไม่เสียใจ” ฉันตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่ฉะฉานมั่นใจที่สุด
ฉันไม่เสียใจที่เป็นของเขา แต่ถ้าถามว่ามีเรื่องอื่นที่ทำให้เสียใจบ้างไหมก็คงต้องบอกว่ามี เรื่องที่เขาเรียกชื่อพี่ไอริสตอนที่เขากำลังมีอะไรกับฉันนั่นไง
“ถ้างั้นคุณ...อยากจะลองคบกับผมไหม”