ไม่ทันที่สองแม่ลูกจะได้เดินทางกลับบ้านในเวลาก่อนเที่ยง ก็เจอเข้ากับคณะเพื่อนจากที่ทำงานของพรนับพันที่แห่กันมาเยี่ยมคนป่วย หญิงสาวดีใจไม่น้อยที่เพื่อน ๆ มาหาแต่ก็แอบเกรงใจโดยเฉพาะเจ้านายอย่างพิรันต์
“ขอบคุณทุกคนมากนะคะที่มาเยี่ยม จริง ๆ ไม่ต้องมาก็ได้ ใสเกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับคุณสดใส ผมเป็นเจ้านาย ลูกน้องป่วยก็ต้องมาเยี่ยมเป็นธรรมดา”
“เยี่ยมทุกคนไหมครับ หรือเลือกเยี่ยม” เป็นเสียงของออร์ดี้ที่แทรกเข้ามาคล้ายคนหึง หลังจากเห็นแววตาของพิรันต์ที่กำลังมองภรรยาของตนเองราวกับว่าเธอคือคนโสด ผัวนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้จะโสดได้อย่างไรก่อน
เจ้านายของพรนับพันจึงหันไปตอบด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร เขารู้มาว่าลูกน้องกำลังมีปัญหากับสามีจากปากของเฟรินด้วยความบังเอิญ ถึงกับจะขอหย่าแสดงว่าเขามีโอกาสจีบเธอ
บอกตามตรงเขาแอบชอบลูกน้องสาวคนนี้มาสักพักแต่ด้วยความที่เธอแต่งงานแล้ว เขาจึงเก็บความรู้สึกอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งมารู้เรื่องหย่า เขาถึงมีความหวังขึ้นมา เรื่องที่เธอเคยแต่งงานมาแล้วเขาไม่สนใจ มันไม่สำคัญเลยกับเรื่องของความรัก
“ไม่ทุกคนหรอกครับ เลือกเยี่ยมคนสนิทเท่านั้น ผมไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น”
“แบบนี้ก็เท่ากับลำเอียง ผมว่าไม่ดีเลย ลูกน้องจะขาดความเคารพเอานะครับ”
“เอ่อ เฟย์ว่าเราเยี่ยมเสร็จก็กลับกันเถอะค่ะ คนป่วยจะได้พักผ่อนเกรงใจคุณแม่กับคุณพี่สาวด้วย”
เฟรินเห็นบรรยากาศเริ่มคุกรุ่นจึงเอ่ยแทรก แอบเกรงใจมารดากับพี่สาวของออร์ดี้ไม่น้อยที่ต้องมานั่งมองลูกชายกับเจ้านายของเพื่อนเชือดเฉือนกันทางคารม
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ เราสองคนไม่มีปัญหา ว่าแต่คุณคนนี้คือ”
คูเปอร์ยิ้มตอบก่อนจะถามชื่อแซ่ของผู้ชายที่ดูจะมีความรู้สึกประหลาด ๆ ให้น้องสะใภ้
เธอรู้แล้วว่าทำไมน้องชายถึงไม่ไปทำงาน ที่แท้ก็หึงเมีย ไอ้คนปากกับใจไม่ตรงกัน เรื่องนี้ต้องถึงหูปอร์เช่ ฝาแฝดของออร์ดี้ และลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนอย่างพบรัก อชิระ กับเลิฟเลิฟ อัญชรินทร์ ถึงแม้พวกเขาจะแต่งงานมีภรรยา มีสามีและลูกแล้วแต่ก็ยังสนิทกันเหมือนเดิม
“ผมชื่อพอร์ชครับ เป็นเจ้านายของคุณสดใส ต้องขอโทษด้วยนะครับที่เพิ่งแนะนำตัว”
“ไม่เป็นไรค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อคูเปอร์เป็นพี่สาวของออร์ดี้”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ แล้วคุณน้าท่านนี้คือ”
เขาผายมือไปทางมารดาของออร์ดี้ที่นั่งยิ้มมองพิรันต์พลางประเมินสถานการณ์ ดูท่าแล้วผู้ชายคนนี้คงจะชอบพรนับพันไม่น้อย เป็นแบบนี้ก็ดี ไอ้เจ้าลูกชายปากแข็งจะได้รู้ตัวเองเร็ว ๆ ถ้าไม่รักก็ต่างคนต่างไป แต่ถ้ารักจะได้ลงเอยกันจริง ๆ เสียที
“น้าเป็นแม่สามีของสดใสค่ะ แต่รักสดใสเหมือนลูกสาวแท้ ๆ เลย เอาเป็นว่า น้าเป็นแม่ของสดใสนั่นแหละ” ดูเหมือนมารดาของออร์ดี้จะชอบเจ้านายของลูกสะใภ้ไม่น้อย
“ถ้าไม่บอกผมนึกว่าเป็นเพื่อนคุณคูเปอร์ ยังสวยอยู่เลยครับ”
“ปากหวานจังพ่อคุณ แต่น้าไม่ปฏิเสธค่ะ”
พิรันต์กับพี่สาวและมารดาของออร์ดี้คุยกันถูกคอ ทำให้ห้องของคนป่วยกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง ยกเว้นแต่ออร์ดี้เท่านั้นที่รู้สึกไม่ชอบและอยากให้เจ้านายของภรรยากลับไปเร็ว ๆ เกือบชั่วโมงเลยทีเดียวกว่าทั้งหมดจะแยกย้าย
“กลับไปได้สักที วันหลังถ้าเธอป่วยไม่ต้องให้คนพวกนี้มาอีกนะ ฉันรำคาญ”
“ไม่ป่วยแล้วค่ะ ขี้เกียจอยู่กับคุณออยี่สิบสี่ชั่วโมง”
“ฉันอยากอยู่ด้วยตายละ ฉันกำลังทำหน้าที่ผัวที่ดีต่างหาก”
“ค่ะ แต่ใสไม่ต้องการเลยสักนิด”
สองสามีภรรยาต่อปากต่อคำอย่างไม่ยอมแพ้ แต่ทั้งคู่ต้องหยุดทะเลาะเพราะหมอเข้ามาดูอาการคนไข้และพูดคุยเรื่องแพ้ยาด้วย
พรนับพันแพ้ยาฆ่าเชื้อกลุ่มเพนิซิลลินทำให้ต้องระมัดระวังในการกินยาหรือซื้อยาตามร้านขายยาโดยเฉพาะพวกยาฆ่าเชื้อ
ถามว่าเธอรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองแพ้ยา รู้มาจากตอนที่เธอป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะกินยาที่แพ้เข้าไปทำให้มีผื่นขึ้นเต็มตัว ปากบวม ตาบวม กว่าจะหายก็ใช้เวลารักษาตัวหลายวัน คนแพ้ยา
กลุ่มนี้บางรายถ้าแพ้รุนแรงก็ถึงแก่ชีวิตแต่พบได้น้อยมาก
“ฉันไม่รู้ว่าเธอแพ้ยาด้วย อาการมันเป็นยังไง”
ออร์ดี้ถามพรนับพันหลังจากที่หมอออกไป บอกตามตรงเขาแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับภรรยาเลย
“คุณออถามทำไม หรือว่าจะวางแผนฆ่าใส” เธอถามกลับด้วยความระแวง ออร์ดี้อยากรู้เพราะมีแผนร้ายแน่นอน คนอย่างเขาหรือจะถามเพราะความเป็นห่วง
แววตาของภรรยาทำให้สามีถึงกับหลุดขำ สมกับเป็นพรนับพันจริง ๆ ไม่ฉลาดเอาเสียเลย ถ้าจะฆ่าใครสักคนไม่จำเป็นต้องมานั่งถามหรอกเปลืองน้ำลาย ใช้เงินแก้ปัญหาก็จบ
“เหอะ ถ้าฉันจะฆ่าเธอไม่มัวมานั่งถามแบบนี้หรอก เสียเวลา”
“ก็ไม่แน่ คนอย่างคุณออร้ายจะตาย ร้ายที่สุดในสามพี่น้อง”
“ไม่จริง ไอ้เช่ก็ร้ายเหมือนกัน แต่เธอไม่รู้เท่านั้นเอง”
“พี่ปอร์เช่ร้ายตรงไหน เป็นถึงหมอ ใจดีมาก คุณอออิจฉาฝาแฝดตัวเองก็บอกมาเถอะ”
“ฉันไม่ได้อิจฉามัน ก็แล้วแต่ ไม่อยากเชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ ตกลงเรื่องแพ้ยายังไง เล่ามาสิ”
“ตอบมาก่อนคุณอออยากรู้ไปทำไม”
“ไม่ทำไม ก็แค่อยากรู้ ตอบมา”
“คุณออทำตัวมีพิรุธ ใสไม่ไว้ใจ”