หน้าสำนักงานเขต xx
เขาถือช่อดอกไม้เล็ก ๆ รอหญิงสาวที่รักกันมากจนตกลงว่าจะมาจดทะเบียนสมรสกันในเช้าวันนี้ สีหน้าชายหนุ่มแต้มด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ในแววตาเต็มไปด้วยความสุขที่จะได้สมหวังกับหญิงสาวอันเป็นที่รักซึ่งเขาและเธออยู่ด้วยกันมากว่าสี่ปีแล้ว ในหัววาดภาพอนาคตที่จะใช้ร่วมกันไว้อย่างสวยงามพร้อมกับวางแผนเส้นทางการใช้ชีวิตร่วมกันอย่างไม่มีวันพรากจาก นอกเสียจากความตาย
เขาหลุบสายตามองที่ข้อมือเพื่อดูเวลาที่ล่วงผ่านไปแต่ละนาทีจนตอนนี้เลยเวลานัดหมายมาเกินหนึ่งชั่วโมงแล้วแต่คนที่รอก็ยังไม่มา เธอไม่เคยผิดนัด และไม่เคยสายเว้นแต่จะมีเหตุจำเป็นซึ่งหากเป็นแบบนั้นเธอก็จะโทร. บอกทุกครั้ง หัวใจที่อิ่มเอมด้วยความสุขกระตุกไปจังหวะหนึ่งเมื่อนึกไปถึงว่าอาจจะเกิดเหตุอะไรขึ้นกับเธอ ชายหนุ่มรีบหยิบโทรศัพท์กดหาเธอทันที
รออยู่ชั่วอึดใจปลายสายก็กดรับ รอยยิ้มจึงกลับมาปรากฏขึ้นบนริมฝีปากหยักลึกอีกครั้ง
“ฉันอยู่อีกด้านหนึ่ง”
คนที่ได้ยินดังนั้นรีบหันกลับมองทันทีด้วยสีหน้าดีใจ ภาพที่เขาเห็นคือหญิงสาวคนรักที่สวมชุดกระโปรงสีดำทั้งชุดค่อย ๆ ลดมือที่จับโทรศัพท์ลงก่อนจะเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าเขา ดวงตากลมโตคู่สวยที่เขาชอบมองหลุบมองช่อดอกไม้ในมือด้วยแววตาที่เรียบเฉย ต่างจากเดิมที่ทุกครั้งที่เธอเห็นช่อดอกไม้ในมือเขาความตื่นเต้นดีใจจะเต้นระริกอยู่ในดวงตาสวยคู่นั้น
“ช่อดอกไม้สำหรับเจ้าสาว” เขายื่นช่อดอกไม้ให้เธอพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความสุขที่ฉาบชัดอยู่บนใบหน้า “เราเข้าไปจดทะเบียนกันเถอะ”
ดวงตากลมโตเหลือบขึ้นมาสบตากับเขาช้า ๆ จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคมเข้ม ริมฝีปากอิ่มได้รูปสวยสีชมพูเป็นธรรมชาติแม้จะไม่ได้แต่งหน้าเริ่มสั่นระริกจนคนมองเกิดความสงสัย
“มีอะไรรึเปล่า ฉันไม่ให้เธอเปลี่ยนใจนะ”
“ใช่ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันจะไม่ไปต่อกับนาย”
คนฟังสีหน้าเปลี่ยนในทันที อยากจะกระชากตัวของเธอมาเขย่าเรียกคืนสติว่าพูดอะไรออกมาแต่สภาพร่างกายของเขาตอนนี้มันไม่เอื้อต่อการใช้กำลังแบบนั้น สิ่งที่ทำได้คือกัดฟันจนเห็นสันกรามคมที่ข้างแก้ม
“หมายความว่ายังไง”
“ฉันคิดมาแล้วทั้งคืน ว่าชีวิตฉัน อนาคตฉัน จะมาจมอยู่กับนายไม่ได้ ชีวิตฉันเหนื่อยมามากพอแล้ว ฉันอยากมีชีวิตที่สุขสบาย ฉันขอโทษนะที่ให้นายต้องมารอ แต่ขอให้เราจบกันแค่นี้เถอะ”
“เธอคิดแบบนี้จริง ๆ เหรอ?!”
เขาเอ่ยเสียงลอดไรฟัน ตาสองชั้นแบบหลบในดูมีเสน่ห์เหลือร้ายเวลาจับจ้องมองไปที่ใครบัดนี้เริ่มแดงก่ำ ก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้น แตกต่างจากดวงตาอีกคู่ที่มองเข้าไปกลับมีแต่ความว่างเปล่าเหมือนไม่หลงเหลือความรู้สึกใด ๆ ต่อกันอีกเลย
“ใช่ ฉันทนอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว ขอโทษอีกครั้ง ที่ทำให้ต้องรอ”
“เธอคิดว่าฉันจะดูแลทำให้เธออยู่สุขสบายไม่ได้งั้นเหรอ”
“ก็น่าจะเป็นแบบนั้น” หญิงสาวเหยียดยิ้มตอบ นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะเห็นรอยยิ้มของเธอ
“ลาก่อน ขอให้นายโชคดี...ฉันไม่อยากมีภาระ”
ไม่อยากมีภาระ!
...
ไม่อยากมีภาระ!
สองเดือนต่อมา
“อย่าให้ผู้หญิงคนนั้นมาทำลายชีวิตที่เหลือของลูกอีกต่อไปเลยนะอวิ๋น ลูกก็เห็นธาตุแท้ของมันแล้วพอลูกลำบาก มันก็รีบถีบหัวส่ง ผู้หญิงแบบนั้นไม่มีค่าพอให้ลูกของแม่ชายตามองด้วยซ้ำ” คนเป็นแม่น้ำตาคลอ
“อวิ๋นฟังแม่นะลูก จะรักใคร คนคนนั้นก็ต้องควรค่ากับความรักของเราด้วย แล้วก็ต้องรู้จักรักตัวเองให้มากกว่า ลูกต้องสู้ จะต้องหายดี แม่จะพาลูกไปรักษากับหมอที่เก่งที่สุดในโรงพยาบาลที่ดีที่สุด ไปนะลูก”
ลูกชายเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นแม่ สองเดือนที่ผ่านมามารดาคอยดูแลและอยู่ข้างเขาไม่เคยห่าง เขาไม่ควรทำให้แม่ต้องมีน้ำตาเพราะความอ่อนแอไม่เอาไหนของเขาอีกต่อไป
“ครับ ผมจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น”
ในขณะเดียวกันหญิงสาวที่ทอดทิ้งชายหนุ่มไปก็เพิ่งได้รับการยืนยันจากสูตินรีแพทย์ในโรงพยาบาลที่เธอไปตรวจร่างกายว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ลูกแฝด แวบแรกมันไม่ได้เป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับเธอนักที่ตอนนี้ได้รับรู้ว่ากำลังตั้งครรภ์เด็กถึงสองคนพร้อมกัน หน้าที่การงานของเธอก็ยังไม่มั่นคงแถมยังมีลูกขึ้นมากลางคันและยังมาเลิกกับพ่อของลูกอีกด้วยเธอจะเลี้ยงลูกสองคนในเวลาเดียวกันได้อย่างไรนะ
หญิงสาวเกิดความเครียดสะสม แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปหัวใจของความเป็นแม่ก็สร้างความเข้มแข็งขึ้นมาภายในจิตใจ เมื่ออายุครรภ์ของเธอมากขึ้นหญิงสาวก็ตัดสินใจลาออกจากบริษัทเพราะถูกกดดันจากหัวหน้างานทางอ้อมเพราะเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงปีก็ท้องโย้ เธอมีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่งที่เตรียมไว้สำหรับคลอดลูกต่อจากนั้นค่อยว่ากันใหม่ พี่สาวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวตอนนี้ทำงานอยู่ต่างประเทศ กระนั้นหญิงสาวก็ไม่อยากรบกวนเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายก็ลำบากไม่น้อยที่จะสร้างตัว
ความคิดล่องลอยไปถึงพ่อของลูกทั้งสอง เรื่องที่จะกลับไปขอความช่วยเหลือจากเขานั้นไม่เคยมีอยู่ในสมองเพราะคนที่ตัดสินใจจากเขามาคือเธอเอง!
ร่างที่อุ้ยอ้ายเดินมานั่งเอนหลังที่โซฟาในห้องเล็ก สายตาเหม่อมองไปที่ผนังก่อนจะก้มหน้ามองหน้าท้องนูนใหญ่กว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ปกติ ยกมือขึ้นลูบวนไปบริเวณหน้าท้องที่ลูกกำลังดิ้นอย่างทั่วถึง
“เด็ก ๆ อย่าทะเลาะกันนะคะ แม่เห็นนะแย่งอะไรกันอยู่รึเปล่าฮึ ทำไมยังไม่นอนกันอีกคะลูก”
น้ำเสียงอ่อนหวานดังขึ้นพร้อมกับความสุขในใจ เมื่อเห็นว่าลูกทั้งสองคนยังมีอาการปกติดี แม้คุณหมอจะบอกว่ามีคนหนึ่งที่หัวใจเต้นผิดปกติก็ตาม
“แม่เริ่มนับถอยหลังที่จะได้เห็นลูกทั้งสองคนแล้วนะ เราจะได้เจอกันแล้ว แม่เตรียมทุกอย่างไว้ให้หนูหมดแล้ว หนูต้องออกมาแข็งแรงทั้งคู่นะลูก กำลังใจของแม่”
“นี่ เรามีลูกกันมั้ย”
“ลูกนะ ไม่ใช่กล่องจุ่ม อยากได้ก็ไปจุ่มเอาน่ะ” เธอค้อนคนพูด
“อืม ก็เหมือนจุ่มนะ” ชายหนุ่มยักคิ้ว
“วกเข้าเรื่องนั้นอีกแล้ว” มือเรียวสวยตีไปที่ต้นแขนแกร่งที่มีกล้ามเนื้อสวยงามตามแบบคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ คนถูกตีหัวเราะชอบใจ
“ฉันพูดจริงนะ อยากมีลูกอะ นะ นะ นะ น้า”
นั่นมันเมื่อไหร่นะ แล้วเขาจะดีใจมั้ยถ้ารู้ว่าตอนนี้เขามีลูกแล้ว และมีพร้อมกันทีเดียวถึงสองคน ใบหน้าเรียวสวยได้รูปที่ตอนนี้อวบอิ่มขึ้นเนื่องจากตั้งครรภ์มีรอยยิ้มผุดขึ้นมา แต่เพียงแวบเดียวก็เลือนหายไป
“นายต้องกลับมาเดินได้นะอวิ๋น”
ถึงวันที่เด็ก ๆ ต้องลืมตาดูโลก แพทย์ได้ทำการผ่าคลอดให้เธอและนำเด็กออกมาได้อย่างปลอดภัยทั้งสองคน ทว่ามีคนหนึ่งที่ร่างกายไม่แข็งแรงต้องนำเข้าตู้อบ หญิงสาวหวั่นกลัวว่าจะต้องสูญเสียลูกคนหนึ่งไปจนกินอะไรไม่ลง พยาบาลต้องเข้ามาปลอบและพูดคุยให้คลายกังวล เพราะภาวะอารมณ์ของแม่อาจส่งผลต่อการสร้างน้ำนม
แล้วจู่ ๆ หญิงวัยกลางคนก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเธอในโรงพยาบาล
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือนเต็มหญิงสาวไปรับตัวลูกชายที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลออกมา เธอดีใจที่ลูกปลอดภัยร่างกายกลับมาแข็งแรงสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ทว่าหญิงสาวก็ต้องหัวใจสลายเพราะต้องเสียลูกชายคนหนึ่งไปอย่างที่ไม่รู้จะมีวันกลับมาเจอกันอีกหรือไม่ในชาตินี้
ในขณะที่เธอวางลูกชายที่กินนมอิ่มแล้วลงบนเบาะนุ่ม มือเรียวสั่นเทาก็หยิบชุดลูกหมูสีฟ้าของเด็กทารกอีกหนึ่งชุดขึ้นมากอดไว้ทั้งน้ำตา ภาพตรงหน้าควรจะเป็นเด็กน้อยสองคนที่นอนเคียงคู่กันอยู่
หญิงสาวถอนสะอื้น ดวงตาแดงช้ำ “ตอนนี้เขาเอาลูกของแม่ไปไหน จะได้เจอกับ... หรือเปล่า ขอให้เขาสองคนได้เจอกัน”
เธอเลี้ยงลูกชายคนเดียวที่อยู่กับเธอจนเด็กชายอายุได้สี่เดือนพี่สาวของเธอก็ติดต่อมาหาด้วยความคิดถึงน้องสาว ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานี้ทางด้านพี่สาวก็ทำงานหนักเพราะอยากเก็บเงินให้ได้มาก ๆ ส่วนหนึ่งก็เพื่อส่งมาให้น้องสาวใช้จ่ายด้วย ทุกครั้งที่คุยกันผ่านวิดีโอคอลกับพี่สาวคนเป็นน้องจะไม่ค่อยเปิดหน้าให้เห็น ครั้งล่าสุดที่เปิดกล้องให้เห็นหน้าพี่สาวก็ทักว่าเธออ้วนขึ้น ดูจากใบหน้าที่อวบอิ่ม ซึ่งหญิงสาวก็ได้แต่ยิ้ม แต่ครั้งนี้มีเสียงเด็กทารกร้องไห้ดังลอดเข้ามาในสายและเสียงนั้นก็ชัดเจนเหมือนว่าเด็กคนนั้นอยู่ใกล้ ๆ
“เสียงเด็กที่ไหนร้องน่ะยัยน้อง”
หญิงสาวจึงตัดสินใจบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พี่สาวได้รู้ ทั้งเรื่องที่ต้องแยกทางกับแฟนหนุ่มเรื่องที่ตั้งครรภ์และคลอดลูกแฝด จนกระทั่งลูกคนหนึ่งถูกพรากไปจากอก
“ไม่เป็นไรนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะอยู่ข้างตัวเสมอ”
น้องสาวยิ้มทั้งน้ำตา “เราคิดถึงตัวนะ”
“เราก็คิดถึงตัวมาก ดูแลตัวเองกับลูกให้ดี เราจะบินกลับไปหาตัวให้เร็วที่สุด”
^
^
^
****ฝากเรื่องใหม่ไว้ในอ้อมใจนักอ่านด้วยนะค้าาาา กดติดตามและคอมเม้นต์มาให้กำลังใจกันด้วยน้า