วันหยุดของอัยวาหญิงสาวก็ตื่นเช้าตามปกติ เธอลุกจากเตียงเดินมาทำอาหารเช้าง่าย ๆ รับประทาน จากนั้นก็ทำความสะอาดห้อง และงานบ้านอื่น ๆ จนเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงมานั่งเปิดโน้ตบุ๊กทำงานอย่างไม่ปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์ มีเสียงเรียกเข้าจากสมาร์ตโฟน แน่นอนว่าเป็นเจ้านายของเธอ อัยวากดรับสายอย่างไม่ลังเล ในใจไม่ได้ต่อว่าหรือตำหนิผู้เป็นนายที่โทร. มาในวันหยุด
“ค่ะบอส”
“คุณสะดวกรึเปล่า บ่ายนี้ผมจะชวนคุณไปเลือกซื้อกระเป๋าเป็นของขวัญให้คู่ค้าหน่อยน่ะ”
อัยวานิ่วหน้าเล็กน้อยกับคำบอก โดยปกติแล้วการเลือกของขวัญในโอกาสต่าง ๆ ของเจ้านาย เธอในฐานะเลขาส่วนตัวเป็นคนจัดหาหรือเลือกซื้อให้เจ้านาย เพียงแต่เจ้านายบอกชื่อผู้รับ เธอก็จะหาข้อมูลและเตรียมของให้เหมาะสม
“บอสจะไปเลือกด้วยตัวเองเลยเหรอคะ”
“ใช่ คุณสะดวกรึเปล่า”
“คือดิฉันขออนุญาตถามค่ะ ที่ผ่านมาดิฉันจัดของขวัญให้ผู้รับไม่เหมาะสมหรือเปล่าคะ”
เธออดถามไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับประสิทธิภาพของงานที่เธอรับผิดชอบ
เสียงหัวเราะของปรเมศวร์ดังมาตามสาย “เลขาผมนี่คิดละเอียดจริง ไม่ใช่อย่างนั้น ของที่คุณจัดการให้ไม่มีปัญหา เพียงแต่วันนี้ผมตั้งใจจะไปดูของขวัญให้คุณแม่ของผมด้วย ใกล้วันเกิดท่านแล้ว นึกขึ้นได้ว่าคุณต้องไปเลือกซื้อกระเป๋าให้คุณมาเรียม เลยอยากให้คุณช่วยผมเลือกหน่อย สายตาผู้หญิงน่าจะดีกว่าผมดูเองนะ”
เจ้านายอธิบายยาว แต่ไม่ว่าจะอย่างไรการเป็นเลขาส่วนตัวก็ต้องแสตนด์บายพร้อมรับคำสั่งของเจ้านายตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่แล้ว แลกกับค่าตอบแทนรายเดือนที่เขาจ่ายให้ก็ถือว่าเหมาะสม
“สะดวกค่ะ จะให้ดิฉันไปพบบอสที่ไหนคะ”
“ที่ห้างนั่นแหละ”
ห้างสรรพสินค้าที่เอ่ยถึงก็คือห้างที่เขาและเธอทำงานอยู่ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าใหญ่กลางเมืองและเป็นที่รวมช็อปสินค้าแบรนด์เนมระดับโลก
“ค่ะบอส”
อัยวาสูดลมหายใจเข้าก่อนจะผ่อนออก ดีที่เธอเคลียร์งานบ้านเรียบร้อยแล้วก่อนบอสหนุ่มจะโทร.เข้ามา หญิงสาวลุกจากโซฟาไปแต่งตัวเพื่อจะออกไปข้างนอก
อินทวิชญ์แต่งตัวเรียบร้อยเตรียมจะออกไปพบกับแฟนสาวตามที่เธอโทร. มานัด ชายหนุ่มเดินลงมาจากห้องนอนส่วนตัวชั้นบนก็เห็นก้อนกลม ๆ ที่กำลังวิ่งตามรถยนต์บังคับ
“น้าอวิ๋นมาแล้ว”
พอเห็นน้าชายเดินลงบันไดมาเด็กชายตัวกลมก็วิ่งมาเกาะขา อินทวิชญ์จึงจับมือเล็กพาเดินไปนั่งที่โซฟา อุ้มร่างอวบขึ้นนั่งตัก
“น้าอวิ๋นต้องไปข้างนอกครับ”
“โฟล์กไปด้วย”
“หืม...” ใบหน้าหล่อเอียงหน้ามองหลานชายที่ยกแขนเป็นปล้องขึ้นกอดคอเขาทำสีหน้าออดอ้อนก่อนจะยิ้ม
“ก็ได้นะ”
“แน่ใจเหรออวิ๋นว่าจะพาเจ้าแสบไปด้วยน่ะ”
พี่สาวเอ่ยถาม น้องชายยิ้ม
“แน่ครับ ไปด้วยก็ไม่เป็นไรหรอก”
“แต่เราจะไปหาแฟนไม่ใช่เหรอ เอาเด็กไปด้วยจะไม่ค่อยเหมาะนะ”
“ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ ยังไงนิ่มก็ต้องรู้จักคนในครอบครัวเราทุกคนอยู่ดี พาโฟล์กไปด้วยทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ เนอะ” เขาหลิ่วตาให้หลานชาย “เดี๋ยวน้าอวิ๋นจะพาไปหาน้าคนสวยนะครับ”
“น้าคนสวย โฟล์กอยากเจอ ๆ”
ดวงตากลมแป๋วเปล่งประกายวิบวับเมื่อเอ่ยถึงสาวสวย อินทิรามองหน้าลูกชายพลางโคลงศีรษะ ดูมีแววเจ้าชู้ตั้งแต่เด็ก ถ้าจะห้ามก็คงร้องไห้บ้านแตกมือเล็กกอดคอน้าชายไว้อย่างเหนียวแน่นไม่มีทางยอมปล่อยง่าย ๆ ยังจะหน้าตาออดอ้อนแบบนั้นอีก อินทิราทั้งมันเขี้ยวและหมั่นไส้เจ้าแสบ
อินทวิชญ์อุ้มหลานชายตัวไม่น้อยไปขึ้นรถซูเปอร์คาร์ของเขา เสียงหัวเราะอย่างถูกใจของเด็กน้อยดังไปจนถึงรถ เขาให้หลานชายนั่งเบาะหน้าแล้วรัดเข็มขัดนิรภัยเนื่องจากรถไม่มีคาร์ซีต คงต้องเอารถเอสยูวีของเขาไปติดคาร์ซีตเผื่อเวลาพาหลานชายไปข้างนอก
“หูววว น้าอวิ๋น รถน้าอวิ๋นเหมือนไลต์นิง แม็กควีนเลย” เด็กชายพูดถึงตัวเอกจากภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง Cars
“น้าอวิ๋นซิ่งเลย”
“เฮ้ย ตอนนี้ไม่ได้ครับไอ้รถเต่า ไว้น้าอวิ๋นพาไปสนามแข่งรถแล้วค่อยว่ากัน” หลายครั้งที่เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมพี่สาวถึงตั้งชื่อเล่นลูกเป็นชื่อยี่ห้อรถสัญชาติเยอรมันแท้ที่มีรูปร่างเป็นเอกลักษณ์อย่างโฟล์กแทนที่จะเป็นยี่ห้ออื่น
สองน้าหลานมาถึงห้างอัคราซึ่งเป็นสถานที่นัดหมายก่อนเวลา ระหว่างที่รออินทวิชญ์ก็พาหลานชายไปที่โซนขายของเล่นสำหรับเด็ก
“อันนี้มีแล้ว มีแล้ว นี่ก็มีแล้ว โฟล์กมีหมดแล้วครับน้าอวิ๋น”
นิ้วป้อมชี้ไปที่หุ่นยนต์ตัวสีเหลืองขวัญใจเด็ก ๆ ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมาบอกน้าชาย
“แล้วไม่อยากได้อีกเหรอ”
“ม่ายอาวแล้ว เยอะแล้ว” เด็กชายอินทวรัชญ์ส่ายศีรษะไปมา
“โอเค ไม่เอาก็ไม่เอา แล้วหิวรึเปล่าไปหาอะไรกินดีมั้ย อยากกินไรครับ”
เจ้าตัวกลมทำหน้าดีใจเมื่อพูดถึงเรื่องของกิน
“โฟล์กอยากกินติมครับ...แต่”
“หืม แต่อะไร”
ดวงตาคู่ใสทำหน้าเศร้าลง “แม่บอกว่าไม่ให้กินไอติมเยอะ วันก่อนกินไปแล้ว”
อินทวิชญ์เห็นหน้าหลานก็สงสารจับใจ แต่ก็เข้าใจว่าพี่สาวจัดอาหารให้ลูกเหมาะสมกับโภชนาการ นอกเหนือจากลูกอมและหมากฝรั่งแล้ว นมข้นหวานก็เป็นอีกหนึ่งในสิ่งต้องห้ามสำหรับลูกบ้านนี้ ตอนยังเด็กเขาเองก็ถูกห้ามไม่ให้กินของเหล่านี้เช่นกัน
“ไม่เป็นไร วันนี้ถือเป็นชีตเดย์ก็แล้วกัน ถ้าโฟล์กอยากกินวันนี้เราไปกินกัน อยู่กับน้าอวิ๋นได้ทุกอย่าง...ฮึบ”
เขามันเขี้ยวจึงคว้าร่างอวบขึ้นมาอุ้มไว้พลางซุกหน้าลงกับซอกคอของเจ้าแสบน้อยทำให้เกิดเสียงหัวเราะคิกคัก ใครที่มองมาก็คิดไม่ต่างกันว่าสองคนนี้เป็นพ่อลูกกันแน่ เพราะหน้าตาพิมพ์เดียวกันราวกับแกะ พ่อก็หล่อ ลูกก็น่ารักฉายแววหล่อตามพ่อ อยากจะรู้ว่าหน้าตาของแม่เด็กจะเป็นอย่างไร ต้องสวยแค่ไหนถึงจะได้ครอบครองผู้ชายคนนี้
ไม่ใช่แค่คนอื่นที่คิดถึงหน้าแม่ของเด็ก แต่เขาก็มีวูบหนึ่งที่คิดเหมือนกันว่า ถ้าเขากับ...คนนั้นมีลูกด้วยกัน หน้าตาจะออกมาเป็นแบบไหน จะเหมือนเจ้าหลานชายคนนี้หรือเปล่า
เสียงสมาร์ตโฟนของอินทวิชญ์ดังขึ้นขณะที่สองน้าหลานกำลังนั่งกินไอศกรีมกันอยู่ในร้านไอศกรีมสไตล์อิตาเลียนซึ่งตกแต่งด้วยสีสันสดใส
“ครับน้องนิ่ม”
“นิ่มมาถึงแล้วค่ะ พี่อวิ๋นอยู่ไหนคะ”
“อ้อ พี่อยู่ที่ร้านไอศกรีม SS น้องนิ่มมาหาพี่ที่นี่ได้รึเปล่าครับ”
เขาหยุดยิ้ม เมื่อหลานชายทำหน้าทะเล้น ส่วนแฟนสาวทำหน้าฉงน นึกว่าเขาจะนั่งรออยู่ที่ร้านเครื่องดื่มแบรนด์ดังจากต่างประเทศที่ไหนสักแห่งระหว่างรอเธอ
“อ๋อ ได้ค่ะนิ่มกำลังไป”
กระนั้นหญิงสาวก็ไม่คิดอะไรมาก นอกจากว่าวันนี้แฟนหนุ่มของเธออาจจะอยากนั่งกินไอศกรีมหวาน ๆ กับเธอ กระทั่งห้านาทีต่อมาคุณหนูสาวในเดรสสีขาว ผมยาวปล่อยสลวย มีเครื่องประดับเล็ก ๆ แต่ราคาไม่เล็กก็มาถึงร้านไอศกรีมที่เขาบอกพิกัดไว้ กวาดสายตามองหาแฟนหนุ่มก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเขานั่งอยู่ตรงมุมหนึ่ง
“พี่อวิ๋นมานานรึยังคะ”
“ก็สักพักครับ” พูดยังไม่ทันขาดคำใครคนหนึ่งก็โผล่พรวดขึ้นมาจากใต้โต๊ะ
“จ๊ะเอ๋!”
เสียงทักทายจากเด็กน้อยไม่ได้ดังรบกวนคนอื่น ทว่านิ่มอนงค์ก็ตกใจ และที่ตกใจยิ่งกว่าคือเด็กที่โผล่ขึ้นมาจากใต้โต๊ะหน้าเหมือนอินทวิชญ์ขนาดย่อส่วน
“อุ๊ย!”
^
^
^
***เจอกันแล้ว จะได้เจอใครอีกมั้ยวันนี้ โปรดติดตามตอนต่อไปนะค้า