“พี่กร”
“ทำไมไม่ไปกับมันซะล่ะ พ่อแม่เธอหิวเงินขนาดไหนกันถึงได้ขายเธอขนาดนี้ น่าสมเพชดีนะ” ผมเหยียดยิ้มมองร่างกายของนาราที่ตอนนี้ดึงเสื้อคลุมมาปิดเรือนร่างของตัวเอง “กี่คนแล้วล่ะที่ผ่านมา กี่ปีที่ทำให้ฉันเจ็บจนตาย และตัวเองก็เสวยสุขกับผู้ชาย”
“นาราเคยบอกไปแล้วว่าไม่เคยมีใครตั้งแต่ตอนนั้น”
“คิดว่าฉันเชื่อ”
“นาราคิดอยู่แล้วว่าพี่ไม่เชื่อหรอกค่ะ นาราโกหกพี่เรื่องครอบครัว เรื่องอดีต แต่ก็มีแค่นั้น... นอกนั้นคือความจริง”
“...”
“ยังรักพี่อยู่ก็คือเรื่องจริง ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเหมือนกันค่ะ” นาราเงยหน้าสบตากับผม “รักเหรอ? ถ้ารักคงไม่ทำให้ฉันเสียใจหรอก เธอไม่เคยรักฉันนารา ไม่เคยเลย...”
“ต่อให้พี่ปฏิเสธมากแค่ไหน นาราก็ยืนยันคำเดิม” ผมกลอกตาไปมา “ฉันก็ยืนยันคำเดิมเหมือนกัน ว่าฉันไม่ได้รักเธอแล้ว”
“!”
“เธอรู้ดีนะว่าที่ฉันตามติดเธอเพราะอะไร จะหนีก็หนีได้นะ แต่ถ้าฉันจับได้ เธอรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น” นาราสบตากับผมที่ประกาศออกไปว่าต้องการอะไร และตัวเธอมีแค่คนเดียวแล้ว เพราะตอนนี้ขุนทัพมันถูกเธอปฏิเสธที่จะให้การช่วยเหลือ
“ตอนนี้ไม่มีใครช่วยเหลือเธอได้เหมือนแต่ก่อน ไม่สิ เธอมีผู้ชายหน้าโง่อีกหลายคนนี่นาที่ช่วยได้”
“นาราจะไม่ขอร้องใครทั้งนั้นค่ะ?” ผมพยักหน้ารับ “ดี งั้นก็เตรียมตัวไว้ให้ดีนะ ฉันจะเผาเธอให้ตายทั้งเป็น”
ผมยกนิ้วจิ้มไปที่หน้าผากมน นาราเองก็นิ่งเงียบไป ไม่โวยวายและไม่คิดจะหนีด้วย ยอมรับชะตาที่ตัวเองเคยทำไว้กับผมแบบนี้ก็ดีนะ เมื่อผมออกมาจากห้องก็เห็นไอ้เวรนั่นยังคงยืนอยู่ เพราะเดินล้วงกระเป๋ากางเกงไปหามัน
“มึงรู้จักเจ้าสัวอินทรีไหม?”
“รู้”
“ดี รู้จักไว้นะ เพราะถ้ามึงรู้จักเขา มึงก็จะรู้จักกู” มันทำหน้านิ่งไปทันทีที่ผมทิ้งท้ายไว้ ส่วนผมก็กลับมาที่บ้านของตัวเอง นั่งไขว่ห้างมองประวัติพ่อแม่เลี้ยงของนารา
ล้มละลาย?
ผลาญเงินลูก?
ขายลูกและเอาเงินมาใช้ พอลูกไม่ตกลงก็ต้องให้เงินคืน?
และอะไรอีกมากมายที่ผมอ่านคร่าวๆ ก่อนจะเบ้ปาก รู้สึกสมเพชกับชีวิตของนาราจริงเลยนะ แต่เรื่องแค่นี้ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกสงสารเธอหรอกนะ
มันคนละเรื่องกัน อย่าลืม!
“อ้าววันนี้อยู่บ้านหรือไง?”
“ป๊า กลับมาแล้ว” ผมมองพ่อบังเกิดเกล้าที่เดินตรงเข้ามานั่งกับผม สีหน้าของท่านถึงแม้จะอายุห้าสิบแล้ว แต่ก็ยังคงหล่อดูดีมาก แม่ผมเคยบอกไว้ว่าถ้าผมโตขึ้น ผมคงหล่อเหมือนพ่อแน่เพราะเราสองคนหน้าตายังกับฝาแฝดทั้งที่เป็นพ่อลูกกันนะ แม่ของผมเสียไปตั้งแต่ผมอายุแค่หกขวบด้วยมะเร็งที่คร่าชีวิตท่านไป ผมจึงอยู่กับพ่อมาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ถูกปลูกฝังใช้ชีวิตแบบมาเฟีย แต่ผมไม่ค่อยชอบชกต่อยเท่าไหร่ แต่ชอบการแข่งรถเป็นชีวิตจิตใจ ถึงจะเป็นลูกมาเฟียก็ใช่ว่าจะเก่งรอบด้านนะ
“ป๊าได้ข่าวมาว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับขุนทัพ และเป็นอะไรร้ายแรงมากๆ”
“...”
“เรามีปัญหากับขุนทัพใช่ไหมมังกร?” ป๊าผมไม่เคยมองใครพลาดและผมคือหนึ่งในนั้น ถึงจะเก็บอาการและสีหน้าก็ตามที ผมถอนหายใจออกมา “ป๊า ผมขอ”
“ป๊าให้เราได้ทุกอย่างนะมังกร แต่ทำอะไร เราคิดเองโตแล้วนะ”
“ครับ”
“ป๊าต้องไปดูงานที่ไทเป หวังว่าคงจะไม่ก่อเรื่องให้ป๊าปวดหัวนะ”
“โหป๊าไว้ใจผมหน่อยสิ” ผมลุกขึ้นเดินไปนั่งกอดขาป๊าที่ลูบศีรษะของผม รู้ไหมว่าตอนนั้นที่ผมเกือบฆ่าตัวเอง ป๊าเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมหยุดทุกอย่าง เพราะคำพูดคำนั้น
‘มังกร! เราจะทิ้งป๊างั้นเหรอ? เราจะทิ้งป๊าไปแบบแม่ของเราใช่ไหม’
‘ฮึก ป๊า แต่ว่าผมเจ็บ... เจ็บจนจะตายแล้วนะ’
‘แล้วเราคิดว่าป๊าไม่เจ็บเหรอที่เห็นเราทำร้ายตัวเองแบบนี้ มังกร... ชื่อของเราที่ป๊าเป็นคนตั้ง ป๊าตั้งเพราะอะไรรู้ไหม? เพราะว่าปีกของมังกร จะคอยปกป้องคุ้มครองป๊าในยามแก่เฒ่า แล้วเราจะมาทิ้งป๊าไปแบบนี้เหรอมังกร’
รู้ไหมว่าตอนนั้นทำให้ผมลุกขึ้นมาได้ แค่คำพูดของป๊าทำให้ผมกลับมายืนได้อีกครั้ง เลิกคิดสั้นที่จะฆ่าตัวตายและหันมาสนใจคนที่รักผมจริงๆ ไม่มีวันหลอกลวง
“ไม่มีอีกแล้วล่ะป๊า เพราะตอนนี้... ผมยืนได้ด้วยตัวเองแล้ว”
เพราะหลังจากนี้ ชีวิตของผมก็จะดำเนินต่อไป
แต่เป็นในฐานะผู้กระทำ... ไม่ใช่ผู้ถูกกระทำอีกต่อไป!