ตอนที่ 4 / 3

1868 Words
                                                                                     "ใช่จ๊ะ ช่วงนี้แพรเองก็ว่างงานอยู่ พี่เลยอยากขอความช่วยเหลือให้มาช่วยพี่ไปก่อน"                                                                         แพรพิศอ้าปากจะปฏิเสธ มาลินีก็รีบพูดอีก                                    "เพราะถ้าไม่ทำอย่างนี้ เกิดรับคนใหม่มา ก็เห็นใจคนใหม่ที่จะต้องมาทำงานต่อในระยะเวลาที่ไม่แน่นอน เกิดสองเดือนแล้วพี่กลับมา หรือบางทีตอนพี่กลับมาอาจจะไม่ได้ทำหน้าที่ตรงนี้อีก แพรเข้าใจใช่มั้ยว่ามันมีความไม่แน่นอนหลายอย่างในอนาคต คุณอัครเลยแนะนำให้พี่หาคนที่รู้จักรู้ใจกันมาแทนเอง แทนที่จะให้บริษัทประกาศคัดคนใหม่มา มันไม่แน่นอนอะไรเลย เกิดพี่พักไปสามเดือนแล้วกลับมา ก็สงสารคนที่ได้ทำงานแล้ว หรือมีคนเห็นประกาศรับสมัครด้วยระยะเวลาที่เอาแน่นอนไม่ได้ ใครกันอยากจะมาสมัคร พี่ก็เลยต้องหาคนที่รู้จักรู้ใจกันดีอย่างแพรมาทำแทนก่อนไง"  แพรพิศอ้ำอึ้ง แล้วกลืนน้ำลายแรงๆ ไม่คาดคิดว่าเรื่องจะกลายมาเป็นแบบนี้                                                                          "แต่แพรเรียนจบด้านการออกแบบ พวกกราฟิกดีไซด์นะคะ งานเลขาฯ แพรไม่ถนัดหรอกค่ะ ยิ่งจะทำให้งานคุณอัครปั่นป่วนไปอีก พี่ลินหาคนใหม่ที่เหมาะสมกว่าแพรไม่ดีกว่าหรือคะ"                           มาลินีสัมผัสถึงความกังวลใจของแพรพิศในเรื่องนี้ เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วเอ่ยว่า "งานเลขาฯ จริงๆ ก็ไม่ได้ยากและไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเหมือนงานที่ต้องอาศัยความเฉี่ยวชาญเฉพาะด้านหรอกนะ แค่เราเป็นคนกระตือรือร้น ขวานขวายที่จะเรียนรู้ต่อสิ่งใหม่ๆ เสมอก็ทำได้แล้ว ส่วนเรื่องระบบ โปรแกรมที่ใช้ทำงาน ก็เป็นโปรแกรมพื้นฐานในงานออฟฟิศทั่วไป ซึ่งแพรก็ทำได้นี่ใช่มั้ย"                                                     แพรพิศทำหน้าไม่ถูก จริงๆ เธอก็ตั้งใจว่าครั้นเรียนจบแล้ว จะพึ่งพาตัวเองให้มากที่สุด เธอไม่อยากอยู่ใต้เงาของอัคราอีกแล้ว แต่คนตรงหน้าก็แสนดีกับเธอเสมอ ยามเธออยู่อังกฤษก็คอยไถ่ถามอย่างเป็นห่วง และคอยแนะนำเรื่องต่างๆ ให้เธอด้วย อีกอย่างเหตุผลที่มารดาป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย คล้ายกับมารดาเธอ ทำเอาใจของแพรพิศอ่อนเหลวลงไปทีเดียว                                                                           มาลินีรีบวางมือบนหลังมือของหญิงสาวตรงหน้า เกลี้ยกล่อมไปอีกว่า "พี่จะอยู่สอนงานแพรก่อนสักสองสามอาทิตย์ พอแพรเป็นงานแล้ว พี่ถึงจะลายาว พี่ไม่ได้ทิ้งให้แพรไปทำทันทีเลยนี่นา ไม่ต้องกลัวนะว่าจะทำไม่ได้ พี่ปรึกษากับคุณอัครแล้ว คุณอัครก็ไม่ว่าอะไร แค่บอกให้ทำตามที่พี่สะดวก ซึ่งพี่สะดวกแค่ทางนี้จริงๆ"                                        แพรพิศเม้มริมฝีปาก สลับกับหลุบตามองพื้นผิวโต๊ะ ภายในใจกำลังถกเถียงกันอย่างหนัก  "นะแพร ช่วยพี่สักครั้งเถอะ"                                             เมื่อเอ่ยฝ่ายเอ่ยมาอย่างนี้อีกก็ทำให้เธอตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดว่า                                                                                          "ค่ะ งั้นแพรจะช่วยพี่ลินไปก่อน พี่ลินจะได้กลับไปทำหน้าที่ดูแลคุณแม่อย่างดีที่สุด โดยไม่ต้องห่วงเรื่องอะไรอีก"                              มาลินียิ้มกว้างออกมาทั้งน้ำตา เรื่องที่หนักอึ้งอีกเรื่องในชีวิตได้รับการคลี่คลายแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่ การไปทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ มาลินียังเอ่ยอีกว่า                                     "คุณอัครก็ใจดีมาก ยังให้เงินก้อนมาช่วยเหลือพี่อีกระหว่างที่พี่ต้องหยุดงานอยู่ดูแลแม่ที่บ้าน คุณอัครบอกว่าเป็นส่วนของโบนัสที่พี่ควรจะได้ในปีนี้ และแพรไม่ต้องห่วงเรื่องค่าตอบแทนนะ แพรจะได้เงินเดือนในเรตเดียวกับที่พี่ได้ แถมได้สวัสดิการขั้นพื้นฐานต่างๆ ที่บริษัทมีให้พนักงานอีก เป็นเลขาฯให้คุณอัครสบายอยู่แล้ว"                            แพรพิศพยักหน้ารับแกนๆ ก่อนจะนึกเรื่องสำคัญอีกเรื่องได้ "แล้วแพรจะต้องเริ่มงานเมื่อไหร่คะ"                                         "พรุ่งนี้เลยสิ แพรก็ไปหาพี่ที่ห้องทำงานท่านประธานฯ พี่จะได้เริ่มสอนงานแพรตั้งแต่พรุ่งนี้เลย"                              แพรพิศถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเธอตั้งรับไม่ทัน ตอนเช้ายังนั่งรออีเมล์ตอบรับจากการสมัครงานด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว พอถึงตอนเย็นกลับได้รับงานปุ๊บปั๊บอย่างคาดไม่ถึงเสียนี่ แถมยังเป็นงานที่ต้องอยู่ใกล้ชิดภูเขาน้ำแข็งแห่งไททานิคเช่นเขาอีกด้วย  อัครามาทำงานในเวลาปกติ เดินออกจากลิฟต์ชั้นนี้ทั้งชั้นจะเป็นที่ทำงานของประธานบริษัท ห้องทำงานที่มีประตูบานใหญ่เป็นห้องของเขา แต่ก่อนจะถึงห้องทำงานของ ตรงนี้จะเป็นห้องที่ถูกกั้นขึ้นมาอีกห้อง เอาไว้สำหรับประชุมย่อย หรือต้อนรับแขกของเขาก็ได้                         ชายหนุ่มก้มมองนาฬิกาข้อมือ ตอนเก้าโมงครึ่งมีนัดประชุมกับฝ่ายการตลาด ไม่รู้ว่ามาลินีมาถึงหรือยัง ช่วงนี้เลขาฯของเขานอนดึก หรือบางคืนแทบไม่ได้นอน เมื่อวานก็ดูตารางตัวเลขสรุปผลการผลิตในช่วงไตรมาสแรกของปีผิด                                                                  เธอพักผ่อนน้อย ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงจนน่าเป็นห่วง                      เขาเลยแนะนำให้เธอไปดูแลมารดาที่ป่วยหนักให้เต็มที่เสียก่อน แต่ต้องหาเลขาฯ เฉพาะกิจมาทำงานแทนเธอไปพลางๆ ด้วย              เห็นมาลินีบอกว่าหาได้แล้ว และจะมาเริ่มเรียนรู้งานตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  อัคราไม่ได้ห่วงว่าคนใหม่จะทำงานต่อมาลินีไม่ได้ เขาเชื่อว่า ด้วยสายตาของมาลินีต้องมองคนออก จนหาคนมารันงานแทนเธอต่อโดยไม่ทำให้งานของเขาติดขัด                                                                 ชายหนุ่มเดินไปจะถึงห้องทำงานแล้ว เขาเห็นร่างบางร่างหนึ่งกำลังยืนหันหลังพิงกับขอบโต๊ะทำงานของมาลินี สองมือถือเปิดแฟ้มหนึ่งอ่านอยู่ รูปร่างที่เห็นตอนนี้ตัวเล็กผอมบาง จึงไม่ใช่มาลินีแน่นอน เพราะอีกฝ่ายเป็นคนสูงโปร่ง แถมมีช่วงบ่าที่กว้างอีก                          อัคราเดินเงียบๆ ไปหยุดที่โต๊ะทำงาน วางหลังมือลงใช้ข้อนิ้วทั้งสามเคาะลงที่โต๊ะสองสามครั้ง                                                      เธอสะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อย รีบปิดแฟ้มในมือแล้วหันกลับมาหาเขาอย่างช้าๆ ทันทีที่ร่างบอบบางหันกลับมาทั้งตัว อัคราก็ต้องตะลึงไปทันที "นี่..." เขาลากเสียงยาวแสดงถึงความคาดไม่ถึง ก่อนจะถามว่า "ตกลงเป็นเธอเองหรือ คนที่มาลินีอยากให้มาทำงานตรงนี้แทน"                      ถามแล้วพิจารณาหญิงสาวตรงหน้าไปในตัว เธออยู่ในเสื้อคอบัวแขนยาวสีกลีบบัว กระโปรงพลีทสีดำสั้นเหนือเข่า ผมยาวนั้นมัดรวบไว้บนศีรษะครึ่ง เผยให้เห็นดวงหน้าเรียวเล็กนั้นชัดขึ้น ส่วนผมที่เหลือปล่อยยาวไปตามแผ่นหลัง                                                                 "ค่ะ" เธอรับคำด้วยความงุนงงบ้าง ก่อนจะถามกลับบ้าง "คุณอัครเองก็ไม่ทราบมาก่อนหรือคะ ว่าเป็นแพร"                                      อัคราส่ายหน้าช้าๆ และก่อนที่จะได้ไถ่ถามอะไรอีก เกิดเสียงรองเท้าส้นสูงกระแทกพื้นถี่ๆ ดังใกล้เข้ามา ครั้นทั้งสองหันไปดูตามเสียงนั้น เป็นมาลินีนั่นเอง                                                                              "คุณอัคร น้องแพร"                                                                     มาลินีก้าวมายืนอยู่ตรงกลางของคนทั้งสอง ก่อนจะอธิบายเจ้านายหนุ่มว่า                                                                                       "น้องแพรนี่แหละค่ะคุณอัคร ที่ลินจะให้มาทำงานแทนลินไปก่อน"                                                                                                    อัคราพยักหน้าขึ้นลง แล้วหันไปจ้องหญิงสาวอีกครั้ง เขาไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เมื่อมาลินีตัดสินใจมาเช่นนี้เขาก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเธอ  ชายหนุ่มขอตัวเดินไปที่ห้องทำงาน แพรพิศหันมาถามมาลินีด้วยความไม่มั่นใจ ท่าทางเขาเหมือนจะไม่เต็มใจให้เธอมาทำอย่างไรไม่รู้ "คุณอัครเขาไม่พอใจรึเปล่าคะ ที่แพรมาทำงานให้"                                    "ทำไมคิดแบบนี้ล่ะแพร"                                                              "แพรก็ดูจากสีหน้าของคุณอัครยังไงล่ะคะ”                         "คุณอัครคงแปลกใจมากกว่า เพราะพี่ก็ไม่ได้บอกคุณอัครให้รู้ว่าคนที่พี่ให้มาทำงานแทนเป็นแพรไง"                                              "เหรอคะ" หญิงสาวพึมพำเบาๆ                                                      มาลินีจึงเดินมาลูบบ่าบางของเธอข้างหนึ่งเบาๆ แล้วปลอบ "ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า เดี๋ยวเตรียมตัวนะ เราต้องเข้าประชุมพร้อมกับพี่กับคุณอัครตอนเก้าโมงครึ่ง วันนี้พี่จะให้แพรเข้าไปนั่งสังเกตในห้องประชุมว่าพี่ต้องเตรียมข้อมูลอย่างไร และต้องทำอย่างไรเวลาอยู่ในห้องประชุม"  "ค่ะ" แพรพิศรับคำสั้นๆ แล้วลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ของมาลินีต่อ                                                                           ก่อนจะถึงเวลาการประชุม มาลินีเห็นว่ายังพอมีเวลาอยู่ เลยเริ่มสอนงานสารบรรณ เป็นงานที่เกี่ยวกับการบริหารงานเอกสาร ที่มีตั้งแต่การทำหนังสือ การรับ – ส่ง การเก็บรักษาเอกสารต่างๆ ให้แพรพิศเข้าใจอย่างคร่าวๆ ก่อน                                                                                  พอหญิงสาวเข้าใจ มาลินีก็ให้เธอช่วยเตรียมเอกสารที่ต้องใช้ประชุมกับฝ่ายการตลาดอีก และเมื่อถึงเวลาประชุม ประตูบานใหญ่นั้นเปิดออกช้าๆ ชายหนุ่มพยักหน้าให้มาลินี แล้วจะเดินนำไปที่ห้องประชุมของบริษัท โดยมีแพรพิศที่หอบเอกสารส่วนหนึ่งตามคนทั้งสองไปด้วย   ภายในห้องประชุม หญิงสาวนั่งอยู่มุมหนึ่งของห้องตามประสาคนที่เข้ามาสังเกตการทำงานของมาลินี ก่อนหน้านั้นมาลินีก็แนะนำแล้วว่า เวลาอัครามีประชุมจะต้องทำอย่างไร ตรงไหนที่สำคัญ เห็นว่าเป็นข้อมูลที่อัคราต้องการเธอจะต้องไฮไลท์ไว้ ส่วนรายละเอียดในที่ประชุมจะมีคนทำหน้าที่บันทึกการประชุม พร้อมกับทำเป็นสรุปการประชุมไว้ให้แล้วนั่นเอง   เวลาดำเนินไปจนถึงสิบเอ็ดโมง การประชุมในตอนเช้ากับฝ่ายการตลาดของบริษัทก็เป็นอันยุติ รวมแล้วใช้เวลาชั่วโมงครึ่งทีเดียว                     แพรพิศกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับมาลินีและชายหนุ่ม              มาลินีต้องเข้าไปคุยเรื่องงานบางอย่างกับอัครา โดยที่เธอไม่จำเป็นต้องตามเข้าไปด้วย มาลินีจึงฝากให้เธอค้นหาเอกสารเกี่ยวกับการตารางการผลิตของปีที่แล้วให้                                                 แพรพิศกลับมานั่งหน้าจอโน้ตบุ๊กขนาดใหญ่ มองหาโฟลเดอร์งานของปีที่แล้ว                                                                                   เมื่อเจอก็คลิกแล้วกวาดตาดูหัวข้อว่าตรงกับที่มาลินีฝากให้เธอค้นหาหรือไม่ ครั้นเห็นว่าตรง จึงสั่งพิมพ์ออกมาทันที ขณะนั้นเกิดเสียงฝีเท้าที่เดินมาใกล้โต๊ะที่เธอนั่งอยู่ พร้อมกับเสียงหวานจากเจ้าของฝีเท้าได้ถามขึ้นมาอีกว่า        "ทำไม...เธอถึงมาอยู่ที่นี่"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD