ตอนที่ 5 / 2

1788 Words
"ได้ข่าวว่าแพรไปเป็นเลขาฯเฉพาะกิจให้กับนายอัครหรือ"    "คุณพีทรู้ได้ยังไงคะ"                                                                       "รู้มาจากแคร์น่ะ นี่ไม่คิดจะบอกฉันหน่อยหรือ"                 ผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว แพรพิศนึกด้วยความไม่ชอบใจ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะชอบมายุ่งกับเรื่องของเธอเสียจริง แล้วเอาอะไรไปพูดให้พิมานฟังบ้างล่ะ หรือจะบอกว่าวันแรกของการทำงาน เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่มันไม่ได้เรื่อง มันราคาถูก ไม่แบรนด์เนมทั้งตัวเหมือนกับอีกฝ่ายหรืออย่างไร      แพรพิศชักสีหน้าหงุดหงิด ก่อนจะรีบตอบพิมานว่า  "มันกะทันหันน่ะค่ะ พี่ลินก็เพิ่งบอกแพรเมื่อวานตอนเย็นเอง เชื่อมั้ยคะตอนนี้แพรก็ยังๆ กับตัวเองอยู่เลย"                                     พิมานหัวเราะออกมาเบาๆ กับคำพูดคำจาของหญิงสาว แล้วถามต่อ "นี่ก็ว่าจะชวนแพรไปกินข้าวเย็นฉลองที่ได้งานทำไง ไปมั้ย"       แพรพิศปฏิเสธทันที วันนี้เธอเหนื่อยเกินกว่าจะลากสังขารไปไหนได้อีกแล้ว นี่กะว่าจะซื้อมื้อเย็นกลับไปกินที่ห้องคนเดียวด้วยซ้ำ "เอาไว้ก่อนได้มั้ยคะ วันนี้แพรเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว"                               "ทำงานกับนายอัคร ต้องอึดและทนจริงๆ นะนี่" ได้ยินเสียงทุ้มของพิมานบ่นพึมพำออกมา แล้วชายหนุ่มก็ตัดบท "ไม่เป็นไร เอาไว้วันวันหลังก็ได้" แต่ก่อนที่พิมานจะวางสาย แพรพิศเลยรีบถามถึงผู้หญิงคนนั้นด้วยความอยากรู้บางอย่าง "คุณพีทรู้จักคุณแคร์นานรึยังคะ"               "รู้จักนานสิ แคร์เป็นลูกสาวเพื่อนของแม่ฉัน เรารู้จักกันมานานมากแล้ว มีอะไรรึเปล่า"                                                                "แล้วคุณแคร์ เธอเป็นคนยังไงกันคะ"                           คำถามนี้พิมานจะรู้สึกแปลกใจไหมหนอ แพรพิศถามแล้วก็เม้มริมฝีปากบางเข้าด้วยกันเล็กน้อย แล้วรอฟังคำตอบจากชายหนุ่ม                   "เท่าที่เห็นนะนิสัยดี ร่าเริง น่ารัก ไม่งั้นจะมัดใจนายอัครได้เหรอ" ตอบแล้วพิมานก็ทำหน้าแปลกๆ แล้วถามกลับทันที "มีอะไรรึเปล่า แพร" "อ๋อ ไม่มีค่ะ พอดีวันนี้แพรเจอคุณแคร์ที่ทำงานไง เลยอยากเรียนรู้นิสัยใจคอเพิ่ม เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็ต้องเจอเธอบ่อยๆ แต่เท่าที่เห็นจากภายนอก ก็ตรงกับที่คุณพีทบอก"                                               "อ้อ!"                                                                                       "งั้น แค่นี้นะคะ เดี๋ยวแพรจะต้องไปจ่ายเงินค่าเสื้อผ้าแล้ว"              "ได้"                                                                              หลังจากแพรพิศวางสายจากชายหนุ่มอีกคนไปแล้ว เธอก็เดินเอาเสื้อผ้าสองสามชุดที่เลือกได้ไปยื่นให้พนักงานของร้าน และขณะนั้นก็มีเสียงพนักงานในร้านคุยกันเบาๆ อยู่หลังเคาน์เตอร์ดังแทรกออกมา          "นิสัยดี น่ารัก หล่อ รวย"                                                              "ที่เราได้เจอบ่อยๆ ก็เพราะว่าเขามีบ้านอยู่บนห้างฯนี้นี่"                       แพรพิศเหลียวมองออกไปภายนอกร้านจัดจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูปชื่อดังทันที เธอเห็นผู้ชายรูุปร่างสูงอายุราวยี่ห้าปี แม้จะมีหมวกแก๊ปปิดบังครึ่งใบหน้าเอาไว้ แต่ก็ทำให้เธอทราบอยู่ว่า เขาคือ 'ภัทร หิรัณยเวท' ลูกชายเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งนี้นั่นเอง                      จริงสินะ เขามีบ้านอยู่บนห้างสรรพสินค้าแห่งนี้นี่ จึงเดินเข้าออกที่นี่เป็นประจำ                                                                'นอกจากชีวิตจะสวยหรูและลงตัวสุดๆ แล้ว สาวน้อยหน้าใสคนนี้ก็กำลังปลูกต้นรักกับนักธุรกิจหนุ่มทายาทห้างสรรพสินค้าชื่อดังอีกด้วย แหม เรียกว่าทั้งสองสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยกเลยทีเดียวค่ะ'  แพรพิศจำได้ว่า ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่กำลังคบหากับศรุตา น้องสาวคนละบิดาที่มีนิสัยแสนยโสคนนั้น หญิงสาวนึกแล้วก็เบ้ปากเล็กน้อยด้วยความชิงชังน้องสาวคนนี้ แล้วมองร่างสูงที่เดินหายเข้าไปลิฟต์ตัวหนึ่งด้วยสายตาบางอย่าง                                                                                                                                              และก่อนจะออกจากห้างสรรพสินค้านี้ไป แพรพิศกำลังเดินผ่านร้านที่ขายของชำร่วย ของที่ระลึกน่ารักๆ ภายในตู้โชว์ที่เป็นกระจกใสตรงหน้าร้านจะมีของน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม ตั้งโชว์ไว้ดึงดูดสายตาของใครที่ผ่านไปผ่านบริเวณหน้าร้านได้ดี และดูเหมือนจะมีสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดสายตาของแพรพิศได้ดีเหลือเกิน นั่นก็คือลูกแก้วกลมๆ ใสๆ ภายในมีภูเขาลูกหนึ่งที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน และมีเกล็ดคล้าย เกล็ดหิมะสีขาว ลอยวิ้งวับยามมีคนจับลูกแก้วนี้ขึ้นมาเขย่า                                                 หญิงสาวเห็นแล้วทำให้นึกถึง 'ภูเขาน้ำแข็งแห่งไททานิค' ขึ้นมาจับใจ แม้จะไม่ใช่ภูเขาน้ำแข็งเสียทีเดียว แต่แพรพิศก็รู้สึกชอบเจ้าลูกแก้วกลมๆ นี่ จนต้องถอยหลังกลับไปพิจารณาดูอยู่ครู่หนึ่ง                จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปภายในร้านแห่งนี้ทันที "นี่อะไรหรือแพร ที่ทับกระดาษรึเปล่า น่ารักจัง"                         มาลินีถามขึ้นยามเดินมาถึงโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของตัวเอง ซึ่งไม่กี่วันข้างหน้าจะเป็นหน้าที่ของแพรพิศ ที่ต้องรับช่วงต่อจากเธอไปสักระยะหนึ่งก่อน  เมื่อวางสัมภาระเก็บเอาไว้ในตู้เก็บของที่อยู่ด้านหลังแล้ว มาลินีก็เดินอ้อมมาด้านหน้าก้มมองดูเจ้าลูกแก้วลูกนี้ แล้วยกมือขึ้นมาเขย่า ทำให้เห็นเกล็ดของหิมะลอยวิ้งวับอยู่ภายในไปด้วย                                   "ค่ะ ใช้ทับกระดาษก็ได้ ใช้ตั้งโชว์ไว้บนโต๊ะทำงานก็ได้"                       แพรพิศรีบอธิบายเสริม ท่าทางมาลินีจะชอบเจ้าลูกแก้วนี้ไม่แพ้เธอ เห็นเอาแต่จ้องดูลูกแก้วกลมๆ นี่เหลือเกิน                                มาลินีมองดูฐานของลูกแก้ว เห็นกระดาษลายสวยๆ ที่เขียนข้อความติดไว้ตรงหน้าฐานของลูกแล้วว่า "ภูเขาน้ำแข็งแห่งไทนานิค"    "นี่มันเป็นภูเขาหิมะนะแพร ไม่ใช่ภูเขาน้ำแข็งแห่งไทนานิคสักหน่อย" มาลินีเงยหน้าขึ้นมาแย้ง แล้วทำหน้าขบขันตาม                          "ก็ไม่ใช่น่ะสิคะ แต่ถ้าใจเราคิดว่ามันใช่ภูเขาน้ำแข็ง มันก็คือภูเขาน้ำแข็งแห่งไทนานิคนั่นแหละค่ะ" แพรพิศแย้ง พลางก้มดูภูเขาน้ำแข็งของเธอที่อยู่ในลูกแก้วด้วยแววตาพราวระยับอย่างนึกสนุก                      มาลินิส่ายหน้าอย่างขำๆ ก่อนจะรีบบอกหญิงสาวว่า "ไป เดี๋ยวเราเข้าไปพบคุณอัครที่ห้องกัน วันนี้พี่จะเริ่มโอนงานตารางนัดหมายให้แพรดูแลแล้วนะ"      เอ่ยจบก็รีบคว้าเอาไอแพด สมุดบันทึกปกหนัง โทรศัพท์มือถือ และมีแฟ้มที่อัครายังค้างเซ็นเมื่อวานอีกสามแฟ้มที่ให้แพรพิศช่วยหอบเข้าไปด้วย  จากนั้นทั้งสองก็พากันเข้าไปในห้องทำงานของท่านประธานบริษัทต่อไป      แพรพิศไม่ได้รู้สึกว่างานเลขาฯ เป็นงานที่ยากอะไร ขอแค่มีความกระตือรือร้น มีความพยายามที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวเท่านี้ก็ทำได้แล้ว เหมือนกับที่มาลินีปลอบเธอไปตั้งแต่วันแรกๆ ของการเริ่มทำงานที่นี่นั่นแหละ                                                                                  ใช่ งานเลขาฯไม่ใช่งานที่ยากก็จริง แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธนะว่า มันเป็นงานที่ซ้ำซ้อน จุกจิก น่าเบื่อหน่าย เพราะวันๆ ก็ยุ่งอยู่กับงานเอกสาร งานสารบรรณ โดยมีเจ้านายหนุ่มที่อยู่ในเกณฑ์ใกล้วัยทองเต็มทีคอยถามหาเอกสารนั่นนี่ไม่หยุด ไม่แปลกใจเลยว่า บางทีเธอเห็นมาลินีกลับมานั่งเก้าอี้ได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็ถูกเขาเรียกเข้าไปพบอีก                           แถมบางวัน เขาก็เอาข้อมูลอะไรเยอะๆ มาโยนให้เธอ แล้วขอให้เธอสรุปให้เขาโดยมีเนื้อหาไม่เกินหนึ่งหน้ากระดาษเอสี่ด้วย                  อย่างเช่นตอนนี้ที่เขาก็เอาตารางตัวเลขการผลิตของโรงงานในปีต่างๆ แล้วให้เธอดึงแต่ละตัวเลขที่สรุปเรียบร้อยแล้ว มาทำเป็นสรุปอีกที            นี่ใจคอของเขาจะไม่ปราณีเธอเลยหรือไร                                 แพรพิศกวาดตามองเอกสารที่เกลื่อนตรงหน้า มีปากกาไฮไลท์สองสีที่เธอป้ายกำกับตามตัวเลขที่เขาต้องการแล้ว เหลือแค่พิมพ์รวบรวมลงในคอมพิวเตอร์อีกทีก็จะเสร็จสิ้น                                 เหมือนภูเขาน้ำแข็งแห่งไททานิคต้องการจะทดสอบว่า เธอคู่ควรกับการทำหน้าที่เป็นเลขาฯให้เขาหรือเปล่า และพ่วงด้วยการยั่วโมโหเธอไปในตัวอีกด้วย ซึ่งข้อหลังแพรพิศไม่อยากจะมองเขาในแง่ร้ายเลยจริงๆ แต่ก็อดไม่ได้                                                                    และนอกจากงานซ้ำซากที่เกลื่อนตรงหน้าแล้ว อีกอย่างคือตารางนัดหมายของเจ้านายหนุ่มที่ดูท่าจะร้อนแรงแซงอุณภูมิภายนอกห้องทำงานแห่งนี้ไป เพราะ วันๆ นึงจะมีคนขอนัดพบเขา หรือเป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายขอพบคนอื่น เธอก็ต้องมานั่งเช็คว่าวันและเวลานั้นๆ ของเจ้านายผู้นี้นัดหมายใครไว้หรือยัง  และมีอยู่วันหนึ่ง แพรพิศเกิดลงตารางนัดหมายวันและเวลาให้เขาผิด เธอไปลงซ้ำซ้อนกับแขกที่นัดเขาไว้ก่อนแล้ว หญิงสาวจึงต้องรีบโทร.ไปขอโทษรายล่าสุด และเลื่อนตารางนัดหมายออกไปก่อน เธอเลยได้ทั้งคำบ่น คำตำหนิจากทางนั้นมาอีกด้วย  ซึ่งก็มันเป็นความผิดพลาดของเธอเองจริงๆ เพราะวันนั้นเธอมีอาการเบลอมากอยู่ก่อนแล้ว                                                           แพรพิศถอนหายใจ พลางเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ ตอนนี้ยังมีมาลินีคอยประกบเธออยู่ แต่ถ้าหากไม่มีแล้วเธอจะรับกับงานมากมายน่าเวียนหัวเพียงลำพังได้หรือไม่ นึกพลางก็ใช้นิ้วมือนวดขมับตามไปพลาง และเป็นเวลาเดียวกับที่ภูเขาน้ำแข็งแห่งไททานิคได้เปิดประตูออกมาเห็นสภาพเหนื่อยล้าดังกล่าวพอดี                                               เธอจึงรีบยืดตัวขึ้น นั่งหลังตรง แล้วเขาก็เดินผ่านไปเพียงแต่ใช้หางตาแลมาทางเธอแบบแวบๆ เท่านั้น                                      "เย็นชาชะมัด" แพรพิศอดที่จะบ่นตามเบาๆ ไม่ได้               ก่อนจะหลุบมองลูกแก้วตรงหน้า "สมกับฉายาภูเขาน้ำแข็งแห่งไททานิคจริงๆ"                                                                                  บ่นแล้วก็คว้าเอาแก้วน้ำเปล่า ลุกไปเติมน้ำไว้ดื่มต่อทันที            คล้อยหลังแพรพิศไม่นาน อัคราก็เดินกลับมาที่ห้องอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่พบคนที่ทำท่าเหนื่อยล้าแสนสาหัสแล้ว                                                                              
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD