มากจนฉันรู้สึกไม่สบายใจยังไงบอกไม่ถูกเลย ระหว่างที่อยู่ในห้องน้ำฉันก็รับสายจากใบเตยที่จะโทรมาบอกทุกครั้งว่ากำลังจะไปมหาลัยก็เลยเล่าเรื่องนี้ให้ใบเตยฟัง เธอก็เลยบอกว่าให้ฉันหยุดเล่าเพื่อจะรอฟังจากปากฉันอีกทีที่มหาลัยจึงได้วางสาย
ห้องรับแขกไร้ซึ่งร่างของน้าพิม ฉันจึงเดินเท้าตามหาหรือว่าคุณชนะทิศจะพาน้าพิมไปดูห้องกันนะ? คิดได้แบบนั้นจึงหยุดที่ตีนบันไดขึ้นไปชั้นบน ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าขึ้นไปดีเลยด้วยซ้ำฉันก็ได้ยินเสียงคล้ายกับคนทะเลาะกันซึ่งเป็นเสียงของผู้ชาย
เพล้ง!
สะดุ้งตกใจเมื่อเสียงที่ดังจากด้านบน นำพาขาทั้งสองข้างของฉันให้วิ่งตรงขึ้นไปเพราะในใจก็หวาดหวั่นว่าน้าพิมจะเป็นอะไรหรือเปล่า? เมื่อมาถึงบันไดขั้นสุดท้ายฉันก็มองบนพื้นที่มีกรอบรูปอะไรสักอย่างแตกกระจายอยู่ มีคุณชนะทิศที่ยืนประคองน้าพิมไว้ด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก
ทว่าแผ่นหลังของผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน แขนทั้งสองข้างมีรอยสักมากมายระบายอยู่ สวมชุดนักศึกษาแบบไม่เป็นระเบียบ ทรงผมตัดแบบคล้ายไอดอลเกาหลียืนกำรูปภาพอะไรสักอย่างไว้ในมือ
“น้าพิม”
น้ำเสียงของฉันแผ่วเบาขณะเรียกสายตาของน้าพิม แต่ชายร่างสูงคนนั้นกลับหันมามองฉัน... ดวงตาของฉันค่อยๆ เบิกกว้างขึ้นทันที รู้สึกถึงร่างกายที่ชาวาบไปทั้งตัว ขณะสบเข้ากับดวงตาคมที่แข็งกร้าวและตามด้วยรอยยิ้มที่ผุดขึ้นตรงมุมปาก
“หึ” ได้ยินเสียงหัวเราะออกมาจากลำคอ เขาก็หันกลับไปมองสบตากับคุณชนะทิศ “ดีนะ พามาอยู่ทั้งแม่ทั้งลูกเลย”
“มันจะมากไปแล้วนะไอ้ไฟ!” ฉันไม่เคยเห็นคุณชนะทิศดูโมโหมาก่อนเลยจนมาเห็นกับตัวเอง
“มากไปตรงไหนพ่อ” เขาคือลูกชายของคุณชนะทิศที่น้าพิมบอกงั้นหรอกเหรอ? ไม่จริงใช่ไหมเนี่ย อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้ “ที่ผมพูดมันจริงทั้งนั้นอะ”
ร่างสูงเดินหันหลังมาหยุดตรงหน้าฉัน พลางใช้สายตาที่จาบจ้วงมองตั้งแต่หัวจรดเท้า รอยยิ้มของเขาทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยงยังไงบอกไม่ถูก รู้แค่ว่า... เกลียดคนตรงหน้า ฉันรู้สึกแค่นั้นจริงๆ
“อยู่ให้สบายนะ” พูดจบก็เดินชนไหล่จนฉันเซเกือบจะล้ม เขาก็จากไปทิ้งไว้ก็แต่ความเจ็บปวดตรงบริเวณหัวไหล่เท่านั้น
“ขอโทษแทนลูกชายด้วยนะพิม”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันสบตากับน้าพิมด้วยความเป็นกังวล ผู้ชายคนนั้นเอาเรื่องที่สุดเลยนะดูจากการกระทำและคำพูดคำจานี่อีก เขาไม่ธรรมดาฉันรู้แค่นี้... ฉันสัมผัสได้เลยว่าการที่ฉันมาเหยียบที่นี่มันจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกมากมายที่ไม่อาจจะรับรู้ล่วงหน้าได้
“แต้วเดี๋ยวให้เด็กมาเก็บเศษกระจกพวกนี้ด้วย แล้วก็พาพะแพงไปที่ห้องนะ อาจัดเตรียมไว้ให้แล้ว”
“ขอบคุณค่ะ” ยกมือไหว้ขอบคุณคุณชนะทิศ ก่อนจะมองทั้งสองคนที่เดินโอบกอดกันไปยังห้องส่วนตัว ซึ่งป้าแม่บ้านก็ผายมือให้ฉันเดินไปยังห้องของตัวเองซึ่งเป็นห้องที่อยู่เยื้องอีกฝั่ง ซึ่งชั้นบนจะเป็นแบบวงกลมมีบันไดทางขึ้นแค่ทางเดียวเท่านั้น ห้องที่คุณชนะทิศจัดให้มันก็กว้างและถูกจัดเตรียมไว้แบบเรียบง่าย “ขอโทษนะคะ”
เอ่ยทักป้าแม่บ้านที่กำลังเดินแนะนำภายในห้อง “เรียกป้าแต้วก็ได้ค่ะ”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับก่อนจะรวบรวมความกล้าที่จะถามเรื่องที่อัดแน่นอยู่ในอก “คือผู้ชายคนนั้น...”
“หมายถึงคุณไฟเหรอคะ?” ป้าแต้วถอนหายใจ “คุณไฟเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของคุณท่านค่ะ คุณแม่เสียไปตั้งแต่คุณไฟอายุแค่ไม่กี่ขวบเอง คุณไฟไม่ค่อยจะลงรอยกับคุณท่านน่ะค่ะ”
“ถ้าไม่ลงรอยกัน ทำไมเขาถึงมาที่บ้านคะ”
“เห็นแบบนั้นคุณท่านก็เป็นห่วงคุณไฟค่ะ แม้ว่าคุณไฟจะไม่รับความรู้สึกของคุณท่านก็ตามที” พอได้ฟังเรื่องราวบางอย่างก็ทำให้ฉันรู้อะไรนิดหน่อย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีหรอกนะ “ตามสบายนะคะ ป้าไปเตรียมอาหารก่อน”
ฉันยกมือไหว้ขอบคุณป้าแต้วอีกครั้ง เมื่อประตูห้องปิดลงฉันก็เดินไปนั่งบนเตียงนอนมองไปรอบห้องพลางถอนหายใจออกมากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ พลางเคลื่อนมือไปแนบตรงตำแหน่งของหัวใจตัวเอง
มันเต้นแรงและเต้นเร็วมากเมื่อได้สบตากับเขาคนนั้น แค่เห็นหน้าก็รู้สึกเกลียด เกลียดจนไม่อยากจะเห็นหน้า ความร้ายกาจของเขามันแผ่ออกมาให้ได้เห็นชัดเจนแบบนั้น ไม่อยากจะคิดเลยว่าหลังจากนี้ไปฉันจะอยู่ที่นี่ได้อย่างสงบสุขอย่างที่น้าพิมอยากให้เป็นได้หรือเปล่า?
เพราะการได้เห็นเขา... บางอย่างในหัวใจมันก็วิ่งวุ่นตีกันรวนไปหมดแล้วตอนนี้