หนีไปจากความเจ็บปวด

821 Words
การเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศของลลนา เขาเริ่มวางแผนตั้งแต่ก่อนจะเอ่ยปากกับเธอเสียอีก ทุกขั้นตอนถูกคำนวณมาอย่างดี ไม่ใช่แค่เรื่องที่พักอาศัยหรือการสมัครเข้าเรียนเท่านั้นที่เขาจัดการให้เสร็จสรรพ แต่ยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่เขาไม่อยากให้ลลนาต้องกังวลเลยแม้แต่น้อย ภาคินเลือกเมืองที่ลลนาจะได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระแต่ปลอดภัย เลือกมหาวิทยาลัยที่มีหลักสูตรและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับเธอที่สุด จากนั้นเขาก็เตรียมผู้ช่วยส่วนตัวที่ไว้ใจได้ ไว้คอยดูแลเธอตลอดเวลา ผู้ช่วยคนนี้ไม่เพียงแต่จะจัดการเรื่องเอกสารการเรียน การใช้ชีวิตในต่างแดน หรือการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ แต่ยังถูกฝึกมาให้รู้ใจลลนา รู้ว่าความต้องการของเธอคืออะไร แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ชนิดของกาแฟที่เธอชอบทานตอนเช้า หรือร้านเสื้อผ้าโปรดที่เธออาจอยากไปเยือน ภาคินรู้ดีว่าลลนาอาจจะรู้สึกโดดเดี่ยวในต่างแดน เขาจึงให้ผู้ช่วยคนนี้เป็นทั้งเพื่อนและที่ปรึกษาในทุกเรื่อง แต่แม้ว่าผู้ช่วยจะดูแลเธออย่างใกล้ชิด รายงานทุกความเคลื่อนไหวของเธอก็จะถูกส่งตรงกลับมาหาเขาอย่างสม่ำเสมอโดยที่ลลนาไม่รู้ตัว เพื่อให้แน่ใจว่าเธอปลอดภัยและมีความสุข แม้ว่าลลนาจะไม่ได้อยู่ใกล้เขาแล้ว แต่ภาคินก็ยังรู้สึกว่าเธออยู่ในสายตาของเขาเสมอ มันเป็นการดูแลจากระยะไกลที่เขาจัดการไว้ด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด แม้ว่าเขาจะต้องยอมรับว่าความสัมพันธ์ของพวกเขากำลังเปลี่ยนไป แต่เขาก็ยังไม่สามารถละทิ้งความห่วงใยที่มีต่อเธอได้ ลลนายืนอยู่หน้าเกตด้วยดวงตาที่แฝงความเศร้า เธอหันกลับมามองภาคินเป็นครั้งสุดท้าย “ขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่างค่ะคุณลุง... หนูคิดว่าการลาครั้งนี้ หนูอาจจะไม่กลับมาอีก” คำพูดของเธอทำให้หัวใจของภาคินสั่นไหว ความรู้สึกหวาดหวั่นแผ่ซ่านเข้ามาทันทีที่ได้ยิน เขาพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เสียงของเขากลับติดขัด ไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยคำใดออกมา ลลนาก็หมุนตัวเดินจากไปอย่างแน่วแน่ ทิ้งเขาไว้เพียงลำพังกับความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้ เธอจากไปพร้อมกับความรู้สึกที่เหมือนจะพรากบางสิ่งสำคัญไปจากเขาอย่างไม่มีวันหวนกลับ …………………………………………………. สามเดือนผ่านไป รายงานเกี่ยวกับลลนาถูกส่งมาวางไว้บนโต๊ะภาคินอย่างสม่ำเสมอ เกือบทุกอาทิตย์ เขามักจะเปิดอ่านทันทีที่ได้รับ แต่ครั้งนี้เขาหยิบภาพถ่ายที่แนบมาด้วยขึ้นมาดูอย่างเงียบๆ ในภาพ ลลนาดูสดใส ร่าเริง หัวเราะท่ามกลางเพื่อนใหม่มากมาย มุมปากของภาคินยกขึ้นเล็กน้อยแต่ในใจกลับรู้สึกเหมือนมีบางอย่างขาดหายไป เขาเฝ้ามองภาพถ่ายเหล่านั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า รู้สึกถึงความสุขที่เธอพบเจอในที่ห่างไกล ขณะที่เขากำลังจมอยู่กับภาพเหล่านั้น เสียงประตูเปิดออกทำให้เขาสะดุ้ง เคนเดินเข้ามาในห้อง “นายไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนนะ ภาคิน” เคนเอ่ยขึ้น พลางหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ “สาวน้อยสาวใหญ่มารุมล้อมก็ไม่เคยเห็นหวั่นไหวกับใคร อย่าบอกนะว่าคราวนี้โดนสาวน้อยวัยคราวลูกขโมยหัวใจเข้าให้แล้ว” ภาคินเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทด้วยสายตาที่เคร่งขรึม เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่ได้ตอบอะไรออกมาทันที ความเงียบที่ปกคลุมระหว่างพวกเขาทำให้เคนยิ่งมั่นใจในสิ่งที่ตนเองพูด “ไม่พูดอะไร แสดงว่าไม่ปฏิเสธสินะ” เคนพูดต่อด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “แบบนี้แสดงว่าลลนามีผลกับนายจริง ๆ” ภาคินยังคงเงียบ แต่สายตาที่หลบไปเล็กน้อยก็บ่งบอกได้ชัดเจนว่าเขาไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจตัวเองได้ ไม่ว่าจะพยายามกี่ครั้ง ความหวั่นไหวเมื่อได้อยู่ใกล้ลลนาก็ไม่เคยจางหาย มันกลับยิ่งชัดเจนขึ้นทุกวัน “ฉันไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้” ภาคินพูดออกมาเบา ๆ หลังจากเงียบไปนาน น้ำเสียงที่ราบเรียบแต่เจือความรู้สึกบางอย่างที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ ทำให้เคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจเพื่อนรัก “บางครั้ง ความรู้สึกมันก็ห้ามกันไม่ได้ นายก็รู้” เคนพูดเบา ๆ และวางมือลงบนไหล่ของภาคิน “แต่ยังไงก็อย่าลืมนะว่าลลนาเป็นใคร และนายเองก็เป็นใคร” ภาคินพยักหน้าอย่างเข้าใจ แม้ว่าคำพูดของเคนจะย้ำเตือนถึงความเป็นจริงที่เขาไม่อาจมองข้ามได้ แต่ความรู้สึกในใจกลับไม่อาจจะปิดกั้นได้อีกต่อไปแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD