ในผับหรูแห่งหนึ่งที่มีแสงไฟสลัวและเสียงเพลงบรรเลงเบาๆ แอนนานั่งอยู่ที่บาร์หรูข้างๆ ลลนา สาวสวยในชุดที่ดูสง่างาม ยกแก้วบรั่นดีออนเดอะร็อคขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้วด้วยความเครียดและปวดร้าวในใจ
ลลนาหลุบตาลงมองแก้วที่ว่างเปล่า ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหนักใจ
Anna, what? Oh my God, this is insane.
แอนนา อะไรนะ โอ้ พระเจ้า มันบ้ามาก
Lalana: "I'm going back to England."
ลลนา: "ฉันจะกลับอังกฤษ"
แอนนาเฝ้ามองลลนาด้วยความห่วงใย เอื้อมมือไปจับมือของลลนาอย่างปลอบโยน และเอ่ยถาม
"How long are you going to run away from your own feelings? If you love him, just admit it!"
"เธอจะหนีความรู้สึกตัวเองไปถึงเมื่อไหร่ รักก็รักสิ"
ไม่มีคำพูดใดอีกในท่ามกลางแสงสีสลัว สองสาวยกแก้วบรั่นดีออนเดอะร็อกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด ไม่นานลลนาก็เริ่มเบลอเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ส่วนแอนนายังพอมีสติอยู่บ้าง แต่ก็มึนเมาไม่ต่างกันมากนัก
แอนนาที่เริ่มเบลอเห็นร่างสูงใหญ่ของชายสองคนเดินตรงมาที่เธอกับลลนาที่เมาฟุบลงกับบาร์เรียบร้อยแล้ว เธอเขย่าแขนเพื่อนรักเบา ๆ
“ลิสๆ คนนั้นหน้าเหมือนคุณลุงเธอเลย หล่อเข้มจัง”
แอนนาพูดด้วยเสียงอ้อแอ้จากความมึนเมา
ลลนาเงยหน้าขึ้นอย่างมึนเมา สั่งบาร์เทนเดอร์ด้วยเสียงเบลอ “เหมือนเดิมสอง... ไหนๆ หน้าเหมือนคุณลุงฉันจริงเหรอ ไหนดูสิ” เธอพยายามเพ่งสายตาดู แต่เห็นเพียงเงาของชายร่างสูงที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ พลางหัวเราะเบาๆ อย่างไม่ได้สติ
ชายร่างสูงใหญ่ในชุดสูทหล่อเข้มเดินตรงเข้ามาหา ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธจัด ลลนากำลังจะยกแก้วเหล้าอีกแก้วที่สั่งมาขึ้นดื่ม แต่เขากลับแย่งแก้วนั้นจากมือของเธอ ดื่มรวดเดียวจนหมด ก่อนจะตวัดร่างเธอขึ้นอุ้มด้วยแขนที่แข็งแรง ลลนาพยายามจะดิ้นหนี แต่เธอทั้งมึนเมาและหมดเรี่ยวแรงที่จะขัดขืน ได้แต่ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นรัวในอ้อมแขนของเขา
ภาคินโกรธจนเกือบควบคุมตัวเองไม่อยู่ เมื่อได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนเจ้าของผับหรูว่าเห็นลลนาเมาหนักอยู่ที่บาร์ เขารีบบึ่งรถสปอร์ตหรูมาถึงอย่างไม่รอช้า เมื่อเจอกับเคน เจ้าของผับและเพื่อนสนิท เขาไม่พูดอะไรสักคำ เดินตรงไปยังบาร์ที่ลลนานั่งอยู่ ภาคินดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน อุ้มขึ้นอย่างง่ายดาย ราวกับน้ำหนักของเธอไม่มีผลต่อเขาเลย
ภาคินเดินเข้ามาที่บาร์อย่างรวดเร็ว เขาเห็นลลนานั่งเมาอยู่ที่บาร์ แขนแข็งแรงของเขาดึงเธอขึ้นและอุ้มเธอไว้แน่น ก่อนจะหันไปมองที่เคน
“เคน พาแอนนาไปส่งบ้านด้วยนะ”
เคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ดูตกใจนิดหน่อย แต่ก็พยักหน้า “ฮะ? ฉันน่ะนะ?”
“ใช่” ภาคินตอบ
………………………………………………………..
ภาคินพาลลนามาถึงบ้านในสภาพที่เธอเมาแทบไม่รู้เรื่อง เขาอุ้มเธอขึ้นไปที่ห้องนอนอย่างระมัดระวัง เมื่อถึงห้องเขาวางเธอลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้ลลนา เธอสะดุ้งเพราะความเย็นของผ้าและดิ้นไปมา ดวงตาของเธอปรือขึ้นมองเขา ก่อนที่เสียงโวยวายจะหลุดออกจากปาก
“ไปให้พ้น! ฉันไม่ต้องการ!” เธอพูดด้วยเสียงที่ยังอ่อนเพลีย
ภาคินพยายามควบคุมความรู้สึกของตัวเองอย่างใจเย็น เขาถอนหายใจและยิ้มบางๆ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ฉันแค่อยากให้เธอรู้สึกดีขึ้นหน่อยนะ ”
ภาคินเห็นลลนาเมาและโวยวายอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากดวงตาของเธอ เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี แต่เห็นเธอในสภาพนี้ทำให้ใจเขาหวิว เขารีบเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเธอ แต่เธอพยายามดิ้นรนและตีเขาไปมา
“ไปให้พ้น!” ลลนาโวยวาย ขณะน้ำตาก็ไหลพราก
ภาคินยิ้มออกมาอย่างอ่อนใจ เขาหยุดเช็ดหน้าเธอและวางผ้าขนหนูลงบนโต๊ะข้างเตียง เขาเดินเข้าไปใกล้ๆ และจับเธอเข้ามากอดในอ้อมแขนของเขาอย่างอ่อนโยน มือของเขาเริ่มลูบหลังของเธอเบาๆ และเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นในขณะที่ลลนาน้ำตาไหลไม่หยุด เธอรู้สึกทั้งเจ็บปวดและสับสนในความรู้สึกของตัวเอง เธอพยายามดึงตัวเองออกจากอ้อมแขนของภาคิน แต่เขายังคงกอดเธอแน่นและอ่อนโยน
“ไม่ต้องมาใกล้…” เสียงเธอสั่นเครือ “ไล่ฉันไปเองไม่ใช่เหรอ?”
น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความน้อยใจ ความเมาทำให้เธอไม่สามารถควบคุมคำพูดได้ ภาคินไม่ตอบ แต่เขายังคงกอดเธอไว้ เงียบและสงบใจ เขาหลับตาลงและสูดหายใจลึกๆ
“ลลนา… ฉันไม่เคยต้องการให้เธอรู้สึกอย่างนี้เลย” เขาพูดด้วยความอ่อนโยน “ฉันขอโทษที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าไม่มีความสำคัญ”
เขาใช้มือค่อยๆ ลูบหลังเธออย่างแผ่วเบาภาคินยิ้มอ่อนโยนเมื่อเห็นลลนาที่ร้องไห้และพยายามผลักไสเขาออกไป เขาดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอดอย่างอ่อนโยน มือใหญ่ของเขาค่อยๆ เช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธอด้วยความระมัดระวัง แม้เธอจะยังคงตีเขาและร้องไห้ แต่เขาก็ยังคงยิ้ม
“ไปให้พ้น…” ลลนาร้องไห้เสียงสั่น “อย่าเข้ามาใกล้”
แต่เขาไม่ยอมไปไหน สองมือของเขายังคงประคองใบหน้าสวยของเธอไว้
เขาประคองใบหน้างามที่เต็มไปด้วยน้ำตาไว้ด้วยมือใหญ่และอบอุ่น จูบลงที่ริมฝีปากของเธออย่างอ่อนโยน ก่อนจะเงยหน้าออกมา มองเข้าไปในดวงตาที่สั่นไหวราวกับกวางน้อยแสนน่ารักของเธอ ความอ่อนโยนในดวงตาของเขาสื่อสารความรู้สึกที่ลึกซึ้งออกมา
ภาคินโน้มตัวลงอีกครั้ง จูบของเขาครั้งนี้เต็มไปด้วยความเร่าร้อนและความปรารถนา เขาจูบเธออย่างดูดดื่ม ราวกับว่าต้องการให้เธอรู้สึกถึงความรักที่เขามีให้ เธอรู้สึกถึงความร้อนจากริมฝีปากของเขาที่เชื่อมต่อกับร่างกายของเธอ ทำให้เธอลืมเรื่องราวทั้งหมดรอบตัว
ลลนาที่เริ่มรู้สึกถึงความอบอุ่นและความจริงใจจากจูบของเขาค่อยๆ หยุดดิ้นและยอมรับความรู้สึกของตัวเอง มือที่พยายามจะดันเขาออกไปกลับเริ่มสัมผัสและประคองร่างของเขาไว้
ภาคินหยุดจูบและเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและการปลอบโยน เขาพูดด้วยเสียงเบาและอบอุ่น
“ฉันรักเธอ ลลนา และฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร”
………………………………………………………………………..
แสงที่ส่องเข้ามาผ่านม่านหน้าต่างทำให้ลลนาตื่นขึ้นมา สายตาของเธอยังคงพร่ามัวและปวดหัวแทบระเบิด ความรู้สึกเจ็บปวดและไม่สบายตัวทำให้เธอหรี่ตาเพื่อปรับสายตา
ภาพสุดท้ายที่เธอจำได้คือการเห็นชายร่างสูงใหญ่ในชุดสูทเดินตรงมาที่เธอ ใบหน้าของเขาช่างคล้ายกับคุณลุงของเธออย่างไม่น่าเชื่อ
ลลนาลงมาจากห้องด้วยสภาพที่ปวดหัวแทบระเบิด ภาคินนั่งจิบกาแฟอยู่ที่ชานบ้าน เขาหันมามองเธอแล้วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เป็นไงบ้าง? ปวดหัวมากไหม?”
ลลนาเดินไปหเขาเบลอๆ และตอบเสียงแหบ
“ค่ะ แต่… หนูกลับมาบ้านได้ยังไงคะเนี่ย?”
………………………………………………………………
แอนนาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกงัวเงีย ร่างกายของเธอเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าห่มอุ่น เธอพลิกตัวและมองไปข้างๆ พบว่ามีชายร่างสูงนอนอยู่ข้างๆ เธอพยายามดึงสติและรู้สึกถึงความละอายใจในใจ
“เอาอีกแล้วนะยัยแอนนา เมาภาพตัดอีกแล้ว” เธอคิดในใจ พร้อมกับความรู้สึกอึดอัดที่เพิ่มขึ้น “แล้วนี่หิ้วใครที่ไหนมานอนด้วยอีกเนี่ย”
แอนนาเริ่มลุกจากเตียงอย่างรีบร้อน พยายามที่จะหาชุดที่สวมใส่ให้เร็วที่สุด เธอรู้สึกถึงความร้อนที่ใบหน้า ขณะที่ก้าวออกจากเตียงและเตรียมตัวให้พร้อม พร้อมกับทิ้งข้อความสั้นๆ
ก่อนที่จะออกจากห้อง แอนนาหยิบเงินสดจำนวนหนึ่งจากกระเป๋าและวางไว้ที่หัวเตียง พร้อมกับเขียนข้อความสั้นๆ ทิ้งไว้
“ขอโทษนะ คิดว่าเงินเท่านี้น่าจะพอกับค่าตัวคุณนะคะ”
ก่อนที่จะหันหลังและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่รอให้ชายคนนั้นตื่น
…………………………………………………………………..
เคนหัวเราะลั่นเมื่อภาคินเล่าใจความสำคัญบางส่วนให้ฟัง แล้วกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความขบขัน
“นี่นายถึงขนาดลงทุนทำทุกอย่างขนาดนั้น แต่เธอกลับจำอะไรไม่ได้นี่นะ?”
เขาพูดขำขัน แต่แฝงด้วยความสงสัย
ภาคินนั่งหน้าขรึม รู้สึกถึงความหนักหน่วงของสถานการณ์ที่เขาต้องเผชิญ เคนมองเขาด้วยความสนใจ
“นายน่ะผ่านผู้หญิงมากี่คนแล้ว? แค่เด็กผู้หญิงคนนึง ทำไมถึงเป็นไปได้ขนาดนี้?”
เคนถามด้วยความรู้สึกที่ทั้งทึ่งและขบขัน
ภาคินทำได้เพียงเงียบ ไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะความจริงคือเขารู้ดีว่าความรู้สึกที่เขามีต่อลลนานั้นแตกต่างจากที่เขาเคยรู้จักในอดีต ความซับซ้อนและความหมายที่เธอนำเข้ามาในชีวิตเขานั้นไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำได้
เคนพูดอย่างหนักแน่น “เขามีแฟนแล้วนะ นายอย่าลืม”
ภาคินตอบด้วยเสียงเด็ดเดี่ยว “ มีได้ก็เลิกได้ ”