บทที่8 แบบนี้เรียกจีบรึเปล่า?
ภาพคุณหมอหนุ่มที่คุ้นหน้าเดินจับมือหญิงสาวแสนสวยออกจากห้องทำงานเป็นภาพที่แปลกตาสำหรับบุคลากรในโรงพยาบาลแห่งนี้ เพราะไม่มีใครเคยเห็นคุณหมอหนุ่มทำแบบนี้มาก่อนถึงได้รู้สึกแปลกตาและแปลกใจเป็นอย่างมากและหนึ่งในนั้นก็คือฟ้ารดาที่กำลังจะกลับบ้าน ภาพที่เห็นนอกจากสร้างความแปลกใจให้เธอแล้วยังสร้างความเสียใจให้เธออีกด้วย กุมารแพทย์สาวทอดสายตามองคนที่เธอรู้สึกพิเศษจนลับตาพลางขบคิดว่าเขาทั้งสองมีความสัมพันธ์กันแบบไหนกัน...คนรู้จักกันธรรมดาไม่จับมือถือแขนกันอย่างนั้นเป็นแน่
“มองไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกนะหมอฟ้า หมอเสือเขากำลังนอกใจเธอชัดๆ” เสียงพยาบาลสาวขี้อิจฉาเอ่ยขึ้น นางพยาบาลสาวไม่ชอบฟ้ารดาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงเยาะเย้ยและเสี้ยมกุมารแพทย์สาวในทางที่ผิด ฟ้ารดาหันหน้ามามองพยาบาลสาวก่อนจะเดินหนีอย่างไม่สนใจสร้างความโมโหให้พยาบาลสาวอย่างมากจนเผลอคิดในใจอย่างโกรธแค้น
‘ฉันจะทำให้เธออับอายให้ได้ฟ้ารดา หมอเสือเขากำลังนอกใจเธอแบบนี้คงเจ็บไม่น้อยฉันจะทำให้เรื่องนี้รู้ไปทั่วโรงพยาบาลเลย’
ด้านคนถูกมองว่านอกใจทั้งที่ไม่เคยคบยังคงจับมือมัณฑนากรสาวไม่ยอมปล่อยทั้งที่สาวเจ้าสะบัดก็แล้วจนในที่สุดแพรวารินทร์ก็หยุดเดินแล้วหันไปพูดกับผู้เป็นสามี
“คุณหมอไม่ต้องจูงก็ได้ แพรไม่หลงหรอก”
“พี่ไม่ได้กลัวหลงแค่อยากจับมือหนูแพรแค่นั้น” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกแต่ในใจกลับอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้จับมือหญิงสาวและเดินเคียงข้างกันมา อัตราการเต้นของหัวใจก็ผิดปกติไปเช่นกัน
แค่จับมือก็ใจเต้นขนาดนี้ ความรู้สึกมันไม่ได้จางหายไปเลย ชายหนุ่มลอบยิ้มยอมรับความรู้สึกข้างในจิตใจอย่างยินดี เพราะเขาเก็บความรู้สึกนั้นมาหลายปีทำให้ไม่แน่ใจว่ายังรู้สึกเหมือนเดิมอยู่หรือไม่การจับมือหรือใกล้ชิดกับอดีตเพื่อนน้องสาวคนนี้จึงถือเป็นการทดสอบความรู้สึกได้ดี ตอนนี้เขารู้แล้วว่ายังเหมือนเดิมแต่จะทำให้คนข้างๆรับรู้ด้วยนี้สิต้องทำไง
“อยากจับ? ถามจริงเถอะนี่หลังจากเดินตามพี่เมฆออกไปจากห้องของทรายเนี่ยหัวคุณหมอไปกระแทกอะไรรึเปล่าดูไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยนะ ให้คุณหมอเขาเช็กหน่อยมั้ยคะ?” แพรวารินทร์เอ่ยถามอย่างสงสัยกับพฤติกรรมที่ผ่านมาของหมอหนุ่มตั้งแต่ขอโอกาสจากเธอสิ่งที่แพรวารินทร์พูดทำให้หมอหนุ่มถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
“ฮะฮะฮ่า หนูแพรพี่เป็นประสาทศัลยแพทย์นะครับพี่รู้พี่ไม่ได้ป่วยหัวไม่ได้กระแทกอะไรด้วยแต่อยากลองดูว่าจับมือหนูแพรแล้ว...ตรงนี้มันรู้สึกยังไง” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกก่อนจับมือหญิงสาวยกขึ้นมาทาบอกข้างซ้ายมือบางที่ถูกยกขึ้นทาบอกแกร่งสัมผัสได้ถึงก้อนเนื้อที่เต้นรัวอยู่ภายใน โลกทั้งใบคล้ายมีเพียงเธอและเขาหากไม่มีเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น
“ไอ้เสือโลกนี้ไม่ได้มีแค่นายสองคนนะเพื่อน” ปัญจวัตรเอ่ยแซวเพื่อนรักความจริงเขาคงต้องกลับบ้านไปแล้วหากไม่ได้ยินข่าวลือที่แพร่สะพัดรวดเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่งจนต้องเดินมาดู
“ยังไม่กลับเหรอ?” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยถามเพื่อนรักแม้จะลดมือลงแล้วแต่ยังกุมมือหญิงสาวไว้แน่นด้านคนถูกกุมมือหาได้สะบัดออกได้แต่ปล่อยให้ชายหนุ่มจับไว้ในใจคิดหาคำตอบว่าในจังหวะที่มือบางสัมผัสอกแกร่งหัวใจของใครมันเต้นแรงกว่ากันแล้วทำไมใจเธอกับเขาถึงได้เต้นในจงหวะเดียวกันแบบนี้
“ก็ว่าจะกลับแต่ได้ยินข่าวลือที่แพร่เร็วยิ่งกว่า4G ก็เลยมาดู ที่แท้สาวที่หมอพงศ์พยัคฆ์จับมือเดินออกจากห้องทำงานก็คือน้องแพรนี่เอง กลัวน้องหลงรึไงวะเสือ?” ปัญจวัตรยังคงแกล้งแหย่เพื่อนรักและน้องสาวให้เขินไปข้างแต่เหมือนจะไม่สำเร็จเมื่อเพื่อนรักเปลี่ยนเรื่องอย่างทันท่วงที
“ไปห้องหนูทรายกันไอ้ปัญจ์ ไหนๆก็ยังไม่กลับมาเร็ว” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกก่อนจะเดินนำเพื่อนไปแต่มือก็ไม่ยอมปล่อยมัณฑนากรสาว ปัญจวัตรได้แต่ส่ายหน้าแล้วเดินตามไป
ห้องพักพิมพ์พิชชา
ก็อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนร่างของพงศ์พยัคฆ์จะเปิดเข้ามาภาพที่เห็นตรงหน้าสร้างความแปลกใจให้คุณสิงหา คุณหญิงพราวกะรัตและพิมพ์พิชชาเป็นอย่างมากและสร้างรอยยิ้มให้ทั้งสามได้ดีเช่นกันแม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ดูจากที่จับมือถือแขนกันมาแบบนี้ทั้งสามก็พอเดาได้ว่าต้องมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้นเป็นแน่
“หนูแพรบอกว่าเราอยากกินข้าวพร้อมพี่เหรอยัยตัวแสบ?” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยถามน้องสาวคำพูดของพี่ชายทำให้ดีใจจนแทบกระโดด เธอรู้สึกว่าเธอได้พี่ชายคนเดิมกลับมาแล้ว
“พี่เสือของทรายกลับมาแล้วมากอดหน่อย” พิมพ์พิชชาเอ่ยอย่างดีใจพร้อมทำท่ายกแขนอ้อนพี่ชายให้กอดเหมือนตอนเด็ก ๆ ด้าน “พี่เสือ” ก็จัดให้ตามคำขอเดินเข้าไปกอดน้องสาวก่อนจะผละออกแล้วหันไปยกมือไว้ผู้เป็นพ่อและแม่
“เสือขอโทษนะครับที่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวัง ต่อไปนี้เสือจะเป็นลูกที่ดี พี่ที่ดี และสามีที่ดีครับ” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยขอโทษผู้เป็นพ่อและแม่จากใจจริงสร้างความดีใจแก่สองสามีภรรยาเป็นอย่างมากที่ผ่านมาแม้จะเข้าใจว่าบุตรชายโกรธที่ปู่บังคับจนต้องประชดแต่ทั้งสองก็ไม่เคยเข้าใจว่าบุตรชายทำไมต้องนิ่งเฉยให้เวลากับงานมากกว่าครอบครัว
คุณสิงหาลูบไหล้ลูกชายก่อนจะพูดบางสิ่ง “เสือเป็นลูกที่ดี เป็นพี่ที่ดีมาตลอด ต่อไปนี้ก็ทำตัวให้เป็นสามีที่ดี แค่นี้พ่อกับแม่ก็ไม่มีอะไรต้องผิดหวังในตัวเสือแล้ว”
“เสือจะไม่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังครับ” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกพร้อมกับโผเข้ากอดคนเป็นแม่ที่อ้าแขนรออยู่แล้ว อ้อมกอดของมารดามันยังอุ่นเสมอแม้เขาไม่ได้สัมผัสมา9ปีเต็ม ๆ ที่ผ่านมายอมรับว่าเขาแทบจะไม่ได้เจอหน้าพ่อกับแม่เลยถ้าทั้งคู่ไม่เรียกพบอันเนื่องมาจากเขารีบออกมาทำงานและกลับดึกเพื่อจะได้ไม่ต้องพบหน้าแพรวารินทร์ให้ตัวเองต้องเจ็บปวด...มันช่างบ้าบอสิ้นดี เพียงเพราะทิฐิต่อปู่และความเข้าใจผิดเขาถึงได้เป็นลูกอกตัญญูได้ขนาดนี้
“เอ่อ...ซึ้งกันพอยังค่ะทรายหิวข้าว” พิมพ์พิชชาเอ่ยขึ้นขัดจังหวะซึ้ง ๆจนปัญจวัตรส่ายหน้าหันไปดุน้องสาวเพื่อนอย่างไม่จริงจังนัก
“โธ่ยัยตัวแสบพี่กำลังอิน หมดกันซึ้ง กันอยู่ดี ๆ หิวซะงั้นดูเพื่อนเราสิน้องแพร”
“แกนี่น๊า ยัยทรายมาหิวอะไรตอนนี้ แต่จะว่าไปฉันก็หิวเหมือนกันแหะ”
“ใช่มั้ยล่า เห็นมั้ยพี่ปัญจ์ไม่ได้มีแต่ทรายที่หิวยัยแพรยังหิวเลย” ปัญจวัตรถึงกับส่ายหัวเมื่อสองสาวรวมกำลังกันแกล้งตนพงศ์พยัคฆ์ คุณสิงหา และคุณหญิงพราวกะรัตถึงกับหัวเราะอย่างมีความสุข
“ขออนุญาติค่ะอาหารมาแล้วค่ะ”เสียงของพยาบาลสาวดังขึ้นหยุดบรรยากาศสุขสันต์ไว้
“มีแต่ข้าวต้มอ่ะทรายอยากกินอย่างอื่นได้มั้ยค่ะคุณพยาบาล” พิมพ์พิชชาเอ่ยถามพร้อมทำหน้าเบื่ออาหารตรงหน้าพยาบาลสาวส่ายหน้ายิ้มๆก่อนจะเอ่ยบอก
“ไม่ได้ค่ะคุณต้องทานตามนี้ค่ะ”
“แต่ทรายเบื่อนะคะคุณพยาบาลนะนะนะ” พิมพ์พิชชาอ้อนพยาบาลสาวอย่างน่ารักแม้จะไม่รู้จักกันจนคนเป็นพี่ต้องออกมาปราม
“อย่าใจอ่อนนะครับคุณปุ้มยัยตัวแสบเนี่ยร้ายนัก กินข้าวต้มไปก่อนนะหนูทรายเดี๋ยวผ่าตัดเสร็จหนูทรายอยากได้อะไรพี่หามาให้หมดเลยนะครับ”
พยาบาลสาวแทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยินสิ่งที่หมอหนุ่มผู้ได้ฉายาเสือยิ้มยากแสนเย็นชาประจำโรงพยาบาลเอ่ยเสียงนุ่มแถมไม่ติดเย็นชาเหมือนก่อน
“คุณปุ้มครับ หมอเสือไม่ใช่หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกนะครับไม่ต้องอึ้งขนาดนั้นก็ได้” ปัญจวัตรเอ่ยบอกพร้อมกับกลั้นหัวเราะอย่างสุดกำลังแหงล่ะถึงไม่ใช่นางพยาบาลสาวคนนี้คนอื่นก็ต้องมีอึ้งและงงกันล่ะ เพราะตั้งแต่ทำงานที่นี่บุคลากรในโรงพยาบาลไม่เคยได้เห็นเพื่อนรักยิ้มหรือพูดเสียงนุ่มรื่นหูจนได้ขนานนามว่าเสือยิ้มยากแสนเย็นชามาครอบครอง
“ก็มันแปลกนี่ค่ะหมอปัญจ์ ไม่ให้อึ้งไงไหว”
“ไม่แปลกหรอกครับคุณปุ้มที่นายเสือจะพูดแบบนี้กับคนในครอบครัว” ปัญจวัตรเอ่ยบอก บุคลากรในโรงพยาบาลส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ภูมิหลังของพงศ์พยัคฆ์สักเท่าไหร่เพราะหมอหนุ่มค่อนข้างเก็บตัวแถมยังเป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้าของโรงพยาบาลทำให้ไม่มีใครกล้าถามประวัติความเป็นมาของหมอหนุ่ม
“ครอบครัวเหรอค่ะจริงสิถึงว่าคนไข้นามสกุลคุ้นๆแต่หมอ...” ก่อนที่นางพยาบาลสาวจะถามต่อโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพอดีนางพยาบาลสาวจึงจำต้องขอตัวออกจากห้องไป
“หิวก็กินสิครับหนูทราย” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกน้องสาวส่วนตัวเองก็หยิบข้าวกล่องที่ได้สั่งให้คนเอามาส่งก่อนหน้านี้มาเปิดให้บิดามารดาและภรรยา กลิ่นอาหารลอยมาปะทะจมูกพิมพ์พิชชาจนอดเสียดายไม่ได้
“แพรแบ่งฉันมั้งดิ” พิมพ์พิชชาเอ่ยบอกเพื่อนสาวพร้อมทำหน้าอ้อน ๆ แพรวารินทร์ใจอ่อนกับเธอเสมอข้อนี้เธอรู้ดี
“เอาไปเลยมีแต่ผักมีประโยชน์คุณหมอคงไม่ว่า” แพรวารินทร์ยอมยกข้าวกล้องมาให้เพื่อนแล้วหันไปมองข้าวต้มปลาที่คงเป็นเธอที่ต้องทานมันลงไปทั้งที่ไม่ชอบแต่เพื่อเพื่อนเธอยอม แพรวารินทร์ยกถ้วยข้าวต้มมาที่โต๊ะพลางจะยกช้อนขึ้นตักแต่กล่องข้าวกล่องหนึ่งก็ถูกยื่นมาตรงหน้า
“กินนี่ดีกว่าครับ ส่วนข้าวต้มเนี่ยพี่กินเองส่วนหนูทรายพี่อนุโลมให้ครั้งเดียวนะครับปัญจ์มากินด้วยกันมั้ย” พงศ์พยัคฆ์เอ่ยบอกภรรยาและน้องสาวก่อนหันไปถามเพื่อนรัก
“ไม่อ่ะกลับดีกว่าสัญญากับม้าไว้ว่าจะกลับไปกินข้าวกับม้า” ปัญจวัตรเอ่ยบอกก่อนจะยกมือไหว้พ่อแม่เพื่อนแล้วออกไปอย่างสบายใจงานนี้มีหรือปัญจวัตรจะไม่บอกผู้เป็นปู่เล็กอย่างพ่อเลี้ยงพยัคฆ์
“เทคแคร์ดีนะพี่เสือ ทรายถามหน่อยสิ” พิมพ์พิชชาเอ่ยถามผู้เป็นพี่ทันทีหลังจากที่พี่ชายทำท่าจะเช็ดปากให้เพื่อนรัก
“ถามอะไร” มือหน้าที่ชะงักกลางอากาศเอื้อมไปเช็ดปากให้ภรรยาก่อนจะถามกลับแต่สิ่งที่น้องสาวถามกลับทำให้แพรวารินทร์ที่กำลังยกน้ำขึ้นมาดื่มแก้เขินถึงกับสำลัก
“ที่พี่เสือทำแบบนี้เรียกจีบรึเปล่าค่ะ”
“แค่ก ๆ”พงศ์พยัคฆ์หยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดปากแพรวารินทร์ก่อนจะหันมาตอบคำถามน้องสาวจนคนในห้องถึงกับยิ้มกับคำตอบยกเว้นแพรวารินทร์ที่ถึงกับช็อค
“จีบเหรอ? จะเรียกว่าจีบก็ได้มั้ง พี่กำลังจีบภรรยาตัวเองอยู่”