Chapter 1

7163 Words
ฉันชื่อ อเล็กเซีย บราวน์ หญิงสาวอายุยี่สิบห้าปีปลายๆ ที่มักมองโลกในแง่ดี เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ดึงดูดเพศตรงข้ามและมาพร้อมกับความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่แสนจะพิเศษนี้สถานการณ์ปัจจุบันกับบังคับให้อนาคตของฉันดูไม่สดใสเอาซะเลย และดูจะเยือกเย็นไปหน่อย ฉันนั่งอยู่ที่นี่อย่างมึนงงมันน่าเบื่อหน่ายจนแทบจะเป็นบ้า ถ้าฉันนับไม่ผิดฉันเชื่อว่านี่อาจเป็นนัดบอดครั้งที่ยี่สิบสำหรับฉันในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา เมื่อความเป็นจริงที่ต้องเจอมันช่างโหดร้ายและน่าเศร้า นั้นอาจเป็นเพราะว่าฉันคาดหวังมากเกินไปกับการนัดพบกันที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้ ทุกครั้งมันคือความซ้ำซ้อนและไร้ความหมายเหมือนกับทุก ๆ อย่างดูผสมปนเปกันไปหมดจนจำอะไรไม่ได้ และสิ่งที่ทำให้การนัดบอดวันนี้น่ารำคาญมากคือคนโง่ที่ไม่รู้ตัว ที่นั่งอยู่ตรงหน้าฉัน เขาคงทนทุกข์ทรมานมากเพราะเอาแต่คิดว่าตัวเองจะมาเป็นเจ้าของ ๆ ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้า และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าหล่อนก็ไม่มีทางที่จะปฏิเสธเขาได้ เขามักพร่ำบอกว่าภาพที่ฉันเห็นตรงนี้คือภาพของชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ไม่ว่าใครก็ไม่อาจต้านทานได้ หลงตัวเองจริง ๆ เขาคงหล่อที่สุดในโลกของเขาแหละ เป็นพวกไม่ยอมรับความจริง เป็นคนดีที่แสนดีที่หนึ่งในใจของตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย เราจะไม่พูดเรื่องความสูงที่เขาเตี้ยกว่าฉันเพียงไม่กี่นิ้วเพราะนี่อาจจะเป็นปมด้อยของเขา และสามารถเรียนรู้นิสัยของเขาได้ทันทีจากวิธีที่เขาปฏิบัติต่อพนักงานเสิร์ฟในร้าน รูปร่างหน้าตาโดยรวมของเขาดูเป็นค่าเฉลี่ยขั้นต่ำที่สุดที่ฉันเคยเจอมา จะเรียกให้ถูกคือคำว่า อึมครึม ไร้รสชาติ นี่ยังไม่นับรวมกับความเย่อหยิ่งที่มาพร้อมความหยาบคายที่น่ารำคาญ เขาคงลืมความอ่อนโยนและสุภาพไปแล้ว เหลือไว้ก็แค่สภาพทีแสนจะหดหู่เหมือนรสชาติเก่า ๆ ของเกลือกับพริกไทยที่หมดอายุบนโต๊ะอาหาร หลังจากฟังเขาพรั่งพรูเรื่องไร้สาระต่างๆ แล้ว ฉันก็ค้นพบว่า ระดับ IQ ของเขาแทบจะไม่ถึงเกณฑ์มาตราฐานเลยด้วยซ้ำ ถึงยังไงก็เถอะแม้จะมีข้อบกพร่องที่เห็นได้อย่างชัดเจน แต่เขาก็ยังใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างน่าประหลาดใจต้องบอกว่าเขามีความมั่นใจและบางครั้งเขาก็มั่นใจจนเกินไป อย่างเช่นว่า เราเพิ่งรู้จักกันแค่ชั่วโมงเศษๆ เขาโยนข้อเสนอเรื่องของเราและเห็นได้ชัดว่าฉันไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ พูดตามตรง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าเขากำลังคิดจะทำอะไร นี่อาจเป็นสถานการณ์ที่เขาคิดผิดเพราะมีเด็กชายร่างเล็กนั่งอยู่ระหว่างขาของเขา นั้นคือลูกชายของเขา? เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้ขาดอะไรที่สำคัญและไม่มีความน่าชื่นชมใด ๆ สำหรับสิ่งที่มันจะเกิดขึ้น เพราะเมื่อฉันเดินเข้าไปในร้านอาหารครั้งแรกเขาจ้องที่ร่างกายของฉัน แววตาของเขาสั่นไหวอย่างเร้าอารมณ์ ฉันเห็นได้ชัดเจนว่าเขาสนใจความงามและเรือนร่างของฉันเท่านั้น เรื่องทั้งหมดมันก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ ฉันมักจะได้รับการยกย่องว่า ร่างกายและตัวฉันเป็นยิ่งกว่าสินค้า เป็นผู้หญิงที่น่าดึงดูดมาก โปรดอย่าเข้าใจผิดนะเพราะฉันไม่เคยคุยโม้ โอ้อวดตัวเองและบอกว่าฉันสวยมากแค่ไหน ฉันแค่จะบอกว่า ฉันมักจะได้รับการยกย่องจากผู้อื่นเสมอ ในความเห็นของพวกเขาฉันทั้งสาว ทั้งสวยและน่าหลงไหลมาก ฉันไม่ได้แอบอ้างว่าตัวเองสวยเหมือนนางงามหรือนางแบบ แต่เมื่อเทียบกับผู้ชายคนนี้ ฉันสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่า ฉันเป็นทุกอย่างที่เขาอยากให้เป็นและอยู่ในกำมือของเขาอย่างง่ายดาย แต่เมื่อพวกเขาพูดว่า ความงามเป็นแค่เพียงผิวเผิน แม้ว่าภายนอกอาจจะดูสวยงาม ฉันเชื่อจริงๆ ว่ารูปร่างหน้าตาไม่ใช่ทุกอย่าง ในความคิดของฉันคุณค่าของคน ๆ หนึ่งสิ่งที่สำคัญกว่าคือสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจและสิ่งนั้นจะมีความหมายมากกว่าอย่างอื่น แม้ว่าคนงี่เง่าคนนี้จะไม่เชื่อมันก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะคิดเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่ควรแสดงมุมมองของเขาเกี่ยวกับผู้หญิงออกมาอย่างไร้ยางอายเช่นนี้ โดยเฉพาะการพบกันครั้งแรกของเรา อีกครั้งที่เขาเปิดเผยธาตุแท้ของตัวเองออกมา ฉันรู้สึกได้ถึงการแสดงออกอย่างฉับพลันและน่าตกใจบนใบหน้าของฉัน เมื่อฉันเริ่มพูดติดอ่าง “ฉัน- ฉัน ฉันขอโทษนะคะ แต่ฉันคิดว่าฉันต้องเข้าใจอะไรผิดแน่ๆ คุณเพิ่งพูดว่าเราควรแต่งงานกันหรอ? เขาตอบอย่างไม่ตั้งใจ ด้วยท่าทางที่น่ารำคาญและกระสับกระส่ายจนเกินไป “ไม่! คือ- คุณไม่ได้เข้าใจผิด ผมบอกว่าเราควรจะแต่งงานกันครับ” เขาตักพาสต้าแล้วยัดเข้าไปในปากโง่ ๆ ของเขา ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น เมื่อเขากลืนอาหารเขาบอกว่า “ผมรู้ว่าเราเพิ่งพบกันวันนี้และมันไม่ได้นานขนาดนั้น แต่ให้พูดตรงๆ เลยนะครับ คุณเป็นแม่ไก่สาวสวยและเซ็กซี่ที่สุด ที่ผมเคยออกเดทด้วย เพราะงั้นทำไมเราไม่ทำตามที่แม่คุณแนะนำล่ะครับ คุณต้องการแต่งงานและผมต้องการมีภรรยาอีกคน ถ้าผมจะต้องแต่งงานกับใครอีกสักคนหนึ่งผมก็แค่แต่งกับคุณ ไม่มีอะไรที่ผิดปกตินี่ ทุกอย่างลงตัวผมพูดถูกไหม?” ไม่อยากจะเชื่อเลย ตอนนี้ฉันรู้สึกได้ว่าพอได้ยินคำพวกนี้แล้วการแสดงออกของใบหน้าที่น่าตกใจของฉันก็ออกมาอย่างชัดเจนและบิดเบี้ยว นี่เขากำลังเหยีดหยามฉันอยู่ ฉันขมวดคิ้วและจ้องมองใบหน้าของเขาอย่างสงสัย “ไม่! ที่คุณพูดมันไม่ถูกต้อง สิ่งที่คุณพูดอยู่ไกลจากความเป็นจริงมากและมันไม่ควรเป็นแบบนั้นรึเปล่าคะ?” ใบหน้าของเขาแสดงออกอย่างโง่งมและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น “อะไร? ผมไม่เข้าใจ” ฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้เขา โอ้พระเจ้า ฉันตกใจและตอบไปว่า “ไม่! แน่นอนคุณต้องไม่เข้าใจ นอกจากใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงกับคุณตรงนี้ ฉันก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีอะไรต่อจากนี้กับคุณอีกค่ะ” ใบหน้าของเขาดูตกตะลึง “หือ?” มันตลกมากจนฉันอดหัวเราะไม่ได้ ฉันมองไปที่ดวงตาที่ว่างเปล่าของเขาและบอกกับเขาว่า “นี่คุณ ฉันขอพูดตรงๆ นะคะ คุณเป็นหนึ่งในคนโง่ที่โง่ที่สุดที่ฉันเคยพบมาและแม้ว่าเราจะไม่ได้รู้จักกันมานาน แต่ฉันแน่ใจว่าฉันไม่ต้องการที่จะเสียเวลากับคุณอีก และไม่ต้องพูดถึงอนาคตฉันไม่ได้อยากใช้ชีวิตร่วมกับคุณแน่นอน” ทันใดนั้นฉันก็ผลักเก้าอี้ออก ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว “ฉันจะจ่ายค่าอาหารสำหรับค่ำคืนนี้เอง เชื่อฉันเถอะค่ะ มันเป็นราคาเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการที่ฉันจะไม่ต้องเจอคุณอีก” ฉันเดินออกจากโต๊ะและกลับไปเผชิญหน้ากับเขา พร้อมพูดประโยคสุดท้าย “อ่อใช่ นี่เป็นคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของฉันนะคะ เพราะคุณดูเหมือนจะกระตือรือร้นเหลือเกินที่จะอยู่กับไก่สาวแสนเร่าร้อนในอนาคต ฉันขอแนะนำให้คุณไปซื้อกินที่แผงไก่ทอดน่าจะดีกว่า” ในที่สุดตั้งแต่ฉันมาถึงการนัดบอดในครั้งนี้ ฉันรู้สึกถึงความพึงพอใจเป็นครั้งแรก ตอนนี้ฉันสามารถจากไปด้วยความภาคภูมิใจ ในขณะเดียวกันก็รักษาศักดิ์ศรีที่เหลืออยู่ของฉันไว้ได้ ฉันรีบเดินด้วยเท้าของฉันตรงไปที่ทางออก และจดจ่อกับประตู ฉันชนมุมโต๊ะโดยไม่ได้ตั้งใจด้วยต้นขาของฉันจากนั้นฉันก็สะดุดขาเก้าอี้ที่ใครบางคนผลักออกมาเพราะต้องการที่จะยืนขึ้น ดวงตาของฉันปิดแน่นโดยสัญชาตญาณเพราะความเจ็บปวด ยิ่งกว่านั้นฉันรู้สึกได้ว่าฉันเริ่มล้มลงไปข้างหน้า ทันใดนั้นฉันรู้สึกว่าต้นแขนของฉันถูกจับไว้แน่น และถูกดึงกลับไปข้างหลังอย่างหยาบคายและล้มลงกับพื้น ร่างกายของฉันถูกห่อหุ้มไว้ด้วยบางอย่าง นั้นเป็นสิ่งที่ฉันรู้สึกได้เพราะตอนนี้ดวงตาปิดแน่นอยู่และฉันล้มลงไปพร้อมอ้อมกอดของผู้ชาย “โอ้-ย” ใบหน้าของฉันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจนฉันกัดริมฝีปากของตัวเอง ชายคนที่รับฉันไว้ยังคงกอดฉันแน่นในอ้อมแขนของเขา ฉันลังเลที่จะลืมตาขึ้นมาในสถานการณ์แบบนี้ แม้ว่าฉันจะไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าฉันรับรู้ถึงความอบอุ่นและความสบายใจจากอ้อมกอดของเขา จากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงที่ทุ้มต่ำของเขาและนั้นทำให้ฉันเหมือนถูกสะกดจิต “คุณผู้หญิง คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? บาดเจ็บตรงไหนไหม? คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?” โชคดีที่เขายังคงจับฉันอยู่ด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำราวกับถูกสะกดจิตนั้น มาพร้อมกับคำที่ห่วงใยมากมายของเขา ทำให้ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมันทำให้ขาของฉันไม่มีเรี้ยวแรง ดังนั้นระหว่างกอดแน่นหนาของเขาและเสียงที่มีเสน่ห์ราวกับว่าเขาใช้คาถา เพื่อยั่วยวนและครอบงำบางอย่าง ทำให้ฉันแทบจะเป็นลม ฉันไม่สามารถอยู่ตรงนี้ได้อีกต่อไป ฉันรู้สึกอัศจรรย์จริง ๆ ยิ่งกว่านั้นความคาดหวังนี้แทบจะพรากชีวิตฉันไปหมดแล้ว จากนั้นฉันก็ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ วินาทีนั้นความเชื่อมั่นทั้งหมดของฉันที่เคยคิดว่า รูปร่างหน้าตาไม่ใช่ทุกอย่าง ได้บินออกไปนอกหน้าต่างจนหมดแล้วในขณะนั้น ผู้ชายคนนี้หล่ออย่างไม่น่าเชื่อ เขามีใบหน้าที่สง่างามอย่างน่าอัศจรรย์ ใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความเป็นมิตร แต่ซุกซนเล็กน้อย รอยยิ้มที่มีเสน่ห์ และฉันไม่สามารถเพิกเฉยต่อลักยิ้มที่น่ารักบนแก้มของเขาได้เลย ร่างกายของฉันกลายเป็นสีแดง ยิ่งไปกว่านั้นคือใบหน้าของฉันก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็วมีบลัชออนสีกุหลาบจาง ๆ กระจายไปทั่วแก้มของฉัน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวละครในการ์ตูนอะนิเมะที่น่าจะมีวงกลมสีแดงขนาดใหญ่สองวงที่แก้มของฉันและดวงตาของฉันถูกแทนที่ด้วยหัวใจสีแดงสีชมพูสองดวง ฉันตัวแข็งเหมือนโดนสาปอยู่ในอ้อมแขนที่แข็งแรงของเขา ฉันรู้สึกทึ่งกับความงดงามที่หมดจดบนใบหน้าของเขาชั่วคราว หัวใจและสมองของฉันบอกให้ฉันกอดเขาแน่น ๆ และจูบเขาซะ แต่ทันใดนั้น อารมณ์ของฉันก็ถูกรัดคอทันที เมื่อฉันได้ยินเสียงของคนโง่ที่น่ารำคาญโพล่งออกมาจากข้างหลัง “นี่อะไรน่ะ! ผมเพิ่งยื่นข้อเสนอให้คุณว่าเราควรแต่งงานกัน แต่คุณดันอยู่ในอ้อมแขนของชายอีกคนแล้วหรอนี่คุณไม่ละอายใจบ้างหรอ?” ฉันตำหนิเขาด้วยสายตาที่เหยียดหยามและคมกริบราวกับฉันหวังว่าจะใช้มันเพื่อแทงใส่เขา จากนั้นฉันก็พูดออกไปด้วยนำเสียงที่แฝงไว้ด้วยการดูถูกเหยียดหยาม “สิ่งเดียวที่ฉันรู้สึกละอายใจ คือการตอบตกลงที่ออกมานัดบอดกับคุณและนั่งฟังข้อเสนอการแต่งงานทุเรศ ๆ ของคุณ พระเจ้า! ฉันรู้ว่าคุณยืนยันหนักแน่นกับข้อเสนอนี้ แต่แม้แต่เศษไม้ที่ลอยอยู่บนน้ำก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะตระหนักได้ว่าฉันได้ปฏิเสธความคิดนั้นไปอย่างสมบูรณ์และพัดคุณออกไปแล้ว” เราจ้องมองกันและกันด้วยความโกรธ ดวงตาที่เดือดเหมือนไฟของเราผ่อนคลายลง เมื่อฉันได้ยินเสียงไอของใครบางคน ฉันรู้สึกทึ่งกับเสียงทุ้มต่ำที่ถูกสะกดจิตอีกครั้ง สิ่งนี้ทำให้ความโกรธของฉันสงบลงทันทีและเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่งดงาม หัวเข่าของฉันเริ่มอ่อนแอลงอีกครั้ง ขอบคุณพระเจ้าที่ฉันยังคงกอดเขาไว้แน่นในอ้อมแขนของฉัน “คือขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ แต่เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหมสาวน้อย?” ฉันยังคงหน้าแดง ยิ่งกว่านั้นมันถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตื่นเต้น ฉันพูดติดอ่างอย่างประหม่า “ใช่ - ใช่ – ใช่ขอบคุณมากค่ะ” หัวใจของฉันกำลังเต้นแรงมันกระโดดโลดเต้นไปมาที่หน้าอกของฉันและฉันรู้สึกได้ว่าฉันกำลังอ้าปากค้าง พระเจ้า! ฉันหวังว่าฉันจะไม่น้ำลายไหลและความรู้สึกนี้คืออะไร แก้มของฉันรู้สึกเหมือนไฟไหม้ไม่แปลกใจถ้าหน้าจะแดงเหมือนกับสีของพริกที่สดใส “ยินดีครับ” เขาหยุดอยู่ครู่หนึ่งและจ้องมาที่ฉันด้วยดวงตาที่เย้ายวน พร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นมิตรและแสนซน และพูดว่า “ถ้างั้น เมื่อคุณสบายดีและไม่ได้อันตรายใดๆ ผมควรปล่อยคุณตอนนี้และลุกขึ้นยืนดีไหมครับ?” ฉันอึ้งเงียบไปสักพักและตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นฉันก็เป็นนิ่งเงียบไปเหมือนกับรูปปั่นอันศักดิ์สิทธิ์ บ้าจริงๆ ฉันจะต้องปล่อยผู้ชายคนนี้แล้ว แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่หล่อมากและกอดฉันไว้ในอ้อมแขน เขาเหมือนจะเวียนหัวกับสาวน้อยตรงหน้าอย่างฉัน แต่เขาก็ยังช่วยเหลือฉัน อีกครั้ง ฉันพูดติดอ่างอย่างประหม่า “ใช่- ใช่ ขอโทษค่ะ” ความตื่นเต้นที่เกิดจากสิ่งนี้ ก็ถูกแทนที่ด้วยความลำบากใจอย่างท่วมท้น ฉันหลุดพ้นจากอ้อมแขนของเขาอย่างรวดเร็วและรีบออกจากร้านอาหารไป ******** ฉันยืนอยู่ที่ประตูร้านอาหารมาเกือบสิบห้านาทีแล้ว เพื่อรอแท็กซี่ที่ฉันเรียกมันเป็นคืนที่หนาวเหน็บนี้ น่าเสียดายที่ฉันแต่งตัวสำหรับนัดบอดถึงมันจะเป็นวันที่ไร้ความหมาย ฉันก็แต่งตัวให้ดูดีและไม่ได้แต่งตัวให้รัดกุมมากนัก ฉันไม่สามารถสัมผัสกับสภาพอากาศเลวร้ายในฤดูกาลนี้เป็นเวลานานได้ จมูกและหูของฉันเริ่มกระตุกเล็กน้อยและรู้สึกเสียวซ่ามากขึ้น นิ้วของฉันเริ่มชาและยิ่งแย่ไปกว่านั้น ตอนที่ฉันวิ่งไปชนที่มุมโต๊ะเสื้อผ้าของฉันก็ฉีกขาด พร้อมกับรอยน้ำตาที่ไหลยาวที่ข้างโต๊ะ ขาขวาของฉันไปจนถึงส่วนบนของต้นขาสัมผัสกับลมหนาวที่พัดผ่านเป็นครั้งคราว ฉันไม่สามารถยืนรอแท็กซี่ท่ามกลางความหนาวเช่นนี้ได้ ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจไปที่ป้ายรถเมล์ที่อยู่เลยไปอีกสามช่วงตึก เมื่อฉันเดินลมก็พัดแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล้อมรอบร่างกายที่มอมแมมของฉัน ๆ เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นและอยู่ห่างจากป้ายรถเมล์ประมาณหนึ่งช่วงตึก อยู่ ๆ ก็มีรถมาจอดอยู่ข้างถนนอย่างช้า ๆ ฉันคิดว่ามันเป็นแท็กซี่ที่ฉันเรียกไว้ และไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้ว เพราะสิ่งที่ฉันต้องการทำตอนนี้คือหลีกเลี่ยงค่ำคืนที่แสนหนาวนี้ ฉันเปิดประตูผู้โดยสารด้านหลังทันทีและกระโดดขึ้นไปที่เบาะหลัง กระแทกประตูปิดและฉันบ่นอย่างหนัก “อย่างแรงเลยคือการนัดบอดที่แย่มากคืนนี้ เขามันพวกขี้แพ้ และฉันก็ติดอยู่ข้างนอกนี้ รอรถท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นเกือบครึ่งชั่วโมง ฉันจะบอกเคล็ดลับในการทำงานของคุณให้นะว่าคุณควรมารับผู้โดยสารให้ไวกว่านี้นะคะ” ฉันเริ่มถูมือของฉันอย่างหนักกับที่เป่าลมอุ่นในรถ พยายามทำตัวให้อบอุ่นและทำให้นิ้วที่มึนงงของฉันรู้สึกดีขึ้น ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณสำหรับเคล็ดลับของคุณนะแต่ผมว่ามันไม่จำเป็น แต่ผมต้องการให้เคล็ดลับดีๆกับคุณสักอย่าง บางทีในอนาคตหรือต่อไปคุณไม่ควรจะขึ้นรถของคนอื่นโดยที่ไม่ดูให้ดีซะก่อน ว่าใช้รถที่คุณกำลังรออยู่หรือเปล่า” ครู่หนึ่ง ฉันถึงรู้ว่านี่ไม่ใช่แท็กซี่ที่ฉันเรียกมองซ้ายและมองขวา จากนั้นจ้องที่กระจกมองหลังเพื่อดูว่าฉันสามารถเห็นใบหน้าของคนขับได้หรือไม่ ทันใดนั้นหัวใจของฉันก็ตื่นเต้นอีกครั้งนี่เป็นครั้งที่สองในคืนนี้ แม้ว่าฉันจะเห็นเขาเพียงครั้งเดียวในชีวิตของฉัน ฉันสามารถจดจำดวงตาคู่นั้นของเขาได้แม้จะมืดมิดแค่ไหน ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่กอดฉันไว้ในอ้อมแขนของเขาในร้านอาหาร ฉันรู้สึกว่าตัวฉันเริ่มอุ่นขึ้นทันที แหล่งความร้อนทะลักออกมาจากภายในร่างกายของฉัน อีกครั้งฉันกลายเป็นคนหน้าแดงและจากนั้นอึดอัดใจ ถ้าฉันทำได้ฉันจะขุดหลุมและฝังตัวเองไว้ข้างใน ฉันขอโทษอย่างรวดเร็วและอธิบายว่า “โอ้ ฉันขอโทษค่ะ ฉันไม่คิดว่าจะเป็นรถคุณ พอดีฉันเรียกรถแท็กซี่ก่อนหน้านี้แต่ไม่มาสักทีฉันเลยเดินมาเรื่อยๆ เพื่อไปรอที่ป้ายรถเมล์และรถของคุณก็มาจอดอยู่ข้างๆ ฉันเลยคิดไปเองว่ามันเป็นแท็กซี่ที่ฉันเรียกมาในคืนนี้” รอยยิ้มที่เป็นมิตรและซุกซนของเขาก็ปรากฏขึ้นทันที และจู่ๆ เขาก็อุทาน “โอ้ว คิดว่านั่นเป็นเหตุผลที่ดี ที่จะบอกว่าคน ๆ หนึ่งไม่สมควรสมมติอะไรขึ้นมาเอง และขึ้นมานั่งบนรถที่คุณไม่ได้เรียกมาและไม่ได้รู้จักเขา” ฉันซุกตัวกลับเบาะหลังอีกครั้งและต้องการขุดหลุมฝั่งตัวเอง ดวงตาของฉันค่อย ๆ ขยับลง ฉันพูดออกมาอย่างเชื่อง ๆ “ฉันขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะทำแบบนั้นจริง ๆ” มีช่วงเวลาสั้น ๆ ของความเงียบ ฉันจึงเงยหน้าขึ้นมองกระจกมองหลัง และเห็นเขายิ้มให้ฉัน “ไม่เป็นไร ผมแค่ล้อเล่นกับคุณเอง ผมขอโทษถ้าทำให้คุณอารมณ์เสียหรืออึดอัดใจนะ ผมไม่ได้ว่าอะไรเลยจริง ๆ” ฉันยังอึดอัดใจ แต่หลังจากได้ยินเขาพูดแบบนี้มันทำให้รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำพูดเหล่านั้นที่พูดออกมาดัง ๆ ด้วยเสียงทุ้มต่ำที่สะกดจิตใจของเขา ฉันอายที่จะพูดต่อ “ไม่ มันไม่สำคัญ ที่คุณพูดมาไม่ได้ทำให้ฉันอารมณ์เสียเลย สำหรับเรื่องพวกนี้ฉันเป็นคนที่ทำให้ตัวเองอับอาย ไม่ใช่คุณเลยค่ะ ฉันขอโทษนะคะมันเป็นความผิดพลาด ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ที่จะขึ้นรถของคุณและฉันคิดว่ามันเป็นรถแท็กซี่ที่ฉันรอ ขอโทษค่ะฉันทำให้คุณมีปัญหา คุณให้ฉันลงตอนนี้เลยก็ได้นะคะ ฉันจะลงรถไปเดี๋ยวนี้เลย” “ไม่ต้องขอโทษหรอก ไม่เป็นไรคุณไม่ได้ทำให้ผมเดือดร้อนอะไรไม่ต้องกังวล สิ่งเดียวที่คุณพูดและผมไม่เห็นด้วย คือให้คุณลงรถตอนนี้ ผมว่าผมคงจะปล่อยคุณไว้ที่นี่ไม่ได้ผมคิดว่ามันไม่ถูกต้อง เดี๋ยวผมจะขับรถไปส่งคุณที่บ้าน” ในความคิดของฉันคือ ทำไมคุณไม่พาฉันกลับบ้านล่ะ นี่เป็นสิ่งที่ฉันอยากจะพูด แต่ตรงกันข้ามฉันพูดว่า “ไม่ค่ะ ขอบคุณมากเลยแต่คุณไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น อย่างที่ฉันพูดคุณสามารถให้ฉันลงตรงนี้ได้ มันเป็นปัญหามากเกินไปที่จะขับรถพาฉันกลับบ้านและฉันไม่อยากให้คุณออกนอกเส้นทางของคุณ เพื่อมาส่งคนไม่รู้จักกันที่เพิ่งพบกันวันนี้” “โอ้ ดูที่คุณพูดสิผม คาลวิน สมิธ” “ฉันอเล็กเซีย บราวน์ค่ะ” “ดีใจที่ได้พบคุณนะครับ ไม่มีปัญหาเลยจริงๆ ผมยืนยันได้ เพราะงั้นบอกผมมาได้เลยว่าบ้านคุณอยู่ที่ไหน ที่อยู่ของคุณคือที่ไหนครับ” ฉันกระซิบอย่างลังเล “อืมถ้าคุณยืนยันแบบนั้น อืมมมันคือเบอร์ลิงตันอเวนิว 3 ถนนล่างค่ะ” ไม่สิ นี่เกิดอะไรขึ้นกับฉัน ฉันเพิ่งให้ที่อยู่ผิดกับเขาไปฉันประหม่ามากจริงๆ หรือเพราะอะไรนะ โอ้ สิ่งที่ได้ทำไปแล้วพูดออกไปแล้วมันสายเกินไปที่จะแก้ไขแล้ว แค่นี้ฉันก็อายมากพอแล้วไม่ต้องการให้ตัวเองดูเหมือนคนงี่เง่าที่ไม่รู้ที่อยู่ของตัวเองไม่สามารถบอกเขาได้ว่าฉันให้ที่อยู่ผิด ตลอดการเดินทางที่เหลือฉันยังคงนิ่งเงียบ ฉันหวังว่าฉันจะไม่ปล่อยให้ตัวเอง ทำอะไรโง่ๆ หรือดูเหมือนคนโง่ในสายตาของเขา ฉันอาจดูเหมือนแบบนั้น ฉันมักจะพบว่าตัวเองแอบมองเขาผ่านกระจกมองหลัง มองไปที่ริมฝีปากที่น่าหลงไหลและมีเสน่ห์ของเขาตลอดเวลา ฉันพบว่าตัวเองตื่นเต้น เมื่อจินตนาการของฉันเริ่มวิ่งวนอย่างบ้าคลั่ง ใจของฉันเต็มไปด้วยฉากเซ็กซ์ที่เร่าร้อนแบบในหนังโป๊ที่ฉันแอบดูเป็นครั้งคราว นอกจากนี้ฉันมักจะนึกถึงข้อความลามกอนาจารที่ชัดเจนในนวนิยายรักขยะที่ฉันอ่านอีกครั้ง อย่างลับๆ ไม่นานก่อนที่ฉันจะรู้สึกถึงริมฝีปากหวานของเขาลูบฉันเบา ๆ ร่อนราคะบนผิวสีแดงร้อนของฉันและทันใดนั้นความตื่นเต้นของความตื่นเต้นก็มาถึงร่างกายของฉัน หัวใจของฉันเต้นรั่ว ยิ่งกว่านั้นการหายใจของฉันก็เร็วขึ้น พร้อมกับมือร้อนที่จับและถอดกางเกงชั้นในอย่างบอบบาง แล้วสิ่งนั้นมันก็เกิดขึ้น หน้าอกของฉันเริ่มขึ้นและลง เมื่อส่วนยอดของฐานเนื้อขาวนวลของฉันแข็งและรู้สึกเสียวซ่า ข้อเท้าของฉันร้อนขึ้นอย่างช้าๆและเปียกชื้น เกิดอะไรขึ้นกับฉัน ใจเย็น ๆ สาวน้อยอเล็กเซีย ในไม่ช้า เขาหยุดรถตรงจุดที่เป็นที่อยู่ที่ฉันบอกเขาไป พร้อมด้วยการแสดงออกของใบหน้าที่ทั้งสงสัยและน่าสนใจบนใบหน้าของเขา เขายกรอยยิ้มที่เป็นมิตรและซุกซนที่มุมปากของเขา และถามว่า “นี่ถึงบ้านของคุณแล้วครับ คุณอาศัยอยู่ที่นี่หรอ?” ภาพข้างหน้าเป็นเซเว่นอีเลฟเว่นที่อยู่ใกล้เคียง หรือจะบอกมากกว่านั้นมันคือเซเว่นอีเลฟเว่นที่ฉันเคยมาทำงานนอกเวลาสมัยเรียนโรงเรียนมัธยม ฉันคิดว่านั่นเป็นเหตุผลที่ฉันบอกที่อยู่นี่ เพราะมันติดอยู่ในใจของฉัน เมื่อเขาถามที่อยู่ของฉันและฉันไม่ได้เตรียมตัวไว้ ทันใดนั้นที่อยู่นี้ก็ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่ตั้งใจ ฉันแค่ยิ้ม จากนั้นฉันก็พูดติดตลกอย่างหน้าด้าน “เมื่อฉันยังเป็นวัยรุ่นฉันอาศัยอยู่ที่นี่ค่ะ อย่างน้อยก็แม่ของฉันมักจะบอกฉันแบบนี้แหละ” เขาหัวเราะ “ผมเข้าใจ ก็เหมือนกับเกมคอนโซล” ฉันมาพร้อมกับข้อแก้ตัวที่สมเหตุสมผลอย่างรวดเร็ว เพื่อแก้ตัวความผิดพลาดโง่ ๆ ของฉัน หมายถึง มีใครบ้างที่จะไม่รู้ที่อยู่ของตัวเอง โชคดีที่ทันใดนั้นฉันก็คิดได้ว่า “ใช่ เกี่ยวกับเรื่องนี้ฉันขอโทษนะคะคาลวินเราเพิ่งพบกัน และฉันไม่อยากให้ที่อยู่บ้านของฉันกับคุณ หวังว่าคุณจะส่งฉันตรงนี้และไม่รุกรานพื้นที่ของฉัน ฉันเป็นผู้หญิงต้องระมัดระวังเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ ต้องปลอดภัยไว้ก่อนใช่ไหมคะ? นั่นฟังดูดีทีเดียว เขาควรเชื่อมันใช่ไหม? เขายิ้ม จากนั้นพยักหน้า “คุณพูดถูก ความปลอดภัยของผู้หญิงควรเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เธอควรทำทุกอย่างเพื่อปกป้องมันและผมก็ไม่ได้โกรธอะไร” ฟังดูดีมาก “ฉันดีใจที่คุณเข้าใจค่ะ” ใช่ เขาเชื่อมัน จากนั้น เขาหยอกล้อฉัน “อย่างไรก็ตามถึงอย่างนั้น ผมก็อยากจะบอกคุณว่า ก่อนที่คุณจะให้ที่อยู่ปลอมๆ ในการป้องกันความปลอดภัยของคุณ สิ่งแรกที่คุณควรทำคือ ไม่ขึ้นรถของคนแปลกหน้า ที่เป็นใครก็ไม่รู้ที่มาจอดรถอยู่ข้างๆ คุณ” เขาหัวเราะ ถ้าเขาเป็นคนที่น่าเบื่อที่ฉันนัดบอดด้วย แล้วพูดอย่างนั้นฉันจะตีหัวเขาอย่างแน่นอน แต่ดูสิว่ามันคือ คาลวิน สมิธ ฉันแค่ยิ้มและหัวเราะคำที่เขาพูด “ใช่ ฉันคิดว่าคุณพูดถูกมันเป็นวิธีที่ระมัดระวังและปลอดภัยมากกว่า” ฉันออกมาจากด้านหลังของรถ ยิ่งกว่านั้นฉันก็ถูกลมในฤดูหนาวพัดบาดไปที่ผิวหนังสีแดงของฉันทันที ฉันเริ่มตัวสั่น คาลวินสังเกตเห็นสิ่งนี้ในทันที จากนั้นเขาก็รีบลงจากรถและรีบมาหาฉัน เขายืนอยู่ข้างฉัน เขาถอดเสื้อโค้ทกันหนาวตัวยาวและหนาที่เขาใส่ แล้ววางไว้บนไหล่ของฉัน “ที่นี้ใส่นี้ ตัวคุณดูเหมือนถูกแช่แข็งไปแล้ว” ฉันประหลาดใจเล็กน้อยนั้นเป็นสัญญาณที่ดี ฉันเงียบไปพักหนึ่งแล้ว พูดเบา ๆ “ฉัน หนาวมาก ขอบคุณค่ะ” เขาจับแขนฉันลงไปในแขนเสื้อของเขา ติดหัวเข็มขัดจากด้านล่างถึงปุ่มปก นอกจากนี้ปลายทั้งสองของเข็มขัด ที่ติดอยู่กับเสื้อโค้ท ก็ถูกมัดเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา มันยาวพอที่จะครอบคลุมขาที่เปลือยเปล่าเกือบทั้งหมดของฉันที่เต็มไปด้วยหิมะ ฉันรู้สึกถึงความอบอุ่นทันที นอกจากนี้ขนแขนก็ยังตั้งอยู่ภายในเสื้อโดยสัญชาตญาณ คาลวินยิ้ม เขาแสดงรอยยิ้มที่เป็นมิตรและซุกซน มองมาที่ฉันจากบนลงล่าง เขาจ้องมาที่ฉันและดูเหมือนว่าเขาต้องการที่จะกินฉันอย่างตรงไปตรงมาความรู้สึกของฉันตอนนี้ ฉันยินดีที่จะให้เขาทำสิ่งนี้ “เสื้อโค้ทของผมเหมาะกับคุณมาก” “คุณคิดว่าไง” ฉันรู้สึกหน้าแดงโชคดีที่ข้างนอกหนาวและลมแรง ฉันหวังว่าเขาจะคิดว่ามันเป็นเพราะสภาพอากาศที่ทำให้ใบหน้าของฉันแดง “ขอบคุณนะคะ” “ผมต้องไปแล้ว กลับบ้านถึงบ้านอย่างปลอดภัยนะครับ” “ค่ะ ขอบคุณมาก คุณก็เช่นกัน” คาลวินเดินกลับไปที่นั่งฝั่งคนขับ ทางด้านหน้าของรถ ฉันรู้สึกตัวและเรียกเขาไว้ “ถ้าฉันใส่เสื้อโค้ทนี้กลับ ฉันจะคืนเสื้อให้คุณได้อย่างไรคะ” ครั้งสุดท้ายที่เขาแสดงรอยยิ้มที่เป็นมิตรและซุกซนกลับมาที่ฉันและพูดจาอย่างคลุมเครือ “ไม่ต้องห่วง เราจะเจอกันอีก ถึงเวลานั้นคุณค่อยคืนเสื้อโค้ทให้ผมก็ได้” และเขาก็ขึ้นรถและขับรถออกไปอย่างช้า ๆ ทิ้งฉันไว้ที่นั่น ด้วยอาการตะลึงเล็กน้อยและเมื่อฉันพูดออกมาดัง ๆ “เราจะได้พบกันอีกคุณหมายความว่าอย่างไร” พระเจ้าอย่าบอกฉันนะว่าเขาสนใจฉันจริง ๆ ฉันแอบดมไปที่เสื้อโค้ทของเขา คราวนี้ฉันได้กลิ่นผู้ชายที่เขาทิ้งไว้บนเสื้อโค้ท ฉันอนุญาตให้กลิ่นหอมหลอกหลอนจมูกของฉันมันทำให้ฉันเพลิดเพลินไปกับความสุขของกลิ่น จากนั้นฉันก็เริ่มเดินสองสามช่วงตึกสุดท้ายกลับไปที่บ้านของฉัน ระหว่างทางกลับ ฉันใช้เวลานั่งยอง ๆ ในเสื้อโค้ทของเขาและดมกลิ่นของเขาที่เย้ายวนมากขึ้น ******** สิ่งแรกเมื่อฉันกลับถึงบ้าน คือ โทรไปบ่นกับแม่ว่าเพื่อนที่ดีที่สุดของแม่ เลือกการนัดบอดครั้งนี้ได้ยังไงเพราะมันห่วยแตกและรสนิยมของเธอแย่มากในการเลือกผู้ชาย ฉันบอกไม่ถูกเลยว่าผิดหวังมากแค่ไหนและเมื่อฉันได้เจอกับคาลวินเหมือนฉันอยู่ในสวรรค์และเมื่อนึกถึงคนโง่ที่งี่เง่าเป็นจอมหยิ่งยโส มันทำให้อารมณ์ของฉันพุ่งขึ้นอีกสิบเท่า ฉันกำลังนอนอยู่บนเตียงมีความสุขเหมือนนกสกายลาร์ค นอนอยู่ภายใต้เสื้อโค้ทของคาลวินสวมมันเหมือนผ้าห่ม ดมกลิ่นที่เย้ายวนของชายหนุ่มและนึกถึงเรื่องลามกภายในใจของฉัน แต่ความสุขนี้ถูกขัดจังหวะอย่างหยาบคาย โดยเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของฉัน จากเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน แอนนี่ โจนส์ ส่งข้อความรบกวนบางอย่างให้ฉัน “อเล็กเซีย เธอนึกไม่ถึงแน่ว่าวันนี้ฉันเจอใครมา นังโสเภณีที่เป็นชู้กับสามีคนอื่น แอ๊บบี้ วิลเลียมส์” หลังจากได้ยินชื่อฉันก็ตกใจทันที ฉันผงะและตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ ปากของฉันเปิดออก แอ๊บบี้ วิลเลียมส์ เคยเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งวันหนึ่งเธอยอมรับกับฉันว่าเธอท้อง ยิ่งกว่านั้นพ่อของเด็กไม่ใช่คนอื่น มันคือคนรักของฉันในโรงเรียนมัธยม จอห์นนี่ อีแวนส์ ไม่เพียงแต่พบว่าเพื่อนที่ดีที่สุดและแฟนของฉันกำลังนอกใจ พวกเขานอนด้วยกันและยังตั้งท้อง ชายตาบอดที่ไม่กลับใจคนนี้บอกฉันอย่างไร้ยางอายว่า เขาจะไม่ปล่อยให้เด็กเกิดมาโดยไม่มีพ่อ ดังนั้น ได้โปรดให้ฉันอยู่เคียงข้างเขาและให้เธอเป็นแฟนใหม่อีกคนของจอห์นนี่ อีแวนส์ แต่ก็ยังมีสิ่งที่แย่ที่สุดอยู่ข้างหลัง เพราะดูเหมือนว่าสิ่งที่แอ๊บบี้เพื่อนที่ดีที่สุดของฉันทำไว้ คือสิ่งที่เธอทำไม่ได้ทำร้ายแค่ฉัน เมื่อเทียบกับความเสียหายที่ฉันได้รับจากจอห์นนี่มันไม่มีอะไรเลย คนที่ฉันเรียกว่าแฟนกับแอ๊บบี้เป็นคนที่แทงฉันข้างหลัง ลูกนอกสมรสพยายามที่จะปกป้องความรักของเขากับแอ๊บบี้ สิ่งที่น่ารำคาญและน่ารำคาญที่สุด บอกว่าเขานอนกับเธอเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอท้องมันเป็นข้อแก้ตัวที่ถูกกฎหมาย ที่จะยกเว้นเขาจากความรับผิดชอบต่อการกระทำของเขา แน่นอนว่ามีหลักฐานต่างๆ เขากล้าที่จะพูดออกมาเพราะแอ๊บบี้หลอกและนอนกับผู้ชายคนอื่น ๆ ที่โรงเรียนด้วย เขาไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเด็กเป็นลูกของเขาหรือไม่ แต่เนื่องจากแอ๊บบี้บอกว่าเธอแน่ใจว่าเป็นลูกของเขา เขาจะต้องรับผิดชอบการตั้งครรภ์ของเธอ แน่นอน ตอนนี้เขาต้องการแสดงความเป็นผู้ชาย ทำไมเขาจะไม่เคยเป็นผู้ชายมาก่อนและยังคงเป็นจริงที่ควรภักดีต่อผู้หญิงที่เขามีอยู่แล้ว แทนที่จะไปนอนกับอีตัวที่ไหน ฉันต้องหมกมุ่นอยู่กับความคิดของ วันเก่า ๆ ที่ไม่ดีและออกจากการสนทนา เพราะทันใดนั้นฉันก็ได้ยินแอนนี่ตะโกนทางโทรศัพท์ “สวัสดีอเล็กเซีย เฮ้ อยู่ไหมฟังอยู่หรือเปล่าอเล็กเซีย” “อืม ใช่ ฉันยังอยู่ที่นี่ เล่าต่อสิ” “เธออาจจะไม่เชื่อนะ เธอไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่ฉันเอ่ยชื่อนางนั้น เธอโอเคไหม?” “ไม่มี ไม่มีอะไร” ฉันไม่สามารถตอบได้อย่างมั่นใจว่า ใช่ ฉันสบายดี “ขอโทษนะฉันคิดว่า ฉันอาจจะฟุ้งซ่านเล็กน้อยเธอกำลังพูดถึงอะไร?” “ไม่มีอะไรจริง ๆ ฉันกำลังรอฟังว่าเธอจะพูดอะไร แต่เธอก็เงียบไป เธอแน่ใจหรือเปล่าว่าเธอสบายดี” ฉันพยายามปรับตัวเองอย่างรวดเร็ว หวังว่าจะฟังดูน่าเชื่อถือมากขึ้น “ฉันสบายดี จริง ๆ นะ มีอะไรที่เธออยากจะบอกฉันอีกไหม นอกจากจะได้เห็นนังสารเลวนั่น” ตอนนี้แอนยังคงนิ่งเงียบในขณะนี้ ก่อนที่จะลังเลที่จะเล่าให้ฉันฟัง “อืมม อืมม-อเล็กเซีย ฉันเกลียดที่จะต้องพูดถึงเรื่องนี้ในตอนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ฉันเพิ่งบอกเธอว่าฉันได้เจอกับใครวันนี้ แต่มีบางสิ่งที่ฉันคิดว่าฉันควรจะบอกเธอนะ” แอนนี่เงียบอีกครั้งและแม้ว่าฉันจะเริ่มรู้สึกถึงความกลัวที่แอบเข้ามา ยิ่งกว่านั้นฉันไม่แน่ใจจริงๆ ว่าฉันต้องการได้ยินสิ่งที่เธอพูด ความอยากรู้ของฉันถูกกระตุ้นอีกครั้ง “มันคืออะไรล่ะ” “ฉันได้ยินเขาเม้าส์กันว่า จอห์นนี่ อีแวนส์ จะกลับมาในเดือนหน้าแล้ว” ฉันผิดหวังมาก มันทำลายวันดีๆ ของฉันแฮตทริกรวดเดียวสามเกมติดต่อกัน ทั้งรถไฟนัดบอด ยัยแอ๊บบี้ วิลเลียมส์ และจอห์นนี่ อีแวนส์ หรือที่เรียกรวมกันได้ว่า พวกคนน่าเบื่อ นังสารเลว และไอ้ลูกนอกคอก ก่อนหน้านี้อารมณ์ของฉันดีมากฉันรู้สึกว่ามีความสุขเหมือนนกสกายลาร์กที่กระโดดโลดเต้นไปทั่วกับการเจอกันโดยบังเอิญกับคาลวิน สมิธ ชายหนุ่มหล่อเหลาและมีเสน่ห์ ตอนนี้มันหายไปอย่างรวดเร็ว ขอบคุณทั้งสามคนจริงๆ ฉันพบว่าตัวเองหายไปจากการสนทนาอีกครั้ง อันนี้มากกว่าครั้งก่อนและฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าฉันคุยกับแอนนี่ตั้งแต่วินาทีนั้น ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าฉันวางสายไปเมื่อไหร่หลังจากที่เราคุยกันเสร็จ ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าในที่สุดฉันก็ตื่นขึ้นมาบนเตียง เงยหน้าขึ้นมองเพดานด้วยท่าทางมึนงง ******** เช้าตรู่ในวันถัดไป แอนนี่ยังสนใจเรื่องการสนทนาเมื่อคืนนี้ กระตือรือร้นที่จะรู้ว่าฉันจัดการกับข่าวนี้อย่างไรและบุกเข้ามาในห้องนอนของฉัน “อเล็กเซีย ลุกขึ้นเพื่อนสาว” เมื่อคืนฉันแทบไม่ได้นอนเลย ใช้เวลาส่วนใหญ่พลิกไปพลิกมาบนเตียง เพิ่งนอนหลับประมาณครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ดังนั้นไม่จำเป็นต้องพูด ฉันยังคงไม่สนใจและไม่พอใจมาก ฉันบ่นด้วยเสียงแหบห้าวและรุนแรง ฉันดูเหมือนจะลุกขึ้นและมีช่วงเวลาที่ดี จนเธอบุกเข้ามาแบบหน่วย S.W.A.T แอนนี่พูดติดตลก ด้วยน้ำเสียง เร็วเกินไปที่จะมีความสุข “โอ้ คุณนายรัมเพลสติลสกิน นั้นดูเหมือนว่ามีคนตื่นขึ้นมาในเช้าวันนี้และนอนผิดเตียงนะคะ” ฉันรักแอนนี่จริงๆ แต่หลักจากที่ไม่ได้นอนมาทังคืนและเพิ่งได้ล้มตัวนอนหลับอย่างสบาย ฉันพบว่ามันยากที่จะรู้สึกถึงความรัก ยิ่งกว่านั้นฉันรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ดังนั้น ดวงตาของฉันยังคงปิดอยู่ และฉันบ่นอีกครั้งด้วยเสียงแหบห้าว อีกครั้ง ดูเหมือนว่าฉันจะลุกขึ้นแต่ฉันหันไปที่หมอนของฉันอย่างง่วงนอนและฝังศีรษะของฉันไว้ใต้หมอน ฉันกดปลายทั้งสองข้างลงบนที่นอนด้วยมือของฉันพยายามที่จะจมน้ำตาย พร้อมกับเสียงกรนปลอม ๆ ของแอนนี่ อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าไร้ประโยชน์ เพราะฉันได้ยินแอนนี่พูดพล่อย ๆ อย่างตื่นเต้นในเวลาไม่นาน “ดูเสื้อโค้ทผู้ชายข้างเตียงนี่สิ ดูเหมือนว่าการนัดบอดเมื่อคืนจะประสบความสำเร็จสินะ นี่ฉันคิดว่าในที่สุดเธอก็พบเจ้านาย ของเธอแล้วใช่ไหม ทำไมไม่เล่าให้ฉันฟังเรื่องเมื่อคืนนี้ล่ะ” อ้า ฉันคิดว่าเช้านี้ฉันนอนไม่หลับอีกแล้ว ฉันโยนหมอนออกไปอย่างหยาบคายและหันไปทางด้านหลังของฉัน จากนั้นฉันก็พยายามเปิดเปลือกตาน้อย ๆ ของฉันจ้องไปที่เพดานและพยายามตั้งสติกับบทสนทนานี้ พร้อมสลัดความเบลออกไปจากหัว จากนั้นฉันก็คำรามด้วยความโกรธ “ฮืมม ที่ฉันไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะมันห่างไกลจากคำว่าประสบความสำเร็จยังไงล่ะ ในความเป็นจริงมันเป็น แทยจะเป็นเศษซากของการนัดบอด ที่ล้มเหลวอย่างสมบูรณ์แบบนะสิ” “เฮ้ ฉันเสียใจที่ได้ยินแบบนั้นแต่มันแย่จริง ๆ หรอ” “เขายิ่งกว่าโทรลล์โสโครกที่หยิ่งยโส เป็นปมด้อยอย่างแท้จริง เขาบอกว่ากำลังมองหาภรรยาอีกคนและแนะนำให้ฉันแต่งงานกับเขาเพียงเพราะว่าฉันเป็นจะเป็นแม่ไก่ที่เซ็กซี่ที่สุดที่เขาเคยเดทมา โรคจิตที่สุด” “อ๊ะ เขาทำตัวเป็นไอ้ขี้แพ้จริง ๆ แย่มาก” “ฉันรู้ ใช่ไหมล่ะ?” แอนนี่ปิดริมฝีปากของเธอให้แน่นเป็นเส้นบาง ๆ จากนั้นบอกฉัน “ฉันเห็นใจเธอนะสาวน้อย ฉันคิดว่าแม่ของเธอใจร้อนเกินไปและให้เธอได้เจอผู้ชายที่แต่งงานแล้ว” “ใช่ เรื่องทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณแอ๊บบี้ วิลเลียมส์สำหรับ ตัวอย่างของแม่ แบบแม่เป็นยังไง ลูกก็จะเป็นแบบนั้น” แอนนี่รู้ดีว่าฉันหมายถึงอะไร จากนั้นพยักหน้าอย่างรวดเร็ว อย่างที่พวกเขาพูดว่า ลูกแอปเปิ้ลไม่ตกไกลต้น ไม่กี่ปีที่ผ่านมาแอ๊บบี้ วิลเลียมส์ เอามีดมาข้างหลังฉันและเอาแฟนของฉันไป แม่ของแอ๊บบี้แอบมีความสัมพันธ์กับพ่อของฉัน แน่นอน ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยเมื่อฉันเป็นเพื่อนกับแอ๊บบี้ในครั้งแรก ไม่น่าแปลกใจที่แม่ของฉันไม่เคยชอบให้ฉันเป็นเพื่อนกับแอ๊บบี้ มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและบอบบางมากเรื่องพวกนี้ ทำให้ฉันระวังตัวจากเธอหรือดีกว่าด้วยการจบมิตรภาพของฉันกับเธออย่างสมบูรณ์ แต่เมื่อฉันเป็นเพื่อนกับแอ๊บบี้ แม่ไม่เคยดูถูกแอ๊บบี้โดยตรง ไม่ได้บอกเรื่องของพ่อกับแม่ของเธอให้ฟัง อย่างไรก็ตามหลังจากแอ๊บบี้และจอห์นนี่แอบนอนด้วยกัน แม่บอกเรื่องสกปรกทั้งหมดกับฉัน อธิบายว่าสิ่งเดียวที่เธอไม่ได้บอกฉันก่อนหน้านี้ก็เพราะเธอต้องการไม่อยากให้แอ๊บบี้รู้เกี่ยวกับเรื่องทุเรศพวกนี้ ยิ่งไปกว่านั้นฉันไม่ต้องการตัดสินเธอจากแม่ของเธอที่ผิดประเวณีเพราะแม่ของเธอทำตัวเป็นโสเภณีที่แย่งสามีของคนอื่น ฉันคิดมาตลอดว่าแม่น่าจะบอกฉันก่อนหน้านี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ถูกแทงข้างหลัง จากคนที่ฉันเรียกว่าเพื่อนที่ดีที่สุดและแฟนของฉัน เขานอกใจฉันใครจะรู้บางทีฉันอาจจะหยุดไม่ให้มันเกิดเรื่องนี้ขึ้นก็ได้ หรืออาจจะไม่ ใครจะรู้ล่ะ สิ่งหนึ่งที่ฉันค่อนข้างแน่ใจนั่นคือ แม่ของแอ๊บบี้และพ่อของฉัน สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างแอ๊บบี้กับฉัน อาจเป็นสาเหตุเพราะแม่ของฉันหมกมุ่นอยู่กับแรงผลักดันที่จะให้ฉันได้พบกับผู้ชายที่ดีและแต่งงานกับเขา “ดีแล้ว ดังนั้นบอกฉันเรื่องนี้สิ” แอนนี่หยิบเสื้อโค้ทขึ้นมาแล้วถามด้วยรอยยิ้มซุกซนที่มุมปากของเธอ “เกิดอะไรขึ้นกับเสื้อโค้ทนี้ที่นี่ ฉันเดาว่าตั้งแต่เมื่อคืนเธอบอกว่าเบื่อกับการนัดบอดนี่ นี่คงจะไม่ใช่ของเขาใช่ไหม?” ฉันพยักหน้า เธอถาม “อย่าบอกนะว่านี่ไม่ใช่ของเขา ใช่ไหม!” ฉันพยักหน้าอีกครั้ง เธอถาม “แล้วมันเป็นของใคร?” ฉันยังคงนิ่งเงียบ เมื่อการเผชิญหน้าในระยะเวลาสั้น ๆ และน่าจดจำของฉันกับคาลวินหลั่งไหลเข้ามาในใจของฉันและฉันก็รู้สึกได้ถึงรอยยิ้มอันยิ่งใหญ่บนใบหน้าของฉัน ฉันเกือบจะแน่ใจว่าฉันต้องหน้าแดง ตอนนี้แอนนี่แสดงรอยยิ้มซุกซนขนาดใหญ่ จ้องมาที่ฉันด้วยดวงตาที่สดใส “ดูจากหน้าตาของเธอตอนนี้ เสื้อโค้ทนี้อาจเป็นของ--” แอนนี่รีบเข้ามาใกล้ฉันและกระแทกตัวเธอกับฉัน ในเวลาเดียวกันเธอก็ตะโกน “แฟนของเธอใช่ไหม?” แม้ว่าในช่วงเวลาสั้น ๆ ของเรา ฉันไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติกับเขา มันเร็วเกินไปที่จะบอกว่าเขาจะมาเป็นแฟนของฉัน ใช่ แต่แน่นอนฉันไม่ได้ออกกฎความเป็นไปได้นี้ กล่าวคือ ไม่ใช่เวลาที่จะพูดคุยเรื่องนี้กับแอนนี่ ฉันพยายามเปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็ว เมื่อฉันกระโดดขึ้นจากเตียง “คุณพระช่วย มันสายมากแล้ว ฉันควรรีบเตรียมตัวไปทำงานแล้วเธอไม่ต้องไม่ทำงานหรือไง?” ฉันดูออกว่าเธอรู้ ว่าฉันกำลังเบี่ยงประเด็นของฉันอยู่ แอนนี่ให้ฉันดูหัวใจ ยิ้มแย้มแจ่มใส “โอเค ฉันคิดว่าเธอกำลังเลี่ยงตอบคำถามของฉันอยู่ แต่วันนี้ฉันไม่ต้องไปทำงานลาหนึ่งวัน เพราะแม่กับพี่ชายจะแวะมาหานะ” “โอ้ จริงหรอดีจัง อย่าลืมทักทายพวกเขาแทนฉันด้วยนะ” ฉันไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อหาชุดสูทและ “แน่ใจนะว่าเธอจะมีความสุข ไม่ต้องกังวลกับพวกเขาให้มากเกินไป อย่าให้อะไรกับพวกเขา ควรจะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหารายได้และทำมาหากิน” แอนนี่ยิ้มอย่างซุกซน “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ทำหรอก” ฉันหัวเราะคิกคัก “ฉันเชื่อว่าเธอจะไม่ทำ” แอนนี่เลียริมฝีปากของเธอ จากนั้นก็จูบมาที่แก้มฉัน “รักเธอนะ” “ฉันก็รักเธอเหมือนกัน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD