“ไปอาบน้ำได้แล้ว”
“ใครๆ เขาก็คงคิดว่ามึงกับกูมีอะไรกันแล้ว” ฉันพูดเสียงเบา
“มึงแคร์อะไรวะ คนพวกนั้นมานอนเตียงเดียวกับเราหรือไง” มันโยนผ้าขนหนูใส่หัวฉันแล้วเดินไปหยิบผ้าผืนเล็กขึ้นมาเช็ดหัวที่เปียกชุ่มของตัวเอง เห็นแล้วก็รำคาญลูกตาทุกครั้ง
“เอามานี่ บอกให้เช็ดให้เรียบร้อยก่อนออกมาจากห้องน้ำ พื้นแฉะหมดแล้ว” ฉันแย่งผ้าขนหนูผืนเล็กไปมาจากสัวแล้วกดไหล่กว้างให้นั่งลง
“ถ้าเช็ดในนั้นมึงก็จะไม่ได้บ่นกูไง”
“แต่กูก็ไม่ได้อยากเป็นขี้ปากใครไง”ฉันเปลี่ยนกลับมาเรื่องเดิม
“ต่อไปนี้ใครจะพูดอะไรก็ช่างแม่งเพราะเป็นแฟนกับกูแล้ว” มือที่กำลังยีผ้าขนหนูชะงัก
“เรากำลังทำอะไรกันวะ”
“คบกันไง” มันดึงมือของฉันออกแล้วลากฉันมายืนข้างหน้าแทน
“มึงชอบกูเหรอ” ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะถามคำถามนี้กับเจ้าสัว
“อือ”
“ฮะ เอาดีๆ”
“กูจริงจังกับทุกเรื่องและทุกเรื่องก่อนที่กูจะจริงจังก็ต้องมีเหตุผลเสมอ”
“........” ฉันยืนนิ่งแล้วก้มหน้าลงมามองเจ้าสัว
“กูไม่รู้ว่าคิดกับมึงเกินเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่” เจ้าสัวเปิดปากสารภาพ
“แกล้งกูปะเนี่ย”
“กูจะแกล้งมึงเพื่ออะไร” ฉันเริ่มไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้วสิ มันอันตรายและล่อแหลมเกินไป
“ปล่อยก่อน”
“กลัวอะไรวะ กลัวโดนเอาหรือไง”
เพลี้ยะ!
ฉันฟาดมือลงบนต้นแขนของมัน
“ไอ้สัว ลามก” เจ้าสัวหัวเราะแล้วรวบฉันเข้ามากอดพร้อมกับซุกใบหน้าลงที่พุงของฉัน
“ลามกอะไร เป็นแฟนกันก็ต้องเอากันดิวะ”
“สัวมึงปล่อยกูเลย เดี๋ยวนี้” ฉันพยายามดิ้นแต่ว่าแรงเจ้าสัวไม่ธรรมดาเลย
“กลัว?”
“เออ ทีนี้ปล่อยได้ยัง” ฉันไม่คิดว่ามันจะจริงจังแล้วพูดจาลามกแบบนี้ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนยิ่งกว่านี้เป็นพันเท่าแต่โหมดนี้ฉันไม่ชิน
“ยังไม่ปล่อย เกี๊ยว”
“อะไร”
“กูชอบมึง จริงๆ นะ”
“เออ รู้แล้วไงพูดอยู่นั่น”
“กูเพิ่งพูดมั้งรู้สึก ถ้ามึงรู้สึกอายก็แสดงว่าต้องมีใจให้กูบ้าง” ใช่ ตอนนี้ฉันเขินแล้วก็อายมากๆ ด้วย ผู้ชายบอกชอบใกล้ชิดขนาดนี้ ใครไม่อายบ้าง
“เปล่าสักหน่อย”
“หน้ามึงแดง” ฉันไม่สามารถหลบหน้าไปไหนได้เลยเพราะถูกมันกอดเอาไว้แน่นแถมยังเงยหน้าขึ้นมามองตาไม่กะพริบอีกด้วย
“เลิกแกล้งได้ละ”
“มึงเป็นแฟนกูแล้วนะ พรุ่งนี้ไปซื้อของเข้าห้องกัน” ไม่ได้หูฝาดใช่มั้ย ร้อยวันพันปีเคยอยากไปเดินซื้อของที่ไหน
“ไม่ กูรำคาญคนขี้บ่น”
“จะไม่บ่นแล้ว” ฉันไม่เชื่อมันหรอก คราวก่อนนู้นเดินซื้อของยังไม่ทันครบก็ร้องปวดขาขี้เกียจเดิน เมื่อย อึดอัด สารพัดจะอ้าง
“อย่าพยายาม อะไรที่ไม่เป็นตัวเอง อย่า”
“งั้นก็ มานอนดูหนังเอ็กซ์กัน”
เพลี้ยะ!
“เกินไปละ ดูคนเดียวไปเลย ปล่อยได้แล้วจะอาบน้ำ” บอกแล้วไงว่าความลามกจกเปรตของมันมีมากเป็นพันเท่า
“ถ้าดูแล้วมันมีอารมณ์?”
“ก็ทำเหมือนที่มึงเคยทำไง”
“มึงแอบฟังกู” ฉันรีบหันหน้าหนี สามร้อยหกสิบห้าวันมานอนด้วยกันสามร้อยหกสิบสี่วัน บ้านช่องไม่กลับเพ้นเฮ้าท์ไม่อยู่ มีอะไรอีกบ้างที่ฉันยังไม่รู้ ไม่มีเลยสักอย่าง
“กูได้ยิน ไม่ได้แอบฟัง”
“ได้ยินแล้วรู้สึกยังไง”
“อย่ามาโรคจิต”
“กูไม่ได้โรคจิตเรี่ยราด โรคจิตแค่กับมึงคนเดียว”
พอพูดจบมันก็ยอมคลายอ้อมแขนทั้งสองข้างออกแล้วเอื้อมมือมาดึงผ้าขนหนูผืนเล็กไปจากมือฉันเช็ดผมของตัวเองต่อ ทำให้ฉันยืนงงไปชั่วขณะ “งงอะไร ไปอาบน้ำสิ”
ฉันรีบหันหลังแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ไม่อยากมองใบหน้าเจ้าเล่ห์นั่นนาน ทำไมรู้สึกเหมือนไม่ใช่เจ้าสัวคนเดิมเลย มันกินอะไรเข้าไปหรือเป็นเพราะสถานะที่เปลี่ยนไปคนก็เลยเปลี่ยนตาม
ฉันนอนแช่อ่างจากุชชี่ในห้องน้ำของเจ้าสัว รู้สึกสบายและผ่อนคลายแบบสุดๆ สมราคาของอ่างนั่นแหละ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสัวมีเพ้นเฮ้าท์ราคาแพงตาแตกขนาดนี้ เป็นถึงลูกชายมาเฟียมีกิจการใหญ่โตครอบคลุมทั้งประเทศ รวยตั้งแต่เกิดเป็นแบบเองสินะ
พรึ่บ!
อยู่ๆ ไฟก็ดับทำให้ฉันทั้งตกใจและกลัวก็เลยเปล่งเสียงกรี๊ดออกมาแบบสุดพลัง
“กรี๊ดดดดดดดด”
“เกี๊ยว เกี๊ยว” ฉันรีบวิ่งออกจากอ่างโดยไม่รู้ทิศทางเลยว่าประตูอยู่ตรงไหน หลงทิศไปแล้วเพราะสติแตก ได้ยินเสียงเจ้าสัวเรียกอยู่ด้านนอกก็พออุ่นใจแต่ว่าฉันไม่ได้เอามือถือเข้ามาด้วยนี่สิ
“สัว มึงขายที่นี่ทิ้งเลยนะ ราคาแพงแต่ไฟยังดับมึงไม่ควรอยู่ต่อแล้วนะ” ฉันกลัวจนฉี่จะราด ปากก็บ่นเจ้าสัวไม่หยุดมือก็คลำหาทิศทางว่าเสียงมาจากตรงไหน
“มึงตั้งสติก่อนเกี๊ยว ฟ้าผ่าระบบมันก็เลยรวนไปหมด” อ่างดูดวิญญาณทำให้ฉันไม่สนฝนฟ้าข้างนอก ที่เพ้นเฮ้าท์นี่ดีอย่างหนึ่งคือตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้เป็นอย่างดี แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากอยู่เงียบๆ ไอ้สัวกรุณาตะโกนดังๆ ให้ได้ยินเสียงตลอดเวลาที
“มันก็ควรมีระบบป้องกันหลายๆ ชั้นสิวะ”
“กูรู้มึงกลัว ใจเย็นๆ” หัวใจฉันทำงานหนักมาก วันนี้เป็นวันอะไรจะหมดวันอยู่แล้วยังซวยไม่เลิก
“ห้องน้ำมึงมีผีมั้ยเนี่ย บอกมันเลยนะอย่ามาหลอกกู ไม่งั้นกูจะตายแล้วไปตบมัน” ฉันสติแตกไปแล้วแม้ว่าเสียงคนข้างนอกเปรียบเสมือนน้ำเย็นก็ตาม
“กูบอกให้ตั้งสติ”
แกร็ก!
“ว้ายยยย” อยู่ๆ ประตูก็เปิดเข้ามาฉันหงายหลังเพราะยืนเกาะประตูท่าจิ้งจกอยู่
“หยุดโวยวาย” ฉันเงียบเมื่อเจ้าสัวดึงฉันเข้าไปกอด หัวใจมันเต้นเร็วมากไม่ต่างจากฉันเลย
“ก็กูกลัว” ไฟยังไม่ติดเมื่อกี้ระบบไฟคงรวนอีกรอบ ดีแล้วฉันได้ออกจากห้องน้ำนี่สักที
“รู้แล้วว่ากลัว”
“กูแก้ผ้าอยู่ ปิดตาด้วยนะ”
“ไฟดับอยู่” เออ ใช่ ไฟดับอยู่
ติ๊ง!
แล้วอยู่ๆ ไฟในห้องก็สว่างวาบ ระบบทุกอย่างทำงานตามปกติ แล้วฉันที่ยืนเปลือยกายกอดกับผู้ชาย
“อื้อ” ฉันกำลังจะกรี๊ดอีกรอบแต่เสียงไม่มีเพราะถูกปิดปากด้วยริมฝีปากของคนตัวสูง เนิ่นนานกว่ามันจะยอมปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ
“มีสติขึ้นหรือยัง ถ้ากรี๊ดอีกมึงโดนมากกว่าจูบแน่”
_______________