“อร่อย มึงไม่กินเหรอ”
“มึงนี่มันจริงๆ เลยนะ ที่อีออสตินโผล่ไปไม่ใช่บังเอิญใช่มะ”
“มึงก็รู้ไอ้ออสตินมันเที่ยวทุกวัน”
“บังเอิญไปปะ”
ออสตินคือเพื่อนในกลุ่มที่เมาได้ทุกวัน เมาแบบตัวพ่อ ตัวบิดา อะไรแบบนี้ ผู้ชายกลุ่มนี้ไม่ได้มีแค่ออสตินหรอกนะ
“ไอ้เจก็ไป มึงไม่เห็นเอง”
เจก็เป็นอีกคนที่ชอบสังสรรค์ ร่ำสุราเคล้านารีเป็นกิจวัตรประจำวัน
“อย่าบอกอีกนะว่าไอ้เพทายก็ไป”
“ไอ้เพทายติดหญิง”
เพทายเจ้าชายอบอุ่นที่อ่อนโยนกับผู้หญิงทุกคนบนโลก ยกเว้น กูค่ะ
“กินเสร็จแล้วก็เก็บให้ด้วย ล้างให้ด้วยจะดีมาก กูง่วงแล้ว” ภารกิจล้มเหลวเพราะมีไอ้พวกทรงอย่างแบดตามไปรังควาน นี่แหละคือข้อเสียของการมีเพื่อนเป็นผู้ชายแต่ข้อดีมีเป็นร้อย ฉันถึงได้ยอมพวกมันทุกครั้ง ให้อภัยเพราะพวกมันคือเพื่อนที่จริงใจและดีที่สุด
“เป็นห่วงหรอกถึงได้ตามไป”
“เออ รู้แล้ว” มันไม่ได้พูดอะไรต่อก้มหน้ากินบะหมี่ในชามต่อโดยไม่สนใจฉันอีก
ฉันเข้ามาอาบน้ำเตรียมนอน สักพักไอ้สัวก็เดินตามเข้ามา
“กูไม่อาบน้ำแล้วนะ”
“นอนข้างนอก” คอนโดของฉันไม่ได้ใหญ่โตเหมือนของพวกมันแต่ก็ไม่ได้คับแคบจนทำให้อึดอัดเป็นมรดกตกทอดจากเจ้หมวยพี่สาวของฉันเอง นางไปต่อโทเมืองนอกฉันก็เลยหอบผ้าผ่อนมาอยู่แทน
“ปวดหลัง”
“เหม็นเหล้า เหม็นบุหรี่ ไปเอากับใครก่อนมาหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ก็มาด้วยกันเปล่าวะ”
“ก่อนหน้าที่มึงจะโผล่มาไง”
“กูไม่ใช่หมา”
เพื่อนของเกี๊ยวก็ตามนี้แหละ ตัวรังควาญตามติดเหมือนเจ้ากรรมนายเวรก็จะเป็นไอ้สัวนี่แหละ สากเบือยันเรือรบที่เกี่ยวกับมันฉันรู้หมดทุกอย่าง
“เกี๊ยว เกงในกูอะ” กำลังจะเคลิ้มหลับ
“หาสิ หาบ้าง ก็พับไว้ที่เดิมนั่นแหละ”
“มึงว่าเหมือนฟีลผัวเมียมั้ยวะ”
“ขนลุก ไอ้บ้า”
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ กูคงเป็นโรคหูดับก่อน” ก็ปากแบบนี้ไงสมควรแล้วที่โดนด่า
แล้วฉันก็ไม่เคยคิดอยากจะเป็นเมียมันด้วย แค่เพื่อนก็วุ่นวายมากพอแล้ว
“ปากหมา”
“กูว่าจะซื้อตู้เสื้อผ้าเพิ่มไว้ใส่ผ้ากู มึงว่าดีปะ”
“แค่ให้ซุกหัวนอนก็เยอะพอละ พรุ่งนี้ขนกลับไปบ้างเลยตู้กูจะแตกแล้ว”
“แล้วมึงจะเหงาเกี๊ยว” พอมันแต่งตัวเสร็จก็กระโดดขึ้นมาบนที่เตียงมองหน้าฉันที่กำลังเคลิ้ม ทำให้ฉันต้องรีบดันตัวมันออกห่างทันที
“มองหน้าทำไมเนี่ย”
“มองหน้าสด เวลากูไปนอนกับสาวแม่งล้างหน้ากันไม่สะอาด คิ้วยังอยู่กลัวไม่สวยมั้ง”
“สวยแค่ไหนสุดท้ายมึงก็ฟันเค้าแล้วทิ้ง”
“สวยแต่รูปกูไม่ชอบ”
“ไม่ชอบแล้วไปฟันเค้าทำไม”
“ก็ผู้ชายปะ”
“นิสัยเสีย ไปนอนได้แล้ว เนี่ยที่กูไม่อยากให้มึงนอนด้วยก็เพราะงี้อ่ะ มึงพูดมาก”
“เออๆ” ฉันพร้อมไปเฝ้าพระอินท์แต่ไอ้สัวก็ชวนคุยอยู่นั่น
กับคนอื่นไม่ใช่แบบนี้ ทรงแบดพูดน้อยเน้นได้สอยเร็ว แต่กับเพื่อนผีเจาะปากมาพูด หาแต่เรื่องให้โดนด่า แต่มันก็แค่เล็กน้อยเทียบไม่ได้กับสิ่งที่มันช่วยเหลือฉันมาตลอด
เช้าวันต่อมา
เสียงเคาะประตูทำให้ฉันต้องวางมือจากในครัวแล้วรีบวิ่งมาเปิดประตู
ให้เดา
“หิว มีอะไรกินบ้าง”
ผู้ชายหน้าตาดีทั้งสามเดินแทรกเข้ามาโดยไม่สนใจเลยว่าเจ้าของห้องอนุญาตแล้วหรือยัง
“โอ๊ยไอ้พวกไม่มีมารายาท”
“เกี๊ยวอยากกินข้าวมันไก่อะ ทำให้กินหน่อยสิ” เสียงอีออสติน
“ไม่เอา กูบอกก่อนแล้วว่าอยากกินเกี๊ยวต้มยำ” อันนี้คุณชายเพทาย
“มึงไม่ต้องเถียงกันวันนี้ไอ้เกี๊ยวตามใจกู ข้าวต้มกระดูกหมูเว้ย” ตามมาด้วยเจ เอาจริงฉันไม่ได้ตามใจใครทั้งนั้นแค่ทำตามวัตถุดิบที่มีอยู่ในตู้เย็น
“ถามจริงไม่มีตังค์กันเหรอวะ ซื้อกินเป็นมั้ย”
“ซื้อถุงยางเอาหญิงหมด ไอ้พวกห่าเนี่ย” เจ้าสัวเดินออกมาในชุดนักศึกษาแบ้วไปหยิบถ้วยเตรียมตักข้าวต้มในหม้อก่อนใคร
“ไม่กลับบ้านกลับช่องอีกแล้วเหรอมึง” ออสตินพูดจบก็ตามมาหยิบถ้วยด้วยอีกคน
“เรื่องของกู กินได้ยัง หิว”
“ถ้าไม่ได้ทำเผื่อสักวัน ได้ปะ”
“ไม่ได้” สามคนพูดพร้อมกัน ส่วนสัวไม่สนใจใครทั้งนั้น ตักข้าวต้มใส่ถ้วยได้ก็รีบใส่ปากทันที
“กินเสร็จแล้ว”
“อย่าลืมล้างจาน ครับแม่ เดี๋ยวล้างให้ครับ” อยากจะหยิบทัพพีฟาดหัว อีออสตินนี่มันกวนไม่มีใครเกิน อ่อ ยกเว้นไอ้สัวไว้คนหนึ่ง ไอ้นี่คือที่สุดสำหรับฉันละ
“ไปอาบน้ำละ”
“ไม่กินก่อน” เจ้าสัวเงยหน้ามาถาม
“เหนียวตัว”