ตอนที่ 8 เดอะวันเบสท์ (1)

1256 Words
วันนี้มาลินีลุกแต่งตัวแต่เช้า เพราะเธอมีเรียนตอนเก้าโมง ร่างเล็กเดินออกมาจากบ้าน เพื่อไปขึ้นรถแท็กซี่ที่หน้าบ้าน แต่ในระหว่างที่กำลังรอรถโดยสารอยู่ที่หน้าคฤหาสน์นั้น ก็มีรถลีมูซีนคันสีดำเคลื่อนเข้ามาจอดที่ข้าง ๆ มาลินีอดที่จะเงยหน้าจากหน้าจอเครื่องมือสื่อสารแล้วหันไปมองรถประจำตัวที่ดนุนัยนั่งไปทำงานโดยมีลุงระพีเป็นคนขับไม่ได้ “ขึ้นมาเดี๋ยวจะไปส่ง” เสียงเข้มดังขึ้น คล้ายออกคำสั่งมากกว่าเป็นการเชื้อเชิญจากคนที่นั่งอยู่เบาะหลัง “ไม่เป็นไรค่ะคุณนิก มะลิโทรเรียกแท็กซี่แล้วค่ะ” มาลินีรีบส่ายหน้าปฏิเสธ นับครั้งได้ที่ดนุนัยจะให้เธอนั่งรถไปกับเขา เพราะเวลาออกจากบ้านของพวกเธอไม่ได้ตรงกันอยู่แล้ว ที่สำคัญคือเส้นทางไปบริษัทไม่ได้ไปทางเดียวกับทางไปมหาวิทยาลัย เธอเกรงใจเขา “ขึ้นมา” ครั้งนี้เสียงของดนุนัยเข้มกว่าเมื่อกี้มาก จนสาวน้อยในชุดนักศึกษาจำเป็นต้องก้าวขาขึ้นมานั่งในรถตามคำบัญชาหลังประตูรถเปิดออก ความที่ใกล้กันมากจนได้กลิ่นน้ำหอมผสมกลิ่นมิ้นต์จากกายแกร่ง ทำเอาคนที่เพิ่งขึ้นมานั่งบนเบาะ ต้องพยายามควบคุมความตื่นเต้นประหม่าด้วยการเสมองออกไปยังหน้าต่าง แสร้งไม่สนใจสายตาคมเข้มที่จับจ้องเธอ กระทั่งเมื่อรู้สึกว่าร่างหนาขยับเบียดเข้ามาใกล้ มาลินีรีบหันมาพร้อมถดชิดไปทางริมหน้าต่าง “จะถอยอีกทำไม มันไม่มีที่ให้นั่งแล้ว” ร่างแกร่งข้างกายค้านเบา ๆ “มะลิอยากดูวิวค่ะ” แก้ตัวข้าง ๆ คู ๆ ทำเอาคนฟังนึกขบขันรู้สึกอยากแกล้งร่างอ้อนแอ้นในชุดนักศึกษานั่งทำตัวเล็กลีบติดริมกระจกในขณะนี้นัก คิดได้ดังนั้นจึงรั้งเธอเข้ามาใกล้ ก่อนจะยกเธอเกยนั่งบนตักอย่างง่ายดาย “คุณนิก!...” มาลินีตาโตขยายกว้างที่เขาจู่โจมโดยไม่ทันให้เธอตั้งตัว มือเล็กรีบยันอกแกร่งไว้มั่น หลังตกอยู่ในอ้อมกอดของเขา ก่อนจะเลิ่กลั่กมองไปยังลุงระพีที่กำลังขับรถอยู่ แม้รถคันนี้จะมีที่กั้นระหว่างผู้โดยสารกับคนขับ แต่เธอไม่ค่อยวางใจ “คุณนิกปล่อยนะคะ ลุงระพีอยู่ตรงนี้ค่ะ” เธอกระซิบบอกพร้อมกับพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากการโอบกอด ในขณะเดียวกันสองมือเล็กก็รีบรั้งชายกระโปรงที่ถกขึ้นจนเห็นโคนขาอ่อนลงพัลวัน “อย่าขยับ… ถ้าชุดฉันยับยู่ยี่มะลิต้องรับผิดชอบนะ” ดนุนัยไม่สนใจคำพูดของเธอ ซ้ำยังขู่เธอกลาย ๆ ด้วยเรื่องที่เขาใส่ใจเป็นพิเศษ “ถ้าไม่อยากให้ชุดยับ คุณนิกก็ปล่อยมะลิสิคะ” มาลินีย้อน ความจริงเธอไม่อยากทำให้ชุดสูทสากลเรียบกริบที่เขาสวมอยู่ยับเลยสักนิด เพราะรู้ดีว่าเขาเนี้ยบกับเรื่องเสื้อผ้าขนาดไหน และตอนนี้เธอรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อต้องมานั่งบนตักเขาแบบนี้ ทั้งอายและทำตัวไม่ถูก ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าวอย่างยากจะควบคุม เธอรู้สึกว่าดนุนัยในเวลานี้เหมือนตั้งใจกลั่นแกล้งเธอ นอกจากเขาจะไม่ฟังเธอพูดแล้ว มืออุ่นที่วางอยู่รอบเอวเลื่อนมาเคลื่อนไหวบนต้นขาขาวนวลของเธอ “คุณนิกจะทำอะไรคะ?” เงยหน้าถามแล้วหยุดฝ่ามือหนาไม่ให้เข้าไปล่วงล้ำมากไปกว่านี้ “ก็ทำเหมือนในห้องสมุดเมื่อหลายวันก่อนไง” เขาตอบหน้าตายไร้ความกระดากปาก หากแต่คนฟังใบหน้าเห่อร้อนสะท้อนสีแดงปลั่งราวมะเขือเทศสุก “ไม่ได้ค่ะ นี่มันในรถ” เสียงหวานเอ่ยห้าม เมื่อคิดว่าเขาจะทำพิเรนทร์ในรถ เพราะตอนนี้พวกเธอไม่ได้นั่งกันอยู่แค่สองคนเท่านั้นยังมีลุงระพีอีกคน ถึงแกจะใส่หูฟังสนใจกับการบังคับพวงมาลัยและมีกระจกกั้นระหว่างคนขับกับผู้โดยสาร แต่มาลินีจะไม่ทำเรื่องบัดสีนี้ในรถเด็ดขาด! ต่างจากอีกคนที่เวลานี้กดมุมปากแย้มนิด ๆ ไม่ทุกข์ร้อนใด ๆ กับอาการหวาดหวั่นของเธอ “คุณนิกปล่อยนะ ถ้าไม่ให้เกียรติมะลิกับตัวเอง ก็ควรจะให้เกียรติคุณแพรวาบ้าง” มาลินีมองคนกระตุกยิ้มราวกับไม่รู้สึกรู้สากับคำพูดของเธอแล้วกัดปากแน่น ทั้งโกรธและโมโหคนหน้าด้านไม่มีความละอาย แต่แล้วนิ้วโป้งของคนตัวใหญ่กดคลึงเบา ๆ ตรงหว่างคิ้วของเธอ “เลิกขมวดคิ้วได้แล้ว เดี๋ยวเป็นรอยเส้นเหมือนคนแก่หรอก” เขาว่าเสียงเข้มจริงจัง “ถ้าอย่างนั้น คุณนิกปล่อยมะลิก่อนสิคะ” เธอต่อรองรู้ว่าคราใดที่ตกอยู่ในพันธนาการของเขาแล้วยากที่จะเป็นอิสระได้ถ้าเขาไม่ปล่อย “ทำไมนั่งบนตักฉันแล้วมันเป็นยังไงเหรอ?” ไม่ถามเปล่า มือหนายังคงซุกซนอยู่ใต้กระโปรงพลีทสีดำ เดี๋ยวก็ลูบ เดี๋ยวก็บีบขยำ แต่นั่นไม่เท่ากับที่มือหนาล่วงล้ำเข้าไปในแพนตี้สีเดียวกับกระโปรง มาลินีรับรู้ได้ถึงนิ้วมือร้ายเคล้นคลึงส่วนอ่อนไหวของเธอ จนตอนนี้สติของเธอเริ่มเลือนพร่าเพราะมือร้ายกาจนั่น “คุณนิกอย่าคะ มะ… มะลิขอร้อง” น้ำเสียงแผ่วพร่าลงทุกขณะ กลีบปากอิ่มเคลือบด้วยลิปสติกสีพีชเม้มแน่นเกือบจะเป็นเส้นตรง คล้ายควบคุมความวาบหวามในอกพร้อม ๆ กับไม่ให้เปล่งเสียงครางน่าอาย หากแต่ก็ไม่สามารถกลั้นเสียงรัญจวนได้ เพราะคนเจนจัดในเกมรักปลุกปั่นเธอแทบจะละลายอยู่บนหน้าตักเขาเสียให้ได้ “ชู่ว์!” ดนุนัยทำปากบอกว่าอย่าส่งเสียง ขณะที่มือข้างที่ไม่ได้เข้าไปในส่วนนั้นของเธอ จับบีบสะโพกกลมมนที่นาบบนตักเบา ๆ ส่งผลให้ตากลมแป๋วกะพริบปริบ มือที่วางอยู่บนแผงอกกว้างขยับขึ้นวางบนบ่าอัดแน่นด้วยมัดกล้าม ราวกับเป็นที่ยึดเมื่อจะตกลงสู่เหวลึก ทว่าในเวลาต่อมาก็รู้สึกเบาหวิวคล้ายถูกโยนขึ้นสู่เวิ้งว้าง “คุณนิก…” ชื่อคนร้ายกาจดังลอดจากเรียวปากอิ่มอีกครั้งพร้อม ๆ กับที่ความสุขสมแล่นปราดรวมอยู่ที่จุดอ่อนไหว มาลินีค่อย ๆ ทิ้งคางมนกับบ่ากว้างด้วยความเขินอาย ภายใต้หัวใจที่กำลังเต้นแรงจนดนุนัยรับรู้ได้ “ตื่นเต้นเหรอ?” ดนุนัยถามพลางฝ่ามือหนาลูบแผ่นหลังบอบบางเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู ขณะที่เจ้าของร่างเล็กเอาแต่เงียบไม่เอ่ยคำใดออกมา เวลานี้มาลินีละอายใจเกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้ เธอรักดนุนัยแต่ก็ไม่อยากให้เขาทำแบบนี้ ทว่าดูเหมือนคนทำกลับไม่ได้รู้สึกผิดต่อแฟนสาวอย่างที่เธอรู้สึกเลย เพราะตอนนี้ปลายจมูกโด่งกำลังซุกไซ้บริเวณผิวอ่อนลำคอของเธอชวนให้ขนกายลุกซู่ จนเธอต้องปรามด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะไม่อยากถลำลึกไปมากกว่านี้ *********** คุณนิกแกล้งน้องเเบบนี้ไม่ดีเลยนะคะ เรื่องนี้พระเอกของเราเป็นผู้ใหญ่ขี้แกล้งค่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD