อีกด้านหนึ่งของห้าง ร่างบางของณดายืนร้องไห้อยู่มุมหนึ่ง ดวงตากลมโตสั่นระริกเพียงแค่เธอเห็นชายหนุ่มที่เธอไม่ได้เจอมานานและยิ่งไปกว่านั้น ภาพที่หญิงสาวเห็นคือภาพของผู้ชายคนนั้นกำลังคุยกับลูกสาวสุดที่รักของเธออยู่
“ณดา แกใจเย็นก่อน”ชามายื่นปลอบประโลมณดาด้วยความเป็นห่วงโดยที่พวกเธอไหว้วานให้เวกัสเดินไปอุ้มไรอันออกจากร้านหนังสือ
“ฉันจะกลับเชียงใหม่”
“แต่พี่ไบรอันไม่เห็นแกหรอก อีกอย่างเรื่องมันผ่านมานานแล้วแก”
“ไม่มีวันที่เขาจะรู้ว่าตัวเองมีลูกสาว” ณดาแทบไม่มีสติ เพียงแค่เห็นเสียวหน้าของผู้ชายคนนั้น มือเล็กกำเข้าหากันแน่น ความกังวลเริ่มตีตื้นขึ้นมาภายในจิตใจจนทำให้เธอเปล่งคำพูดที่ดูเหมือนคนไร้สติออกมา
“ณดา แกตั้งสติก่อน”
“คุณแม่ร้องไห้ทำไมคะ” เสียงใสของไรอันเอ่ยทักคุณแม่ยังสาว เมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำบวกกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
“ไรอัน” เมื่อเห็นไรอัน ณดารีบเดินเข้าไปอุ้มลูกน้อยเอาไว้แนบอกของตัวเองด้วยความหวงแหน
“แม่แค่ดีใจที่เห็นหน้าไรอัน”
“โอ๋ ๆ น๊าคะ ไรอันอยู่นี้” สิ่งที่สามารถเยี่ยวยาจิตใจของณดาคงจะมีแค่ไรอันเท่านั้นที่ทำได้ เพียงแค่มือเล็กกอดคอระหงเอาไว้แน่นพร้อมกับใบหน้าเล็กซบเข้าที่ซอกคอ น้ำตาของณดาก็เริ่มหยุดไหลไปโดยปริยาย
“แม่รักหนูนะไรอัน”
“ไรอันก็รักคุณแม่ค่ะ” มือน้อย ๆ กอดผู้เป็นแม่แน่น เพียงแค่เห็นน้ำตาของผู้เป็นแม่ ใบหน้าเอ็นดูของไรอันเจื่อนลง จนทำให้ชามาและเวกัสถึงกับซึ่งใจในความรักของสองคนแม่ลูกที่กอดกันอยู่ตรงหน้า
“ไบรอัน ไรอัน ชื่อจะคล้องจองกันไปไหนวะ?” หลังจากที่เด็กน้อยถูกผู้ชายคนหนึ่งอุ้มออกจากร้านหนังสือโดยมีสายตาของหมอไบรอันและหมอคามินมองตามไม่ห่าง
ใบหน้าครุ่นคิดของหมอคามิน หลังจากที่เขาได้เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มของเด็กผู้หญิง เมื่อสักครู่ที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายกับไบรอันแทบทุกระเบียบนิ้ว ถ้ามีผู้หญิงมาบอกว่าเด็กน้อยคนนี้เป็นลูกของไบรอันเขาจะไม่เถียงเลยสักนิด
“ไอ้ไบรอันมึงได้ยินที่กูพูดรึเปล่า” หมอคามินหันหน้าไปถามเพื่อนรักที่นิ่งเงียบเหมือนกำลังใช้ความคิดบางอย่างกับตัวเอง เพียงแต่เขาไม่ได้เปล่งคำพูดใด ๆ ออกมา
ใบหน้าจิ้มลิ้มของเด็กสาวยังคงติดตาเขาอยู่ ดวงตาที่ดูใสซื่อ รอยยิ้มสดใสที่ทำให้หัวใจแกร่งกลับมาเต้นแรงอีกครั้งแต่จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเขาไม่ได้มีอะไรกับใครมานานมากแล้ว
“หยุดคิดเถอะ กูไม่ได้แอบซุกเมียไว้ที่ไหน”
“คนไม่รู้จักกันจะมีใบหน้าเหมือนกันมากขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” คำพูดที่แฝงไปเชิงวิเคราะห์ทางการแพทย์ของหมอคามิน
ทำให้หมอไบรอันถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพราะรู้ว่ายังไงคามินก็ไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดออกมา
“มึงอาจจะคิดไปเอง”
“เหรอ? มึงไม่คิดว่างั้น”
“กูกลับก่อน กูจะกลับไปเคลียร์งานที่โรงพยาบาลต่อ” ร่างสูงเดินก้าวออกจากร้านหนังสือดังกลางห้าง ในมือของหมอไบรอันถือถุงหนังสือการแพทย์ที่มีนิยายรักเล่มหนึ่งรวมอยู่ในถุงใบนั้นด้วยเช่นกัน
ภายในห้องอาหารของบ้านหลังใหญ่ที่มีนายแพทย์ใหญ่เจ้าของโรงพยาบาลนั่งอยู่หัวโต๊ะ โดยมีพี่สาวและพี่เขยรวมไปถึงหลานสาวที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศนั่งรวมอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะหนูเมธินี” นายแพทย์ธีรวัฒน์เอ่ยทักทายเมธินีอย่างเป็นกันเอง
“ค่ะ คุณน้าสบายดีนะคะ”
“น้าสบายดี” รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าของนายแพทย์ธีรโวัฒน์ที่เอ็นดูเมธินีเหมือนคนในครอบครัวของตัวเอง
“นี่ไบรอันไม่คิดจะกลับมาทานอาหารที่บ้านจริง ๆ เหรอ? นี่หนูเมธินีอุส่ากลับมาจากต่างประเทศ” คุณหญิงภคพรเอ่ยถามน้องชายของตัวเอง เมื่อเธอไม่เห็นหน้าหลานชายตัวเอง หลังจากที่เธอเดินทางกลับจากโรงพยาบาลในวันนั้น
“คงงานยุ่งครับพี่”
“วัฒน์ก็ตามใจไบรอันเกินไปแล้วนะ จนตอนนี้ไบรอันจะไม่เชื่อฟังวัฒน์อยู่แล้ว” ใบหน้าไม่พอใจของคุณหญิงภคพรแสดงออกชัดเจน ใบหน้าที่ดูขัดใจและอารมณ์เสียของคุณหญิง ทำให้นายแพทย์ธีรวัฒน์ถึงกับต้องรีบอธิบายให้พี่สาวของตัวเองได้เข้าใจ
“แต่ไบรอันโตแล้วนะครับพี่ เราไม่สามารถบังคับเขาได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
“แต่วัฒน์เป็นพ่อนะ ทำไมจะไม่ได้”
“เออ เมว่าเราทานอาหารกันดีกว่าค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เมเข้าไปหาพี่ไบรอันที่โรงพยาบาลก็ได้” เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มอึมครึม เมธินีจึงรีบตัดบทสนทนาของสองพี่น้องโดยเร็ว เพื่อไม่ให้บรรยากาศแย่ลงกว่านี้
“ดีเลยหนูเม เดี๋ยวพรุ่งนี้เราเข้าครัวทำอาหารไปฝากพี่เขาดีกว่า”
“ได้ค่ะ”
“มีอีกเรื่องหนึ่ง ไบรอันไม่ยอมให้หนูเมเป็นเลขานะ เรื่องนี้วัฒน์รู้รึยัง” คุณหญิงภคพรที่ดูจะไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เธอไม่เห็นว่าหลานชายจะโทรมาง้อเหมือนแต่ก่อนจึงนำเรื่องทั้งหมดมาฟ้องน้องชายที่มีศักดิ์เป็นพ่อของไบรอันได้ใช้อำนาจของตัวเองแต่คำตอบที่ได้เริ่มทำให้คุณหญิงกลับมาฉุนเฉียวอีกครั้ง
“มันคือความต้องการของไบรอันครับ ผมไม่อยากเข้าไปยุ่งกับงานของลูก”
“ก็แค่ให้หนูเมเข้าไปช่วยงานเลขา จะอะไรนักหนา”
“แล้วพี่ไบรอันจะให้เมทำตำแหน่งไหนเหรอคะ”
“ตำแหน่งธุรการ” รอยยิ้มหวานของเมธินีเจื่อนลงทันที มือเล็กกำหมัดตัวเองเอาไว้แน่นด้วยความขุ่นเคืองใจ
“ตำแหน่งธุรการเนี่ยนะ ลูกสาวผมเรียนจบถึงเมืองนอกเมืองนามานะคุณ” ธนัทสามีของภคพรรีบพูดแทรกขึ้นทันที เมื่อทราบถึงตำแหน่งที่ไบรอันจัดเตรียมเอาไว้ให้กับลูกสาวของตัวเอง
“เอางี้ ถ้าหนูเมไม่อยากทำงานที่โรงพยาบาล น้าจะแนะนำบริษัทของเพื่อนให้” เพราะไม่อยากมีปัญหากับพี่สาว นายแพทย์ใหญ่จึงตัดปัญหาจุกจิกที่อาจจะเข้าไปสร้างความวุ่นวายกับลูกชายของตัวเองได้
“น้าวัฒน์ เมเต็มใจค่ะ ดีซะอีกจะได้ศึกษางานเอกสารไปด้วย” รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าของเมธินี เพื่อจบปัญหานั้นจนทำให้ธนัทผู้เป็นพ่อถึงกับหันไปมองหน้าลูกสาวของตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ
“คุณหญิง ทำไมคุณไม่จัดการเรื่องนี้” หลังจากที่ทานอาหารบ้านของนายแพทย์ใหญ่เสร็จ ทั้งสามคนก็กลับมาที่บ้านของคุณหญิงภคพรและยังไม่ทันที่คุณหญิงจะเดินย่างก้าวผ่านประตูเข้าไปในบ้าน เสียงเข้มของธนัทจึงเอ่ยถามภรรยาของตัวเองด้วยน้ำเสียงไม่พอใจสุดขีด
“ฉันก็ช่วยเต็มที่แล้วนะคะคุณธนัท”
“คุณช่วยลูกสาวผมจริง ๆ แล้วเหรอ?”
“ช่วยแล้วจริง ๆ ค่ะ ขนาดฉันเข้าไปคุยกับหลานชายด้วยตัวเองนะคะ”
“นี่คุณรักผมกับเมจริงรึเปล่า”
“ฉันรักคุณค่ะคุณธนัท ไม่งั้นก็ให้หนูเมไปทำตำแหน่งธุรการก่อนแล้วค่อยเลื่อนตำแหน่งก็ไม่สายนิคะ”
“คุณพ่อคะ คุณแม่ภคพรพูดก็ถูกนะคะ คุณพ่อต้องใจเย็น”เมื่อเห็นอารมณ์ร้อนของผู้เป็นพ่อที่กำลังจะปะทุออกมา ทำให้เมธินีจึงต้องรีบตัดบททันที เพราะยังไงเธอก็รอมานานมากแล้วรออีกนิดจะเป็นอะไรไป
“ใช่ค่ะ คุณต้องใจเย็นมากกว่านี้ คุณจะมาอารมณ์เสียใส่ฉันไม่ได้นะคะ” ใบหน้างอนของคุณหญิงภคพร ทำให้ผู้เป็นสามีอารมณ์เริ่มเย็นลง
ก่อนที่ธนัทจะเอ่ยปากหวานขอโทษภคพรที่เผลอแสดงนิสัยไม่ดีใส่เธอ เพราะยังไงเขาก็รู้จุดอ่อนของภคพรดีกว่าใคร
“ครับ ผมขอโทษ คุณอย่าลืมจัดการเรื่องนี้ให้เมนะ”
“ฉันรับปากค่ะ”