“ไรอันหลานน้า” ภายในสนามบินที่รายล้อมไปด้วยผู้คนมากมายเดินกันให้วุ่น ร่างบางของคุณแม่ยังสาวเดินอุ้มลูกน้อยของตัวเองเอาไว้แนบอก เดินฝ่าวงล้อมผู้คนไปหาชามาและเวกันเพื่อนสนิททั้งสองของเธอ
“มาถึงกับก็ทักทายหลานก่อนเพื่อนเลยนะ”
“สวัสดีค่ะน้าชามา น้าเวกัส” เสียงใสของไรอันเอ่ยทักทายเพื่อนสนิททั้งสองของผู้เป็นแม่
มือน้อย ๆ ยกขึ้นพนมนอบน้อม ท่าทางน่ารักของไรอันเรียกรอยยิ้มจากผู้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี ยิ่งผู้เป็นแม่ยิ่งแล้วใหญ่ เธอภูมิใจในตัวลูกน้อยของตัวเองที่รู้จักเคารพผู้ใหญ่ก่อนทุกครั้งโดยที่เธอไม่ต้องเอ่ยบอก
“คนสวยของน้าเว มาให้น้าเวอุ้มครับ” เสียงทุ้มนุ่มนวลของเวกัสชายหนุ่มร่างหน้าตาดีรูปร่างสูงโปร่งยื่นมือไปอุ้มหลานสาวคนสวย สาวน้อยไม่รีรออะไรให้มากกว่าเอี้ยวตัวเองไปให้ชายหนุ่มอุ้ม
“ดีมาก เวกัสเพื่อนรัก” ณดาเอ่ยชมเพื่อนสนิทอีกคนของเธอ จริง ๆ เวกัสและณดารู้จักกันผ่านชามาและเวลามาที่กรุงเทพฯ เมื่อไหร่ หญิงสาวก็มักจะได้พบกับเวกัสอยู่ทุกครั้ง จนทำให้พวกเธอทั้งสองสนิทกันไปโดยปริยาย
“มาให้น้าชามาอุ้มดีกว่า คิดถึงจังเลย” เสียงออดอ้อนของชามาเอ่ยบอกกับหลานสาวตัวน้อย เพียงแค่เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มที่น่ารักของหลานสาว ผู้เป็นน้าแทบอยากกระโจนเข้าไปหอมแก้มป่องทั้งสองข้างของหลานสาว
“ไรอันก็คิดถึงน้า ๆ ค่า”
“เอาใจเก่งจนน้าสองคนหลงไม่ไหวแล้วลูกเอ้ย” ณดาถึงกับส่ายหัวในคำพูดและการกระทำของลูกสาวตัวเองที่มักจะพูดจาออดอ้อนเอาใจจนผู้ใหญ่ที่ได้เห็นและรู้จักถึงกับเอ็นดูในตัวของไรอัน
ก่อนที่พวกเธอทั้งสามคนรวมไปถึงเด็กหญิงตัวน้อยจะพากันเดินออกจากสนามไป เพื่อไปหาอะไรทานที่ห้าง
ช่วงเย็นของวันภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังกลางเมือง ร่างสูงของคุณหมอคามินและคุณหมอไบรอันที่กำลังเดินมุ่งตรงไปยังร้านหนังสือ ใบหน้าท่าทางเร่งรีบของคุณหมอคามินสร้างความสงสัยให้กับหมอไบรอันไม่น้อย
“มึงจะรีบไปไหนไอ้คามิน ร้านหนังสือไม่หายไปไหนหรอก” เย็นวันนี้หลังจากออกเวร พวกเขาทั้งสองจึงเดินทางมาที่ร้านหนังสือ เพื่อหาหนังสือวิจัยเฉพาะทางเกี่ยวกับการแพทย์
“กูต้องรีบไปหาซื้อหนังสือเล่มหนึ่งให้กับยี่หวา”ใบหน้าจริงจังของหมอคามินเอ่ยบอกกับเพื่อนรัก ตาเรียวคมกวาดตามองหมวดหนังสือ ก่อนที่ขาเรียวจะรีบสาวเท้าเข้าไปโซนหนังสือนิยายที่จัดอยู่ภายในร้านหนังสือชื่อดัง
“หนังสืออะไรวะ?” คิ้วเข้มของหมอไบรอันขมวดกันเป็นปม สองขายาวยังคงเดินตามหมอคามินติด ๆ เปล่งประโยคคำถามที่ตัวเองสงสัยออกมา
“นิยายรักของนักเขียน นามปากกา NaLa.Sri”
“สนุกขนาดนั้นเลย”
“กูก็ไม่เคยอ่านไหม เมียกูสั่งมา อีกอย่างตอนนี้ยี่หวาเลี้ยงลูกอยู่บ้าน กูไม่อยากให้เธอเหงา” เสียงทุ้มเอ่ยบอกกับหมอไบรอัน เพียงแค่หมอคามินเอ่ยชื่อของภรรยาของเขา รอยยิ้มบางมักจะปรากฏบนใบหน้าหล่ออยู่เสมอ
“ดูมึงมีความสุขดีนะ”
“อืม ยี่หวากับควีนคือความสุขในทุกวันของกู” รอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้าหล่อ เรียกสายตาคมของหมอไบรอันได้เป็นอย่างดี เพียงแค่เขาได้ยินชื่อของลูกสาวคามิน ใจก็อดนึกถึงลูกน้อยของตัวเองที่ไม่มีโอกาสได้ลืมตาขึ้นมาดูโลก
ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นไม่ทำร้ายลูกของเขา ลูกน้อยที่อยู่ในท้องก็หน้าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับควีนลูกสาวของหมอคามินเพื่อนรักของเขาไปแล้ว
“เหม่ออะไรวะ?” หมอคามินที่เห็นหมอไบรอันนิ่งเงียบ ถึงกับเอ่ยถามเพื่อเรียกสติของเพื่อนรักตัวเองที่เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“เปล่าแล้วไหนหนังสือนิยายที่มึงกำลังตามหา”
“กำลังหาอยู่นี่ไง”
“เจอแล้ว กูขอดูหน่อย” ไม่รู้อะไรดลจิตดลใจของหมอไบรอันให้เขาเปล่งประโยคนั้นออกมา
ปกติเขาไม่มักจะอ่านนิยายหรือสนใจหนังสือหมวดนี้เลยสักนิดแต่ครั้งนี้ไม่รู้ทำไม เขารู้สึกอยากเห็นและอยากอ่านมัน เพียงแค่ได้ยินนามปากกาที่หลุดจากปากของคามิน
“มึงชอบอ่านนิยายเหรอวะ? เฮ้ย!!นั่นไง กูเจอแล้ว” พูดยังไม่ทันจบ สายตาคมกวาดตาไปสะดุดเข้ากับหนังสือที่มีนามปากกาติดอยู่ตรงหน้าปก หมอคามินไม่รีรอที่จะหยิบมันขึ้นมาสองเล่ม
“ให้กูทำไม” หนังสือเล่มหนาถูกยื่นให้หมอไบรอัน เพียงแค่เห็นเพื่อนรักยื่นหนังสือมาให้ชายหนุ่มถึงกับทำหน้างุนงงเล็กน้อย
“กูเห็นว่ามึงอยากรู้”
“กูแค่อยากรู้ว่าคนปกติอ่านหนังสือแบบไหน”
“งั้นลองอ่านคำโปรยดู” มือหนายื่นมาจับหนังสือที่หมอไบรอันกำลังถืออยู่ ก่อนที่คามินจะพลิกหนังสือกลับหลังเพื่อให้เพื่อนรักได้อ่านคำโปรยของหนังสือเล่มนี้
“คำโปรยคล้ายชีวิตรักที่ผ่านมาของมึงเลยวะ” เสียงทุ้มของหมอคามินที่นิ่งเงียบอ่านคำโปรยอุทานขึ้นมา ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันหน้าไปสบตากับเพื่อนรักที่มองมายังเขาเช่นกัน
“ก็แค่นิยาย” ใบหน้าไม่สบอารมณ์ของหมอไบรอันเอ่ยบอกกับหมอคามิน ชีวิตที่ถูกเขียนลงนิยายคล้ายกับชีวิตรักของเขาที่ผ่านมาก็จริง เหมือนจนคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนเขียนและเรียบเรียงเองกับมือ
“ก็คงใช่ แต่นิยายอาจจะแต่งมาจากเรื่องจริง”
“ไร้สาระ”
“อ้าว!!หรือมึงจะเถียงว่าไม่เหมือนชีวิตรักของมึงกับน้องณดา”
“ไม่เหมือน ไม่เหมือนชีวิตของกูกับเธอเลยสักนิด เพราะนิยายเรื่องนี้มีลูกสาวเข้ามาเอี่ยวด้วย ซึ่งชีวิตจริงของกูไม่แม้แต่จะได้เห็นหน้าลูกตัวเองเลยด้วยซ้ำ”หมอไบรอันวางหนังสือเล่มนั้นลงที่เดิม ก่อนที่ชายหนุ่มจะก้าวขาเดินไปยังโซนหนังสือการแพทย์ที่ตัวเองต้องการ
สมองยังคงครุ่นคิดเกี่ยวกับเนื้อหาในนิยายเล่มนั้น โดยที่เขาปล่อยให้หมอคามินยืนอยู่ตรงนั้นเพียงคนเดียว
“คุณลุงขา หยิบหนังสือเล่มนั้นให้หนูหน่อยค่า” หมอไบรอันที่กำลังยืนอ่านเนื้อหาภายในหนังสือเล่มหนาเป็นอันต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงหวานของเด็กน้อยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มือเล็กดึงชายกางเกงเพื่อเรียกสติของเขาให้โฟกัสที่ตัวเอง
“เล่มไหนครับ” ร่างสูงย่อตัวลงมานั่งคุยกับเด็กน้อย ความน่ารักสดใสของเด็กน้อยคนนี้ ทำให้หัวใจแกร่งถึงกับหลอมละลายเป็นน้ำ
“เล่มนั้นค่ะ”
“หนูมาคนเดียวเหรอครับ”
“มากับคุณแม่ กับน้า ๆ ค่า”
“แล้วตอนนี้แม่ของหนูไปไหน ทำไมถึงปล่อยให้หนูอยู่คนเดียวแบบนี้ครับ”
“แม่ไปซื้อไอศกรีมให้ค่ะ หนูไม่ได้อยู่คนเดียวสักหน่อย หนูอยู่กับพี่ ๆ ที่ร้านหนังสือต่างหาก” เด็กน้อยชี้ไปยังพี่พนักงานที่มองมายังหมอไบรอันและเด็กน้อยแทบไม่ละสายตา
“เป็นเด็กช่างพูดจริง ๆ” เด็กน้อยช่างพูดบวกกับใบหน้าน่ารัก บวกกับความสดใจ ทำให้คุณหมอเผลอลืมยกมือหนาขึ้นลูบศีรษะเล็กของเด็กน้อย
“หนูชื่ออะไรครับ”
“ไอ้ไบรอัน มึงแอบไปมีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่”ยังไม่ทันที่หมอไบรอันจะได้คำตอบจากเด็กน้อย เสียงทุ้มปนตกใจของหมอคามินก็ดังแทรกขึ้นมาทันที
“อะไรของมึงไอ้คามิน” ใบหน้าหล่อเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเพื่อนรักของตัวเอง หมอคามินมีใบหน้าที่ดูตกใจจนเก็บไม่มิดเพียงแค่เห็นหน้าของเด็กน้อยตรงหน้า ตาเรียวคมจ้องมองใบหน้าเพื่อนรักและหนูน้อยสลับกันอยู่แบบนั้น
“ไรอันกลับกันเถอะครับ” เวกัสเดินเข้าไปอุ้มไรอันขึ้นแนบอก หลังหันกำลังจะเดินออกจากร้านหนังสือ จู่ ๆ เสียงใสของหนูน้อยเปล่งเสียงแนะนำชื่อของตัวเองด้วยแววตาออดอ้อน
“หนูชื่อไรอันค่ะ”