ภายในห้องทำงานที่เงียบสงัดมีเพียงร่างสูงโปร่งของหมอไบรอันที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ทำงานท่าทางสุขุม เพียงแค่ได้อ่านเนื้อหาในหนังสือนิยายรักเล่มนั้นจนเกือบจบ คุณหมอหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วเป็นปมในความคับข้องใจ
หนังสือเล่มหนาถูกปิดลงอย่างแรง เนื้อหาภายในหนังสือที่คล้ายกับชีวิตรักของเขาเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ใจหนึ่งของคุณหมอพาลนึกคิดไปถึงผู้หญิงคนนั้น คนที่เขาไม่เคยลืมเรื่องราวที่เธอทำเอาไว้กับเขา
“ผู้ชายนอกใจงั้นเหรอ” เสียงพึมพำของหมอไบรอันพูดออกมาเบา ๆ เนื้อเรื่องที่ดำเนินมาเรื่อย ๆ เหมือนจะเป็นนิยายรักหวานแหววที่ทำให้คนอ่านใจฟู แต่พอมาถึงกลางเรื่องกลับมีเรื่องดราม่าที่พระเอกแอบนอกใจนางเอกแถมยังมีคนรอบข้างของพระเอกรวมอยู่ด้วย
(โทรมาทำเชี้ยอะไรเวลานี้ อย่าบอกกับกูว่ามีเคสด่วนนะ) เมื่ออ่านนิยายเล่มนั้นจบหมอไบรอันถึงกับรีบต่อสายหาเพื่อนรักของตัวเองในยามวิกาลด้วยความสงสัยที่ตีรวนกันอยู่ในหัวของเขา
(ยี่หวาอยู่กับมึงรึเปล่า) เสียงทุ้มของคุณหมอหนุ่มเอ่ยถามหาภรรยาของเพื่อนรัก เขาเพียงแค่อยากถามสิ่งที่ตัวเองกำลังสงสัย
(อ้าว!!เมียกูไม่อยู่กับกูจะให้อยู่กับใคร) น้ำเสียงเอะอะโวยวายของหมอคามิน เมื่อได้ยินประโยคคำถามแปลกประหลาดจากไบรอันที่เหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในนั้น
(ขอคุยด้วยหน่อย)
(ไอ้ไบรอัน มึงมีอะไร จู่ ๆ อยากคุยกับเมียกู) และยิ่งไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่หวงเมียและลูกน้อยยิ่งกว่าจงอางหวงไข่กลับมาโวยวายอีกครั้ง นี่คงเป็นครั้งแรกที่ไบรอันขอคุยสายกับยี่หวาเป็นการส่วนตัว
ปกติทั้งสองรู้จักกันอยู่แล้วแต่ก็มักจะพูดคุยกันในระหว่างที่พบเจอมากกว่าจะขอคุยสายแบบนี้ ความแปลกใจของหมอคามินแน่นคับอกแต่ก็ยอมให้เมียรักคุยสายกับเพื่อนรักของตัวเองโดยที่เขาไม่ลืมที่จะเปิดสปีกเกอร์โฟน
“หมอไบรอันมีอะไรรึเปล่าคะ” หมอคามินยื่นมือถือของตัวเองให้กับยี่หวา หญิงสาวเปล่งคำถามของตัวเองออกมา เธอเองก็สงสัยไม่ต่างอะไรกับผู้เป็นสามีเลยสักนิด
“นักเขียนคนนั้นเป็นใคร” หมอไบรอันไม่รอให้ยี่หวาและคามินสงสัยนาน ชายหนุ่มเปล่งคำถามที่ตัวเองอยากรู้ออกมาทันที ประโยคสั้น ๆ ทำให้ยี่หวาถึงกับงุนงงจนต้องถามหมอไบรอันกลับไป
“คนไหนคะ?”
“คนที่ยี่หวาอยากได้หนังสือ”
“อ๋อ หมอไบรอันสนใจนิยายด้วยเหรอคะ นิยายเรื่องนี้ดังมากเลยนะ” เมื่อหมอไบรอัน ไขข้อข้องใจให้กับเธอ ยี่หวาก็เริ่มเข้าใจทันทีแต่ก็ยังมีฉุดคิดไม่น้อยที่จู่ ๆ หมอไบรอันถามถึงนักเขียนคนโปรดของเธอ
“แค่อยากรู้ว่านักเขียนเป็นใคร”
“ตอนนี้ไม่มีใครรู้หรอกค่ะ ว่านักเขียนคนนี้เป็นใคร หน้าตาเป็นยังไง แต่ถ้าหมอ ไบรอันอยากรู้ว่าเธอเป็นใคร? พรุ่งนี้ไปเจอที่งานหนังสือได้นะคะ นักเขียนคนนี้จะเปิดหน้าเป็นครั้งแรก”
“ที่ไหน?”
“หอประชุมแห่งชาติ เวลาบ่ายโมงค่ะ”
“ขอบคุณ” หมอไบรอันไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรต่อ เขาเอ่ยขอบคุณก่อนที่จะชิงตัดสายไปอย่างรวดเร็ว ไม่แม้แต่จะรอให้ปลายสายตั้งคำถามกลับ
ตาคมจ้องมองปกหนังสือที่มีนามปากกาของเธอติดอยู่ สมองพิจารณานามปากกานั้น นามปากกาที่เขารู้สึกคุ้นจนอยากเห็นหน้านักเขียนและเขาต้องไขข้อสงสัยเรื่องนี้ให้ได้
ดวงตากลมโตกวาดตามองไปโดยรอบหอประชุมแห่งนี้ที่เนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่รักการอ่านมากมายรวมตัวอยู่ในงานนี้ รวมถึงนักเขียนชื่อดังหลายคนที่ต่างพากันมาพบปะกับนักอ่านของตัวเอง
“ตื่นเต้นจังแก”น้ำเสียงสดใสสั่นเครือปนไปด้วยความตื่นเต้นของยี่หวาเอ่ยบอกกับชามาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอ
“จะตื่นเต้นทำไม คนเยอะแยะ” รอยยิ้มหยอกล้อของชามาที่ยิ้มส่งให้เพื่อนรักของตัวเอง จนคุณแม่ยังสาวถึงกับเบะปากใส่ด้วยความหมั่นไส้
“พูดจาได้กวนประสาทมาก”
“ขอบคุณที่ชมค่ะ”
“ว่าแต่เวกัสจะดูแลไรอันได้จริง ๆ ใช่ไหม” ความว้าวุ่นใจของณดากลับมาอีกครั้ง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองฝากลูกสาวเอาไว้ให้กับเพื่อนสนิทของตัวเอง ที่ตอนนี้รับอาสาดูแลไรอันในขณะที่เธออยู่ในหอประชุมแห่งนี้
“ไอ้เวกัสมันดูแลเด็กดีจะตาย ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ”
“ขอบใจพวกแกสองคนมากนะเว้ย” อย่างน้อยในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีปะปนอยู่ เธอมีลูกสาวที่น่ารักและมีเพื่อนที่คอยซัพพอร์ตเธอเสมอมา
“ไม่เป็นอะไรเลย พวกฉันยินดีช่วยแกเสมอ”
ณดาแจกรอยยิ้มที่สดใสของตัวเองให้กับนักอ่านที่รอขอลายเซ็นจากเธอ ท่ามกลางผู้คนมากมายที่รายล้อมเธออยู่ มีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองเธอแทบไม่ละสายตา สายตาที่ปะปนความรู้สึกหลากหลายประกายออกมาจากสายตาคู่นั้น
“เธอจริง ๆ สินะ!!” ร่างสูงของหมอไบรอันยืนอยู่มุมหนึ่งที่สามารถมองเห็นนักเขียนได้ชัดเจน หมอหนุ่มเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่ไม่คิดจะได้เจอเธออีกในชาตินี้
ตาคมจ้องมองรอยยิ้มของเธอ รอยยิ้มที่เขามักจะได้เห็นเสมอในเวลาที่ตัวเองท้อหรือต้องการกำลังใจจากเธอเมื่อในอดีตที่ผ่านมาแต่วันนี้รอยยิ้มที่สดใสนี้กลับทำร้ายจิตใจของเขาแทบกระอักเลือด
“เกลียดเธอว่ะ? ณดา” หลายปีที่ผ่านมาเขาเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวของณดาไม่น้อย เธอเปลี่ยนไปมากเปลี่ยนจนเขาคิดว่าเธอเป็นคนละคนกับผู้หญิงที่เคยทำร้ายจิตใจของเขา
เพราะตอนนี้เธอดูสวยขึ้นและโตเป็นผู้ใหญ่จนหน้าแปลกใจ ทั้งที่อายุของเธอยังไม่ถึงสามสิบเลยด้วยซ้ำแถมซ้ำยังมีหนุ่ม ๆ ภายในงานมองมายังเธอเป็นตาเดียว
“ชามาแกดูหนังสือตรงนี้ไปก่อนนะ ฉันขอไปเข้าห้องน้ำแปบหนึ่ง” หลังจากที่เธอเสร็จงาน ณดาจึงเดินมาหาชามาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบ ๆ
“ให้ไปส่งไหม”
“ไม่ต้องหรอก ห้องน้ำอยู่แค่นี้เอง แกอ่านหนังสือไปเถอะ” หลังจากที่ณดาเอ่ยบอกกับชามา เธอจึงรีบเร่งเดินไปยังห้องน้ำโดยไม่รอคำตอบจากเพื่อนรักของตัวเองแม้แต่น้อย
“หึ!!ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ณดาที่กำลังจะเดินออกจากห้องน้ำ เธอก้มมองดูรูปลูกสาวที่เวกัสถ่ายส่งมาให้ด้วยความเอ็นดูเป็นอันต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงทุ้มของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังยืนดักหน้าเธออยู่
กึก!! เพียงแค่ณดาเงียบหน้าขึ้นมามองผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ร่างบางถึงกับชะงักราวกับถูกแช่แข็ง ผู้ชายที่เธอไม่อยากเจอหน้าและหลบเลี่ยงมาตลอดหลายปีแต่ตอนนี้กลับมายืนอยู่ตรงหน้าของเธอ
“คุณคงจำคนผิด” ณดาพยายามจะเดินหนีหมอไบรอัน เพราะเธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้อีก
“ณดา ใช่ชื่อคุณรึเปล่า คุณใช่ผู้หญิงใจยักษ์คนนั้นไหม”
“ฉันไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไร แต่อย่ามายุ่งเกี่ยวกันอีกเลย”
“หึ!!พูดง่ายดี ตอนนี้ชีวิตเธอมีความสุขแล้วสินะ” มือหนาจับข้อมือเล็กเอาไว้แน่น ตาคมสบประสานกับดวงตากลมโต
“ใช่!!ทุกวันนี้ฉันมีความสุขมาก ฉันได้อยู่กับคนที่ฉันรัก พอใจคุณแล้วใช่ไหม” เพียงแค่เห็นแววตาว่างเปล่าของเธอและประโยคคำพูดที่เธอเปล่งออกมา ทำให้มือหนาถึงกับหมดแรงปล่อยข้อมือของเธอให้เป็นอิสระ
“ผมคงปล่อยให้คุณมีความสุขมานานสินะ” หัวใจแกร่งที่ด้านชากับถูกบีบรัดจนแทบหายใจไม่ออก เพียงแค่ได้ยินผู้หญิงคนนี้เอ่ยบอกว่าเธอมีความสุขกับคนที่เธอรักซึ่งนั่นไม่ใช่เขา