หลังจากมาถึงที่ร้าน ซินซินปล่อยให้พวกเขาเป็นคนเลือกโต๊ะ เธอทำเพียงแค่เดินตามพวกเขาเงียบๆเท่านั้น
หวังข่ายกับฮ่าวหนานเลือกร้านเหล้าเป็นมื้อดึกของคืนนี้ เฉินซื่อซีเองก็ไม่มีปัญหา เพราะตั้งแต่มาเขาก็ยังไม่ได้ออกเที่ยวข้างนอก สายตาคมคอยมองอาการของหญิงสาวตัวเล็ก แต่เมื่อเห็นว่าตอนนี้เธอกลับมาเป็นปกติเขาก็เบาใจ
“พวกคุณจะกินอะไรคะ เดี๋ยวฉันจดให้”
หวังข่ายกับฮ่าวหนานดูเมนูและบอกหญิงสาวทีละเมนู โดยที่ซินซินคอยจดให้และแนะนำพวกเขา เฉินซื่อซีที่นั่งอยู่ข้างซินซินคอยมองคนที่แอบมองซินซินด้วยสายตาดุจนคนพวกนั้นไม่กล้ามองหญิงสาวอีก ฮ่าวหนานที่คอยสังเกตอาการเพื่อนอยู่แอบหัวเราะชอบใจ
“อะไรเหรอคะ” ซินซินถามลอยๆ สายตาเธอมองทั้งสามคนอย่างขอคำตอบ
“ไม่มีอะไรหรอกครับ หัวเราะใครบางคนที่ทำน้ำส้มสายชูหกน่ะ พอดีได้กลิ่นเปรี้ยวๆ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฮ่าวหนานพูด หวังข่ายถึงกับหันมองเพื่อนรักที่นั่งทำหน้านิ่ง แม้แต่ซินซินเองก็ยังหันไปมองคนข้างๆด้วยสายตาไม่แน่ใจ
“คุณเคยดูซีรี่ย์ใช่ไหม พอรู้ไหมว่าผมหมายความว่ายังไง” ฮ่าวหนานพูดกับซินซิน แต่สายตามองไปสบกับเฉินซื่อซีอย่างล้อเลียน
“ค่ะ ก็พอรู้ มีหลายเรื่องที่พูดถึงประโยคทำนองนี้” หญิงสาวตอบน้ำเสียงไม่มั่นใจ
“เอาล่ะ พอๆ คุณก็ใส่เสื้อด้วย” คนตัวสูงตัดบทและเปลี่ยนเรื่องด้วยการถอดเสื้อคลุมของตัวเองคลุมไหล่ให้หญิงสาว
แต่สิ่งที่เขาทำ มันทำให้หวังข่ายกับฮ่าวหนานยิ่งแปลกใจ และคิดว่าสิ่งที่พวกเขาเดาอาจจะเป็นเรื่องจริง
“อะไร” เสียงทุ้มถามเพื่อนขึ้นมาลอยๆ
“เปล่านี่”
“ดี”
เฉินซื่อซีดักคอเพื่อนเอาไว้ เขารู้ดีว่าเพื่อนของเขาอยากพูดอะไร แต่เขาไม่อยากทำให้หญิงสาวตัวเล็กหนักใจหรือต้องมาเสียใจหากเขาเดินทางกลับ
ไม่นานอาหารและเครื่องดื่มที่สั่งไว้ก็ทยอยมา พวกเขาจึงลงมือกินและพูดคุยกันอย่างผ่อนคลาย เฉินซื่อซีคอยดูแลหญิงสาว เขาไม่อยากให้เธอดื่มเพราะเธอต้องขับรถ หญิงสาวยิ้ม เธอรู้สิ่งที่เขาคิดจึงไม่ได้ดื่ม ทำเพียงแค่คอยตักอาหารที่เขาตักมาใส่จานเธอใส่ปากเท่านั้น
การแสดงออกของเฉินซื่อซีอยู่ในสายตาของหวังข่ายกับฮ่าวหนานตลอด พวกเขาคอยมองสิ่งที่เพื่อนทำกับหญิงสาวตัวเล็กคนนี้จนพอจะรู้ความรู้สึกของเพื่อน
ตัวชายหนุ่มเองก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเพื่อน เขาพยักหน้ายอมรับกับเพื่อนโดยที่หญิงสาวเองก็ไม่รู้ความหมายของมัน
“คุณ อันนี้อร่อย คืออะไร” เสียงทุ้มเอ่ยถามหญิงสาวหลังจากยื่นใบหน้าเข้าไปหาเธอเพราะเสียงเพลงค่อนข้างดัง
“ทอดมันกุ้งค่ะ” ซินซินมองอาหารที่อยู่บนส้อมในมือของเขาแล้วหันหน้าไปตอบ
แต่แล้วเจ้าทอดมันกุ้งชิ้นนั้นก็เข้าไปอยู่ในปากเล็กของหญิงสาว เมื่อเขาอาศัยจังหวะที่เธอตอบ ยื่นมันใส่ปากให้เธอกัด ดวงตากลมโตมองเขาอย่างไม่เข้าใจแต่ก็กัดทอดมันกุ้งชิ้นนั้นตามที่เขาต้องการ
ฮ่าวหนานสะกิดหวังข่ายที่กำลังสนุกกับเพลงให้หันมามอง ก่อนจะสำลักเครื่องดื่มเมื่อเฉินซื่อซีส่งทอดมันกุ้งที่เหลือในมือใส่ปากตัวเอง
ซินซินมองอาการของทั้งสองคนด้วยสายตาไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ทันได้สนใจมากนัก เมื่อมือใหญ่คอยแต่จะเอาเสื้อมาคลุมไหล่เธอยามเธอขยับตัวแล้วมันหล่น
“คุณใส่เสื้อเถอะ”
“…..”
“ซินซิน ได้โปรดใส่เสื้อตามที่เขาบอกเถอะ”
หญิงสาวแกล้งทำเป็นนิ่งไม่ทำตามที่เขาบอกจนแม้แต่หวังข่ายกับฮ่าวหนานก็ต้องรีบบอกให้เธอใส่เมื่อเห็นอาการและสายตาของเพื่อน
“ใส่เถอะ ถ้ายังอยากนั่งกินที่นี่ต่อ” เสียงทุ้มพูดกับหญิงสาวนิ่มๆ แต่เป็นประโยคคำสั่งที่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องทำตาม
คนตัวเล็กหน้าเหวอ เธอยอมใส่เสื้อของเขาแต่โดยดี สายตาคมฉายแววพอใจ โอบร่างเล็กให้ขยับเข้ามานั่งใกล้เขา
หวังข่ายกับฮ่าวหนานแอบสบตากัน พวกเขามองหญิงสาวตัวเล็กตรงหน้าที่หน้าเหวอไปกับการกระทำของเพื่อนพวกเขา มิน่าเล่า ว่าทำไมเฉินซื่อซีถึงถูกใจเธอคนนี้ คงเพราะเธอน่าเอ็นดูแบบนี้ เพื่อนพวกเขาถึงรักษาแผลใจได้เร็วจนไม่รู้ตัว
“ไม่ดึกมากนะ ไม่อยากให้ซินซินขับรถดึก ค่อยไปดื่มต่อที่บ้าน”
“ไม่มีปัญหา”
ราวกับคำประกาศิต ทั้งหวังข่ายและฮ่าวหนานรีบจัดการกับอาหารตรงหน้า พร้อมกับเรียกเก็บเงิน ซินซินมองทั้งสองคนตรงหน้าก็ไม่เข้าใจ ราวกับว่าพวกเขากลัวเฉินซื่อซีเหลือเกิน
“เขาโมโหร้ายน่ะ เวลาเขาดุน่ากลัวมาก ผมแนะนำว่าคุณอย่าไปขัดใจเขาจะดีกว่านะ”
“อ่อ ค่ะ”
คนตัวเล็กพยักหน้า เมื่อได้ฟังสิ่งที่หวังข่ายอธิบาย เธอว่าเธอก็เห็นด้วยกับข้อนี้ เธอรู้สึกว่าเขาน่ากลัวและใจดีในเวลาเดียวกัน
“กลับเถอะ”
คนตัวเล็กพยักหน้ารับ พร้อมกับมองซ้ายมองขวาเรียกพนักงานมาคิดเงิน เมื่อเสร็จแล้วก็ลุกขึ้น กระเป๋าถือใบเล็กถูกสะพายขึ้นบ่า ก่อนที่เอวเล็กจะถูกแตะเบาๆจนเจ้าของร่างสะดุ้งสุดตัว
“ผมว่าแวะซื้อเครื่องดื่มหน่อยดีกว่า”
“ค่ะ แล้วแต่คุณ”
“ใส่เสื้อดีๆ เอากระเป๋ามา”
หญิงสาวทำตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย มือเล็กติดกระดุมเสื้อจนหมดแล้วขอกระเป๋าคืน แต่คนที่ถือกระเป๋าให้เธอก็ไม่ได้สนใจสิ่งที่เธอบอก โอบไหล่บางเดินนำเพื่อนออกจากร้านไปยังที่จอดรถ
หวังข่ายกับฮ่าวหนานมองหน้ากันและพยักหน้า พวกเขามั่นใจแล้ว ว่าพวกเขาเดาใจเพื่อนไม่ผิด
“ไม่ใครก็ใครต้องย้ายประเทศล่ะงานนี้”
“ว่างั้นแหละ”
“ไปเถอะ เดี๋ยวโดนบ่นอีก” สองหนุ่มกอดคอกันเดินตามหลังออกไปก็พบว่าทั้งสองคนรออยู่บนรถแล้ว
“เดี๋ยวฉันจะแวะลงไปซื้อเครื่องดื่ม พวกนายรออยู่บนรถก็ได้ ลงไปไม่นาน”
“โอเค”
หลังจากมาถึงห้าง เฉินซื่อซีกับซินซินก็ลงไปซื้อเครื่องดื่ม ไม่นานก็กลับขึ้นมาด้วยเครื่องดื่มและขนมกินเล่นเต็มรถเข็น เรียกเสียงชอบใจจากทั้งสองคนไม่น้อย
เมื่อกลับมาถึงบ้านซินซินปล่อยให้เขาดูแลเพื่อนทั้งสองคนของเขาไปก่อน เธอกลับเข้าห้องนอนไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและตั้งใจว่าจะลงนิยาย แต่ดูเหมือนว่าเวลาว่างของเธอจะไม่พอ เมื่อร่างสูงเปิดประตูเข้ามาเรียกให้เธอออกไปโดยไม่ลืมสำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าเธอ
“หนาวไหม เอาเสื้อใส่คลุมไปหน่อยก็ดีนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งอยู่ด้วยไม่นาน”
“เพื่อนผมชอบคุณนะ ดูจากอาการ”
“พวกเขาน่ารักดีนะคะ”
“อื้ม ไปเถอะจ้ะ”
หญิงสาวตัวเล็กในชุดนอนกางเกงขายาวเดินออกจากห้องไปนั่งเล่นรวมกับคนอื่นๆที่กำลังนั่งดื่มและร้องเพลงกันสนุกสนาน
เมื่อดึกพอสมควร ซินซินก็ขอตัวกลับเข้าห้องนอนก่อน ปล่อยให้ทั้งสามหนุ่มสนุกสนานกันต่อ หญิงสาวดื่มไปเพียงเล็กน้อยจึงไม่รู้สึกอะไร เมื่อกลับเข้าห้องนอนจึงนอนเล่นโทรศัพท์ต่ออีกสักพักใหญ่จึงผล็อยหลับไป
กว่าครึ่งค่อนคืนที่ทั้งสามหนุ่มดื่มกันอย่างสนุกสนาน จนเมื่อเริ่มเมาหนักจึงพากันกลับมานอน เฉินซื่อซีช่วยฮ่าวหนานพยุงหวังข่ายเข้าไปในห้อง ก่อนจะกลับมายังห้องนอนของเจ้าของบ้าน
ร่างสูงเข้าไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนจะมาหย่อนตัวนั่งลงที่เตียงหลังใหญ่ มองเจ้าของเตียงที่หลับสนิทอยู่ฝั่งหนึ่ง
รอยยิ้มเอ็นดูปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา หญิงสาวตัวเล็กไม่เคยระวังตัวเลย อาจจะเพราะเธอเคยชินกับการอยู่คนเดียว
ชายหนุ่มเอนตัวนอนลงอีกฝั่งของเตียงนอนหลังใหญ่ที่ว่างอยู่ โดยเว้นพื้นที่ตรงกลางเอาไว้ เขาไม่อยากฉวยโอกาสเข้าใกล้หญิงสาวมากนัก เขาต้องการให้เกียรติเธอเหมือนกับที่เธอไว้ใจและให้เกียรติเขา ไม่นานเขาก็หลับไปพร้อมรอยยิ้ม
เช้ามืดวันต่อมา หญิงสาวตัวเล็กตื่นนอนตามปกติ เธอมักจะออกไปเตรียมตัวเปิดร้านแต่เช้า เพราะลูกค้าเธอส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนและคนทำงานจึงมักจะขายได้ตั้งแต่ช่วงเช้า
หญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงนอนทั้งที่ยังไม่ลืมตา เธอนั่งตรงขอบเตียงด้วยอาการสะลึมสะลือ ก่อนจะพาร่างกายที่ยังไม่ตื่นดีเดินเข้าห้องแต่งตัวไป
เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยหญิงสาวก็เตรียมตัวจะออกไปเปิดร้านตามปกติ เธอก็พลันนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้นอนคนเดียวเหมือนเช่นทุกวัน คนตัวเล็กสะดุ้งสุดตัว ก้าวเท้าออกมาจากห้องแต่งตัวด้วยความเงียบ ค่อยๆเปิดประตูและปิดมันลงอย่างเบามือที่สุด ก่อนจะถอนหายใจโล่งอกแล้วออกจากบ้านไป
ช่วงสายของวัน หญิงสาวที่กำลังวุ่นวายกับลูกค้าที่ค่อนข้างเยอะก็ได้รับโทรศัพท์จากคนข้างในบ้านว่าพวกเขาต้องการจะออกไปข้างนอก
ซินซินบอกให้เฉินซื่อซีระวังตัวก่อนจะให้กุญแจบ้านกับเขา ทั้งสามคนจึงเรียกแท็กซี่ออกไป
เมื่อออกมาจากบ้านของหญิงสาวตัวเล็ก พวกเขาก็ออกไปหาซื้อของที่ต้องการจะใช้ อันที่จริงตอนที่ดื่มกันเมื่อตอนกลางคืนพวกเขาคุยกันว่าอยากไปพักผ่อนที่ทะเล พวกเขาเคยมาประเทศไทยหลายครั้ง สถานที่ที่พวกเขาต้องไปทุกครั้งก็คือทะเล
เมื่อซื้อข้าวของเตรียมจนครบเรียบร้อยก็กลับมาที่บ้าน ก็เป็นช่วงบ่ายกว่าๆที่หญิงสาวตัวเล็กปิดร้านไปแล้วพอดี
เมื่อเข้ามาในบ้านก็พบว่าหญิงสาวเจ้าของบ้านกำลังนั่งคุยเล่นกับผึ้งอยู่ที่โซฟาหน้าบ้านด้วยความสนุกสนาน รอยยิ้มสดใสของเธอทำให้เฉินซื่อซีชะงักไป
“กลับมาแล้วครับ”
ร่างสูงเดินมานั่งข้างกายคนตัวเล็กที่ส่งยิ้มให้เขา ของในมือถูกวางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา หวังข่ายกับฮ่าวหนานก็เดินตามมานั่งลงเช่นกัน
“ผึ้ง คุณ 2 คนนี้คือคุณหวังข่ายกับคุณฮ่าวหนาน เพื่อนของคุณเขา” หลังจากแนะนำตัวกันคร่าวๆ การสนทนาทั้งหมดจึงเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้ทุกคนฟังออก
“เออคุณ ไปทะเลกัน”
“ที่ไหนคะ”
“ไม่รู้สิ ปกติพวกผมมากันก็ไปทะเลกันทุกครั้ง แต่เปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ”
“พวกคุณหาดูมาแล้วกันค่ะ ว่าจะที่ไหนแล้วไปกี่วัน ฉันจะได้แจ้งปิดร้านกับลูกค้า”
“ตามนั้นจ้ะ ให้เพื่อนคุณไปด้วยก็ได้นะ คุณจะได้มีเพื่อนคุย”
“ว่าไงมึง ไปไหม” ซินซินหันไปถามผึ้งหลังจากคนข้างๆพูดจบ
“ก็ได้นะ ไม่ติด”
“ตามนั้น”
เมื่อได้ข้อสรุป ทุกคนก็ช่วยกันหาสถานที่และจองที่พัก ซึ่งจบลงด้วยการจองบ้านพักเป็นหลังเพื่อความเป็นส่วนตัว และมีห้องนอนหลายห้องเพื่อความสะดวกสบาย
“สรุปว่าวันมะรืนนะ พรุ่งนี้จะได้แจ้งลูกค้า”
“จ้ะ” รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งให้กับหญิงสาวตัวเล็กที่จดลงในสมุดของเธอ
หญิงสาวเป็นคนค่อนข้างละเอียดรอบคอบ ซึ่งชายหนุ่มคิดว่าดีสำหรับเขา เพราะเขาเป็นคนที่บางทีก็ไม่ได้ใส่ใจกับอะไรขนาดนั้น ถ้าคนที่สนิทกับเขาจริงๆจะรู้ว่าเขาขี้เล่นและร่าเริง ไม่ใช่คนเงียบขรึมอะไร
“กินอะไรกันมาหรือยังคะ พอดีเย็นนี้ฉันต้องไปงานแต่งเพื่อน คุณจัดการเองได้ไหม”
“ได้จ้ะ คุณไม่ต้องห่วง”
“งั้นฉันขอไปเตรียมตัวก่อนนะคะ”
ซินซินพาผึ้งเข้าไปแต่งตัวในห้องนอน ผึ้งอาบน้ำมาแล้วหล่อนจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเพียงอย่างเดียว ต่างกับซินซินที่เธออยู่ร้านตั้งแต่เช้าจึงต้องอาบน้ำก่อน
“มึง ชุดมันแซ่บไปไหมวะ”
“ไม่นะ เมื่อก่อนมึงก็แซ่บ กลัวอะไรวะ”
ผึ้งตอบซินซินด้วยความสงสัย เมื่อก่อนซินซินก็ไม่ได้เรียบร้อยอะไร เพื่อนของหล่อนชอบใส่เสื้อโชว์รอยสักเสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมวันนี้เพื่อนของหล่อนถึงมีคำถามแปลกๆ
“เดี๋ยวก็รู้”
การสนทนาหยุดชะงักไปเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ซินซินหันไปมองผึ้งที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก่อนจะเดินไปเปิดประตู
“คะ”
“ผมมาเอาของในห้องแต่งตัว”
“ค่ะ”
ร่างสูงก้าวเข้ามาสีหน้าเกรงใจ เขาตรงไปที่ห้องแต่งตัวโดยมีซินซินเดินตามเข้าไปด้วย หญิงสาวมองชายหนุ่มที่เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบกระเป๋าใบเล็กออกมาถือในมือ
“มันมีของบางอย่างอยู่น่ะ คุณใส่ชุดนี้จริงเหรอ”
“ก็…..ค่ะ เพื่อนเจ้าสาวใส่ชุดเหมือนกันหมดน่ะค่ะ”
ร่างสูงก้าวเท้ามาหยุดตรงหน้าหญิงสาวตัวเล็ก เธออยู่ในชุดเดรสสีฟ้าอ่อนคล้องคอ เปิดแผ่นหลังจนถึงบั้นเอว หญิงสาวเกล้าผมขึ้นสูง ม้วนลอนเล็กน้อย และดูเหมือนว่าเธอกำลังจะแต่งหน้าเพราะที่หน้าโต๊ะกระจกมีกล่องเครื่องสำอางวางอยู่
“คุณ มานี่หน่อย”
ดวงตากลมโตมองเขาอย่างสงสัย แต่ก็ก้าวเท้าเล็กเข้าไปหาเขาแต่โดยดี ชายหนุ่มยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ เขาเอื้อมมือมาคว้าแขนคนตัวเล็กที่เดินเข้ามาใกล้ๆเขาให้มายืนหน้ากระจก
“มีอะไรเหรอคะ”
“คุณ จะโกรธผมไหม”
“ห๊ะ ไม่เข้าใจค่ะ”
ซินซินมองในกระจกอย่างไม่เข้าใจการกระทำของเขา ภาพที่เธอเห็นคือเธอยืนอยู่โดยมีร่างสูงยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง มือใหญ่ของเขาจับต้นแขนของเธอเอาไว้ทั้งสองข้าง
“ขออนุญาตครับ”
หญิงสาวตั้งใจจะถามเขาว่าขออนุญาตอะไร แต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเธอตกอยู่ในอ้อมแขนอบอุ่นที่กอดร่างของเธอเอาไว้
ซินซินยืนนิ่งให้เขากอดอยู่แบบนั้น มือเล็กแตะที่แขนแข็งแรงเบาๆ จนสักพักใหญ่กว่าที่เขาจะคลายอ้อมกอด
“อย่ากลับดึกนะครับ”
“จะพยายามค่ะ”
รอยยิ้มหวานถูกส่งให้ชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนรีรออยู่ จนเมื่อเธอยอมพยักหน้าเขาถึงยอมเดินออกไปแต่โดยดี
เมื่อแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อย ซินซินกับผึ้งก็ออกจากบ้านไป ปล่อยให้ทั้งสามหนุ่มอยู่กันเองในบ้านของเธอ
“นี่มึงไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ”
“ไม่รู้สึกบ้าอะไรล่ะ เก็บอาการจนถึงที่สุดเลยเนี่ย จะเป็นบ้าอยู่ละ”
“กูว่าละ ก็มึงชอบเขาขนาดนั้น กูยังงงที่มึงไม่มีอาการอะไรเลย”
“มันมีไม่ได้ไง แค่เข้าใกล้เขากูยังไม่ทำเลย”
“แหม สิ่งที่กูเห็นไม่ใช่เลยนะ”
“จริงๆนะ กูไม่เคยเข้าใกล้หรือถูกตัวเขาก่อนเลย ถ้าเขาไม่อนุญาต”
ทั้งสองคนคุยกันไปเรื่อยๆจนมาถึงที่งาน หญิงสาวตัวเล็กยุ่งจนลืมสนิทว่าเธอปิดแจ้งเตือนโทรศัพท์ไว้ และตัวเธอก็ไม่ได้เปิดกระเป๋าอีกเลยจนกระทั่งเธอส่งผึ้งที่บ้านเสร็จในตอนดึก เธอก็ขับรถกลับบ้าน ก็พบว่าร่างสูงกำลังนั่งรอเธออยู่ที่โซฟาหน้าบ้าน
“ทำไมคุณไม่รับโทรศัพท์”
“คะ ฉันไม่ได้เปิดเสียง คุณโทรมาเหรอ” มือเล็กเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ออกมาดูก็พบว่ามีสายที่ไม่ได้รับหลายสายจากคนตรงหน้า
“…..”
“…..”
“…..คุณไปพักเถอะ”
“…..ค่ะ”
หญิงสาวตัวเล็กยิ้มแหยให้เขาก่อนจะกลับเข้าห้องนอน สายตาคมดุมองตามจนกระทั่งเธอหายเข้าห้องไปจึงทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา เขาเห็นว่าดึกแล้วเลยโทรหาเธอ แต่โทรหลายสายหญิงสาวก็ไม่รับจนเขาเริ่มโมโหเธอก็กลับมาพอดี
ร่างสูงหลับตาลง เขานั่งอยู่เงียบๆเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเองก่อนจะลุกขึ้นปิดประตูบ้าน สำรวจว่าตัวเองล็อกเรียบร้อยแล้วจึงเปิดประตูห้องนอนของเจ้าของบ้านแล้วเดินหายเข้าไป
ซินซินเข้ามาในห้องก็ปิดล็อกประตูห้องแต่งตัวแล้วเดินหายเข้าห้องน้ำไป หญิงสาวใช้เวลานานกว่าปกติเพราะวันนี้เธอแต่งหน้า จึงต้องจัดการเครื่องสำอางที่อยู่บนใบหน้าให้เรียบร้อย
เมื่อเปิดประตูออกมาจากห้องแต่งตัวก็พบว่าร่างสูงของเฉินซื่อซีนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง และโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของเขาคือโทรศัพท์ของเธอ
“พรุ่งนี้คุณเปิดร้านใช่ไหม”
“ค่ะ ต้องแจ้งลูกค้าว่าจะหยุดหลายวัน พรุ่งนี้เลยต้องเปิดน่ะค่ะ”
“อื้ม งั้นคุณนอนเถอะ ดึกมากแล้ว”
คนตัวเล็กขึ้นไปบนเตียงนอน ตวัดผ้าห่มมาคลุมร่างจนถึงคอ เรียกเสียงหัวเราะเอ็นดูจากคนข้างๆ
หญิงสาวเขินจนแทบจะมุดให้จมลงไปในเตียง แต่ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้เธอจึงทำเพียงแค่ซุกตัวเองอยู่ใต้ผ้าห่ม มีร่างสูงอยู่ข้างๆโดยที่ไม่ได้แตะต้องเธอ
หลังจากซินซินหลับไปไม่นาน ชายหนุ่มก็วางโทรศัพท์ในมือลงแล้วลุกขึ้นไปปิดไฟดวงใหญ่ ก่อนจะมาล้มตัวลงนอน เขามองคนตัวเล็กจากด้านหลังจนกระทั่งหลับไป