บทที่ 3 บ้าอำนาจ

2175 Words
เป็นเวลากว่าสามชั่วโมงหลังจากไต้ฝุ่นออกไป ลินินเอาแต่นั่งจ้องหน้าจอสี่เหลี่ยมของคอมพิวเตอร์ เธอเสียเวลาไปค่อนวันในการอ่านประวัติของเจ้านายใหม่ แม้ในอดีตจะเคยเป็นคู่หมั้นกันแต่ส่วนใหญ่แล้วเธอรู้จักอีกฝ่ายผ่านมารดา และมีโอกาสพบเจอกันไม่กี่ครั้ง “กินหนังสือเป็นอาหารหรือไง” หญิงสาวพึมพำออกมาเมื่อไล่สายตาอ่านประวัติของเขา จากประวัติในอินเทอร์เน็ตบอกเธอว่าอัทธากรมีปริญญาสามใบ ก่อนที่เขาจะเรียนกฎหมายสากลชายหนุ่มได้เรียนบริหารมาก่อน และระหว่างที่เรียนกฎหมายสากลที่ต่างประเทศอัทธากรก็เรียนเก็บหน่วยกิตกฎหมายไทยไปด้วย ทำให้เขากลับมาเรียนกฎหมายที่ประเทศไทยเพียงแค่ปีเดียว และยังสอบผ่านเนติบัณฑิต รวมถึงอัยการอีกด้วย “โอ๊ะ สอบอัยการได้ด้วยแฮะ” ฝ่ามือเล็กยกขึ้นบวกเลขในมือและจำนวนปีทั้งหมดที่เขาได้ศึกษาเล่าเรียนทำให้เธอถึงกับอ้าปากค้าง ลินินส่ายศีรษะเบา ๆ ก่อนที่เธอจะกดปิดหน้าต่างประวัติของชายหนุ่ม เธอกำลังหมกมุ่นกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง และขณะนั้นเองที่เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ได้ดังขึ้น ครืดด ครืดด~ คิ้วเรียวย่นเข้าหากันเพราะเพื่อนของเธอโทรมา ลินินลำบากใจไม่อยากรับโทรศัพท์เพราะจำได้แม่นว่ามินตราขอโทรมาถามเรื่องของเจ้านายเธอ แต่สุดท้ายเธอก็ยอมกดรับ ติ๊ด! “ว่าไง” [ทำไรน่ะ...ว่างปะ] “ไม่ว่างหรอกกำลังอ่านสำนวนคดีความอยู่” เธอว่าพร้อมกับค่อย ๆ หยิบเอกสารตรงหน้ามาเปิดอ่าน [แก...คุณอัทธ์บอกฉันว่าเขาไม่ว่างตอนเที่ยงเลย] “แกคุยกับเขาเหรอ” [ก็ไลน์ถาม ถ้าแบบฉันไปหาแกแล้วจะได้เจอเขาไหมอ่ะ] “หึ ไม่หรอก เพราะเขาจะไปเดตกับผู้หญิง” เธอแค่นหัวเราะออกมา ก่อนจะเอ่ยพูดความจริง [อะไรนะ] “แกได้ยินไม่ผิดหรอก ฉันว่าแกไม่ต้องจริงจังมากขนาดนี้หรอกนะ เลิกคิดเถอะถ้าไม่อยากเสียใจ” [อย่างนั้นเหรอ แต่ฉันยังไม่ได้เริ่มอะไรเลยนะ] “แกอยากเสียใจหรือไง” [ก็ไม่อยากหรอก ว่าแต่ทำไมแกถึงกีดกันฉันนัก แกว่าเขาเป็นคนไม่ดีเหรอ] “ก็ใช่น่ะสิ เขาเป็นคนไม่ดีหรอกมิน...เชื่อฉันเถอะ” ลินินเอ่ยพูดตามที่เธอคิด เพราะครั้งแรกที่ทั้งคู่เจอกันมันไม่ดีสักเท่าไรในความรู้สึกของเธอ [อืมม เอาเป็นว่าฉันขอลองอีกนิดก็แล้วกัน ขอบใจแกมาก] “อย่าลองนานล่ะ แกเป็นคนดีควรได้เจอคนดี ๆ นะ” [ค่า~ ไว้ตอนเย็นไปดื่มกันนะ] “คงไม่ได้หรอก เพราะว่าฉันโดนรับน้องด้วยกองเอกสารสูงกว่าหัวเนี่ย” ลินินพูดออกมาด้วยความหงุดหงิด เขาให้เวลาเธอสามวันเท่ากับว่าเธออาจจะไม่ได้หลับไม่ได้นอน หรืออาจจะต้องย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ที่นี่เลย [โอเค ฉันไม่กวนละ] ลินินบอกลาเพื่อนของเธอ ก่อนที่หญิงสาวจะกดตัดสาย เธอรู้จักกับมินตรามานาน เพื่อนของเธอนิสัยดี น่ารัก และไม่เคยทำให้เธอต้องลำบากใจ คนอย่างมินตราควรได้คู่ครองที่ดีกว่าผู้ชายคนนั้น “ฮึ่ย...” อยู่ ๆ เธอก็ขนลุกชันขึ้นอีกครั้ง อัทธ์จู่โจมเธอทั้งสายตาและการกระทำ แต่เขาปากคอเราะรายชอบหาเรื่องเธอ หญิงสาวส่ายหน้าเล็กน้อยเพื่อสลัดเรื่องของเขาออกจากหัว ก่อนที่ฝ่ามือเล็กจะเลื่อนเปิดกระดาษอ่านแต่ละหน้า เธอย่นคิ้วเข้าหากันเพราะคดีความของเขาส่วนใหญ่เป็นคดีอาชญากรรม “อะไรกัน ยังจับคนร้ายตัวจริงไม่ได้เลย” ริมฝีปากเล็กพึมพำออกมาก่อนที่เธอจะเลื่อนนิ้วชี้เพื่อหาปีที่เกิดเหตุ แต่พอเห็นเธอก็ต้องตกใจเพราะมันเกิดขึ้นเมื่อต้นปีนี้ หญิงสาวได้ยินข่าวเรื่องนี้มาเหมือนกันว่าเขาได้ช่วยให้ผู้ต้องหาตัวปลอมรอดคุก ซึ่งเป็นข่าวใหญ่สะเทือนวงการกฎหมายเลยก็ว่าได้เพราะว่ามีการจับแพะ ทว่าเธอไม่เคยรู้เลยว่าจนถึงตอนนี้ยังจับตัวคนร้ายตัวจริงไม่ได้ และขณะนั้นเอง กริ๊ง~ กริ๊ง~ “เฮือก!” ลินินตกใจเมื่ออยู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของสำนักงานก็ดังขึ้น หญิงสาวยกมือขึ้นทาบอกก่อนจะเลื่อนมือไปคว้าโทรศัพท์สำนักงานที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเธอขึ้นมารับ “ฮัลโหลค่ะ” [...] “คุณอัทธ์คะ...” ลินินเอ่ยปากเรียกชื่อเขา เพราะโทรศัพท์ตรงนี้เลขาฯของเขาบอกมาว่ามีแค่เจ้านายของเธอที่จะโทรมา [ทำอะไร] “_” ลินินดึงโทรศัพท์ออกจากใบหู เธอมองโทรศัพท์ของสำนักงานด้วยความมึนงง ก่อนที่เธอจะกรอกเสียงตอบกลับไป “นอนเล่นมั้งคะ...ฉันมาทำงานก็ต้องทำงานสิคะ” [หึ คุณดู...ไม่เข้าใจนะว่าอยู่สถานะไหน ใครสอนให้คุณพูดประชดเจ้านาย?] ลินินยกฝ่ามือขึ้นปิดตรงรับเสียงของโทรศัพท์ “ไอ้บ้าอำนาจ!” หญิงสาวสบถออกมา ก่อนที่เธอจะดึงมือออกและยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูดังเดิม “ขอโทษนะคะ คือตอนนี้ดิฉันกำลังอ่านสำนวนคดีความของคุณอยู่น่ะค่ะ...คุณทนาย” น้ำเสียงหวานหยดของเธอทำให้ต้นสายยกยิ้มมุมปาก [ผมกำลังจะออกไปข้างนอก] ลินินเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาติดผนังก่อนจะเข้าใจว่าทำไมเขาถึงจะออกไปข้างนอก เพราะตอนนี้กำลังเที่ยง “ค่ะ...” [...] การตอบรับของเธอทำให้อัทธ์เงียบไป “ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมคะ ฉันขอวางสายนะคะ...” [เดี๋ยว] “คะ?” ลินินอดคิดไม่ได้ว่าที่เขาโทรมากวนเธอนี่เป็นเพราะอยากขัดขวางการทำงานของเธอใช่หรือไม่ เพราะว่าถ้าเธออ่านไม่จบภายในสามวันเขาอาจจะหาเรื่องด่าเธอก็เป็นได้ [เข้ามาหาผม...ก่อนผมจะออกไป] “คะ? มีงานเหรอคะ” ตื๊ด ตื๊ด~ “หือ? อะไรของเขาเนี่ย” ลินินดึงโทรศัพท์ออกจากใบหู ก่อนที่เธอจะขมวดคิ้วให้กับการกดวางสายอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของเขา “เผด็จการ บ้าอำนาจชะมัด!” เธอสบถออกมาด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อไปหาเขาตามคำสั่งของเจ้านายบ้าอำนาจอย่างที่เธอว่า ขณะเดียวกันที่สายตาคมของชายหนุ่มบ้าอำนาจตามที่เธอกล่าวหากำลังมองตรงไปยังหน้าต่างบานกระจกผ่านมู่ลี่ เขาเห็นลินินกำลังเปิดประตูห้องทำงานของเธอ ก่อนที่เสียงเคาะประตูหน้าห้องของเขาจะดังขึ้น ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ลินินยืนรอหน้าประตู เพราะว่าก่อนหน้านี้ไต้ฝุ่นบอกเธอว่าชายเจ้าของห้องไม่ชอบคนเข้าห้องทำงานของเขาแม้ว่าจะเคาะประตูแล้ว ทว่าพอยืนรอก็ไม่เห็นว่าเขาพูดอะไร หญิงสาวเลยถือวิสาสะดึงบานประตูออกเสียเลย เปลือกตาบางกะพริบปริบ ๆ มองใบหน้าคมสันภายใต้กรอบแว่นใสไม่มีสี เขาใส่แว่นสายตาแล้วต่างออกไปราวกับคนละคน เธอกลืนน้ำลายลงคอและไม่รู้ตัวว่าเผลอมองใบหน้าของเขานานเกินไป “มองอะไร...” ชายหนุ่มกระแอมเสียงออกมา ในมือของเขามีเอกสารเย็บมุมอยู่ในมือ ซึ่งเสียงของเขาก็ทำให้ลินินหลุดออกจากภวังค์ เธอไม่ได้ตอบอะไรไป จะให้บอกได้อย่างไรว่าเธอเผลอมองหน้าเขาอยู่ เรียวขาเล็กค่อย ๆ ก้าวเข้ามายืนหน้าโต๊ะทำงานของเขา เธอกำลังรู้สึกแปลกไปกับสายตาคมนั้น “ไม่ได้ยินที่ผมถาม?” ลินินเงยหน้ามองเขาอีกครา เธอเลิ่กลั่กไม่เป็นตัวของตัวเองและขณะนั้นเองที่เธอเห็นบางอย่างที่ผิดปกติไป หญิงสาวยกยิ้มบาง ๆ ก่อนที่เธอจะเอ่ยพูดขึ้น “มองคนกำลังอ่านเอกสารกลับหัวมั้งคะ” สิ่งที่เธอพูดทำให้สายตาคมค่อย ๆ ไล่ลงมองเอกสารในมือ รูม่านตาของเขาขยายกว้างขึ้นก่อนที่เขาจะโยนเอกสารชุดนั้นลงโต๊ะ พร้อมกับกระแอมเสียงออกมา “ผมเพิ่งหยิบขึ้นมาอ่าน พอดีคุณเสียมารยาทเข้ามาในห้องผมก่อน” ชายหนุ่มแก้ตัวน้ำขุ่น แถมยังโยนความผิดไปที่เธอ “อะไรนะคะ” “_” “คือว่าฉันก็รอให้คุณพูดอนุญาตอยู่น่ะค่ะ แต่ไม่เห็นพูดอะไรแถมตอนเช้าไม่เห็นคุณบ่นเลยว่าฉันไม่ได้....” “ผมไม่ได้พูดไม่ใช่ว่าผมพอใจ” ลินินยังพูดไม่จบประโยคเสียงทุ้มลึกของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน เขากำลังต่อว่าเธออีกครั้ง “ก็...เห้อ ขอโทษค่ะ” ลินินเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เธอทำอะไรก็ผิดไปหมด ทว่า “ผมกำลังจะออกไปข้างนอก” “ค่ะ คุณบอกฉันแล้ว” เธอตอบออกไปตามตรงแต่มันกลับทำให้คิ้วหนาของเขาย่นเข้าหากัน “กาแฟ...” “คะ?” “ไอ้ไต้ฝุ่นมันซื้อมา แต่ผมกำลังจะออกไปข้างนอก” ลินินเลื่อนสายตาไปมองลาเต้เย็นที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา แปลกเสียยิ่งกว่าแปลกที่เลขาฯอย่างคุณไต้ฝุ่นที่รู้อยู่แล้วว่าเจ้านายกำลังจะออกไปข้างนอกกลับซื้อกาแฟมาให้เขา “อ้อ ให้ฉันเอาไปทิ้งให้เหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความบริสุทธิ์ใจ เขากำลังจะใช้งานเธอ แต่แล้ว “เปล่า เอาทิ้งทำไมเสียของ” “แล้ว...” “เอาไปกินสิ” “คะ?” ลินินอยากยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองฉาดใหญ่ เขากำลังหมายความว่าอย่างไร เธอไม่อยากเชื่อหู เขาพูดออกมาแบบนี้ไม่ต่างจากตั้งใจซื้อมาให้เธอ “ไม่ได้ยิน? ประวัติทำงานของคุณบอกคุณไม่ค่อยฉลาด หูคุณไม่ดีด้วยเหรอ” “คุณอัทธ์คะ...ฉันกินกาแฟไม่ได้น่ะค่ะ มันทำให้ฉันใจสั่น” ลินินไม่ได้ตั้งใจจะปฏิเสธ เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร แต่เธอกินไม่ได้จริง ๆ “แต่ก่อนคุณชอบไปร้านกาแฟนี่” “อ้อ...พอดีกินชาได้ค่ะ” “หรือจริง ๆ คุณแค่อยากปฏิเสธ” ลินินมองสีหน้าไม่พอใจของเขาด้วยความมึนงง เธอส่ายหน้าให้เขาเล็กน้อย “เปล่านะคะ” “คุณชอบปฏิเสธผมนี่...” อัทธ์ว่าพร้อมกับลุกขึ้นยืนด้วยความหัวเสีย เขาดึงสูทที่แขวนไว้มาสวมใส่ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่สนใจว่าลินินกำลังยืนงงอยู่ ลินินยืนมองแก้วกาแฟที่ถูกบรรจุภายใต้แบรนด์หรู เมื่อครู่เขาโกรธเธออย่างไร้เหตุผลแถมยังพูดเหมือนกับว่าโกรธเธอมานาน “อะไรของเขา” อดคิดไม่ได้ว่าที่เขาพูดว่าปฏิเสธนั้นหมายถึงเรื่องหมั้นหรือเปล่า ไม่อยากเชื่อว่าผ่านมาห้าปีแล้วเขายังคงเก็บเอาไปคิด หรือจะจริงที่เขาจะโกรธเธอเรื่องนี้เพราะดูเหมือนว่าตั้งแต่เกิดจนโตเขาไม่เคยถูกใครปฏิเสธแบบนี้มาก่อน... อัทธากรในวัยสามสิบสี่เขาออกเดตจนจำไม่ได้แล้วว่าผู้หญิงแต่ละคนหน้าตาเป็นเช่นไร มารดาของเขาจัดหาผู้หญิงให้ทุกวัน เพราะเกรงว่าบุตรชายคนโตจะไม่มีคู่ครอง “ครับ กำลังไป” ชายหนุ่มยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูเมื่อปลายสายที่โทรมาเป็นแม่ของเขา [ไต้ฝุ่นบอกประวัติยังลูก] “ครับ...” เขากำลังนั่งอยู่บนรถยนต์คันหรูโดยมีเลขาฯคนสนิทขับรถให้ ไต้ฝุ่นเคยเป็นลูกความของเขา ชายหนุ่มในวัยยี่สิบหกปีติดหนี้บุญคุณเขา [สวยมากเลยนะอัทธ์คนนี้เนี่ย เป็นลูกครึ่ง...] อัทธ์ไม่ได้ปฏิเสธ เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะปล่อยให้อายุนำมาขนาดนี้เช่นกัน แต่พอเริ่มจะมองหาใครสักคนเขากลับไม่ชอบใครเอาเสียเลย “แม่ครับ แค่นี้ก่อนนะครับ” ชายหนุ่มไม่รอให้มารดาของตนว่าอะไร เขากดตัดสายก่อนจะหยิบเอกสารคดีความที่ตนนำมาด้วยขึ้นมาอ่าน แต่อ่านเท่าไรก็ไม่เข้าหัว เสียงและภาพของผู้หญิงที่เพิ่งปฏิเสธเขาไปหมาด ๆ นั้นยังคงดังอยู่ในหัวของเขาไม่หยุด ไม่เคยมีใครสักคนในชีวิตที่ปฏิเสธเขา ตั้งแต่เกิดจนเติบใหญ่ชายหนุ่มมักเป็นคนเลือกและถูกเลือกอยู่เสมอ แต่เธอกลับไม่ใช่ “จิ๊!..” “ครับ” ไต้ฝุ่นเงยหน้าขึ้นมองกระจกมองหลัง การยกมือขึ้นขยับปมเนกไทของเจ้านายนั้นทำให้เขายกยิ้ม เห็นว่าหัวเสียตั้งแต่ออกจากห้องทำงานที่มีลินินอยู่ แบบนี้คนไม่เคยแพ้แบบอัทธากรคงไม่ยอมเป็นแน่...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD