เป็นเวลากว่าสามชั่วโมงหลังจากไต้ฝุ่นออกไป ลินินเอาแต่นั่งจ้องหน้าจอสี่เหลี่ยมของคอมพิวเตอร์ เธอเสียเวลาไปค่อนวันในการอ่านประวัติของเจ้านายใหม่ แม้ในอดีตจะเคยเป็นคู่หมั้นกันแต่ส่วนใหญ่แล้วเธอรู้จักอีกฝ่ายผ่านมารดา และมีโอกาสพบเจอกันไม่กี่ครั้ง
“กินหนังสือเป็นอาหารหรือไง” หญิงสาวพึมพำออกมาเมื่อไล่สายตาอ่านประวัติของเขา จากประวัติในอินเทอร์เน็ตบอกเธอว่าอัทธากรมีปริญญาสามใบ ก่อนที่เขาจะเรียนกฎหมายสากลชายหนุ่มได้เรียนบริหารมาก่อน และระหว่างที่เรียนกฎหมายสากลที่ต่างประเทศอัทธากรก็เรียนเก็บหน่วยกิตกฎหมายไทยไปด้วย ทำให้เขากลับมาเรียนกฎหมายที่ประเทศไทยเพียงแค่ปีเดียว และยังสอบผ่านเนติบัณฑิต รวมถึงอัยการอีกด้วย
“โอ๊ะ สอบอัยการได้ด้วยแฮะ” ฝ่ามือเล็กยกขึ้นบวกเลขในมือและจำนวนปีทั้งหมดที่เขาได้ศึกษาเล่าเรียนทำให้เธอถึงกับอ้าปากค้าง
ลินินส่ายศีรษะเบา ๆ ก่อนที่เธอจะกดปิดหน้าต่างประวัติของชายหนุ่ม เธอกำลังหมกมุ่นกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง และขณะนั้นเองที่เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ได้ดังขึ้น
ครืดด ครืดด~
คิ้วเรียวย่นเข้าหากันเพราะเพื่อนของเธอโทรมา ลินินลำบากใจไม่อยากรับโทรศัพท์เพราะจำได้แม่นว่ามินตราขอโทรมาถามเรื่องของเจ้านายเธอ แต่สุดท้ายเธอก็ยอมกดรับ
ติ๊ด!
“ว่าไง”
[ทำไรน่ะ...ว่างปะ]
“ไม่ว่างหรอกกำลังอ่านสำนวนคดีความอยู่” เธอว่าพร้อมกับค่อย ๆ หยิบเอกสารตรงหน้ามาเปิดอ่าน
[แก...คุณอัทธ์บอกฉันว่าเขาไม่ว่างตอนเที่ยงเลย]
“แกคุยกับเขาเหรอ”
[ก็ไลน์ถาม ถ้าแบบฉันไปหาแกแล้วจะได้เจอเขาไหมอ่ะ]
“หึ ไม่หรอก เพราะเขาจะไปเดตกับผู้หญิง” เธอแค่นหัวเราะออกมา ก่อนจะเอ่ยพูดความจริง
[อะไรนะ]
“แกได้ยินไม่ผิดหรอก ฉันว่าแกไม่ต้องจริงจังมากขนาดนี้หรอกนะ เลิกคิดเถอะถ้าไม่อยากเสียใจ”
[อย่างนั้นเหรอ แต่ฉันยังไม่ได้เริ่มอะไรเลยนะ]
“แกอยากเสียใจหรือไง”
[ก็ไม่อยากหรอก ว่าแต่ทำไมแกถึงกีดกันฉันนัก แกว่าเขาเป็นคนไม่ดีเหรอ]
“ก็ใช่น่ะสิ เขาเป็นคนไม่ดีหรอกมิน...เชื่อฉันเถอะ” ลินินเอ่ยพูดตามที่เธอคิด เพราะครั้งแรกที่ทั้งคู่เจอกันมันไม่ดีสักเท่าไรในความรู้สึกของเธอ
[อืมม เอาเป็นว่าฉันขอลองอีกนิดก็แล้วกัน ขอบใจแกมาก]
“อย่าลองนานล่ะ แกเป็นคนดีควรได้เจอคนดี ๆ นะ”
[ค่า~ ไว้ตอนเย็นไปดื่มกันนะ]
“คงไม่ได้หรอก เพราะว่าฉันโดนรับน้องด้วยกองเอกสารสูงกว่าหัวเนี่ย” ลินินพูดออกมาด้วยความหงุดหงิด เขาให้เวลาเธอสามวันเท่ากับว่าเธออาจจะไม่ได้หลับไม่ได้นอน หรืออาจจะต้องย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ที่นี่เลย
[โอเค ฉันไม่กวนละ] ลินินบอกลาเพื่อนของเธอ ก่อนที่หญิงสาวจะกดตัดสาย เธอรู้จักกับมินตรามานาน เพื่อนของเธอนิสัยดี น่ารัก และไม่เคยทำให้เธอต้องลำบากใจ คนอย่างมินตราควรได้คู่ครองที่ดีกว่าผู้ชายคนนั้น
“ฮึ่ย...” อยู่ ๆ เธอก็ขนลุกชันขึ้นอีกครั้ง อัทธ์จู่โจมเธอทั้งสายตาและการกระทำ แต่เขาปากคอเราะรายชอบหาเรื่องเธอ
หญิงสาวส่ายหน้าเล็กน้อยเพื่อสลัดเรื่องของเขาออกจากหัว ก่อนที่ฝ่ามือเล็กจะเลื่อนเปิดกระดาษอ่านแต่ละหน้า เธอย่นคิ้วเข้าหากันเพราะคดีความของเขาส่วนใหญ่เป็นคดีอาชญากรรม
“อะไรกัน ยังจับคนร้ายตัวจริงไม่ได้เลย” ริมฝีปากเล็กพึมพำออกมาก่อนที่เธอจะเลื่อนนิ้วชี้เพื่อหาปีที่เกิดเหตุ แต่พอเห็นเธอก็ต้องตกใจเพราะมันเกิดขึ้นเมื่อต้นปีนี้ หญิงสาวได้ยินข่าวเรื่องนี้มาเหมือนกันว่าเขาได้ช่วยให้ผู้ต้องหาตัวปลอมรอดคุก ซึ่งเป็นข่าวใหญ่สะเทือนวงการกฎหมายเลยก็ว่าได้เพราะว่ามีการจับแพะ ทว่าเธอไม่เคยรู้เลยว่าจนถึงตอนนี้ยังจับตัวคนร้ายตัวจริงไม่ได้ และขณะนั้นเอง
กริ๊ง~ กริ๊ง~
“เฮือก!” ลินินตกใจเมื่ออยู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของสำนักงานก็ดังขึ้น หญิงสาวยกมือขึ้นทาบอกก่อนจะเลื่อนมือไปคว้าโทรศัพท์สำนักงานที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเธอขึ้นมารับ
“ฮัลโหลค่ะ”
[...]
“คุณอัทธ์คะ...” ลินินเอ่ยปากเรียกชื่อเขา เพราะโทรศัพท์ตรงนี้เลขาฯของเขาบอกมาว่ามีแค่เจ้านายของเธอที่จะโทรมา
[ทำอะไร]
“_” ลินินดึงโทรศัพท์ออกจากใบหู เธอมองโทรศัพท์ของสำนักงานด้วยความมึนงง ก่อนที่เธอจะกรอกเสียงตอบกลับไป
“นอนเล่นมั้งคะ...ฉันมาทำงานก็ต้องทำงานสิคะ”
[หึ คุณดู...ไม่เข้าใจนะว่าอยู่สถานะไหน ใครสอนให้คุณพูดประชดเจ้านาย?] ลินินยกฝ่ามือขึ้นปิดตรงรับเสียงของโทรศัพท์
“ไอ้บ้าอำนาจ!” หญิงสาวสบถออกมา ก่อนที่เธอจะดึงมือออกและยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูดังเดิม
“ขอโทษนะคะ คือตอนนี้ดิฉันกำลังอ่านสำนวนคดีความของคุณอยู่น่ะค่ะ...คุณทนาย” น้ำเสียงหวานหยดของเธอทำให้ต้นสายยกยิ้มมุมปาก
[ผมกำลังจะออกไปข้างนอก] ลินินเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาติดผนังก่อนจะเข้าใจว่าทำไมเขาถึงจะออกไปข้างนอก เพราะตอนนี้กำลังเที่ยง
“ค่ะ...”
[...] การตอบรับของเธอทำให้อัทธ์เงียบไป
“ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมคะ ฉันขอวางสายนะคะ...”
[เดี๋ยว]
“คะ?” ลินินอดคิดไม่ได้ว่าที่เขาโทรมากวนเธอนี่เป็นเพราะอยากขัดขวางการทำงานของเธอใช่หรือไม่ เพราะว่าถ้าเธออ่านไม่จบภายในสามวันเขาอาจจะหาเรื่องด่าเธอก็เป็นได้
[เข้ามาหาผม...ก่อนผมจะออกไป]
“คะ? มีงานเหรอคะ”
ตื๊ด ตื๊ด~
“หือ? อะไรของเขาเนี่ย” ลินินดึงโทรศัพท์ออกจากใบหู ก่อนที่เธอจะขมวดคิ้วให้กับการกดวางสายอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของเขา
“เผด็จการ บ้าอำนาจชะมัด!” เธอสบถออกมาด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อไปหาเขาตามคำสั่งของเจ้านายบ้าอำนาจอย่างที่เธอว่า
ขณะเดียวกันที่สายตาคมของชายหนุ่มบ้าอำนาจตามที่เธอกล่าวหากำลังมองตรงไปยังหน้าต่างบานกระจกผ่านมู่ลี่ เขาเห็นลินินกำลังเปิดประตูห้องทำงานของเธอ ก่อนที่เสียงเคาะประตูหน้าห้องของเขาจะดังขึ้น
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ลินินยืนรอหน้าประตู เพราะว่าก่อนหน้านี้ไต้ฝุ่นบอกเธอว่าชายเจ้าของห้องไม่ชอบคนเข้าห้องทำงานของเขาแม้ว่าจะเคาะประตูแล้ว ทว่าพอยืนรอก็ไม่เห็นว่าเขาพูดอะไร หญิงสาวเลยถือวิสาสะดึงบานประตูออกเสียเลย
เปลือกตาบางกะพริบปริบ ๆ มองใบหน้าคมสันภายใต้กรอบแว่นใสไม่มีสี เขาใส่แว่นสายตาแล้วต่างออกไปราวกับคนละคน เธอกลืนน้ำลายลงคอและไม่รู้ตัวว่าเผลอมองใบหน้าของเขานานเกินไป
“มองอะไร...” ชายหนุ่มกระแอมเสียงออกมา ในมือของเขามีเอกสารเย็บมุมอยู่ในมือ ซึ่งเสียงของเขาก็ทำให้ลินินหลุดออกจากภวังค์
เธอไม่ได้ตอบอะไรไป จะให้บอกได้อย่างไรว่าเธอเผลอมองหน้าเขาอยู่ เรียวขาเล็กค่อย ๆ ก้าวเข้ามายืนหน้าโต๊ะทำงานของเขา เธอกำลังรู้สึกแปลกไปกับสายตาคมนั้น
“ไม่ได้ยินที่ผมถาม?” ลินินเงยหน้ามองเขาอีกครา เธอเลิ่กลั่กไม่เป็นตัวของตัวเองและขณะนั้นเองที่เธอเห็นบางอย่างที่ผิดปกติไป หญิงสาวยกยิ้มบาง ๆ ก่อนที่เธอจะเอ่ยพูดขึ้น
“มองคนกำลังอ่านเอกสารกลับหัวมั้งคะ” สิ่งที่เธอพูดทำให้สายตาคมค่อย ๆ ไล่ลงมองเอกสารในมือ รูม่านตาของเขาขยายกว้างขึ้นก่อนที่เขาจะโยนเอกสารชุดนั้นลงโต๊ะ พร้อมกับกระแอมเสียงออกมา
“ผมเพิ่งหยิบขึ้นมาอ่าน พอดีคุณเสียมารยาทเข้ามาในห้องผมก่อน” ชายหนุ่มแก้ตัวน้ำขุ่น แถมยังโยนความผิดไปที่เธอ
“อะไรนะคะ”
“_”
“คือว่าฉันก็รอให้คุณพูดอนุญาตอยู่น่ะค่ะ แต่ไม่เห็นพูดอะไรแถมตอนเช้าไม่เห็นคุณบ่นเลยว่าฉันไม่ได้....”
“ผมไม่ได้พูดไม่ใช่ว่าผมพอใจ” ลินินยังพูดไม่จบประโยคเสียงทุ้มลึกของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน เขากำลังต่อว่าเธออีกครั้ง
“ก็...เห้อ ขอโทษค่ะ” ลินินเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เธอทำอะไรก็ผิดไปหมด ทว่า
“ผมกำลังจะออกไปข้างนอก”
“ค่ะ คุณบอกฉันแล้ว” เธอตอบออกไปตามตรงแต่มันกลับทำให้คิ้วหนาของเขาย่นเข้าหากัน
“กาแฟ...”
“คะ?”
“ไอ้ไต้ฝุ่นมันซื้อมา แต่ผมกำลังจะออกไปข้างนอก” ลินินเลื่อนสายตาไปมองลาเต้เย็นที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา แปลกเสียยิ่งกว่าแปลกที่เลขาฯอย่างคุณไต้ฝุ่นที่รู้อยู่แล้วว่าเจ้านายกำลังจะออกไปข้างนอกกลับซื้อกาแฟมาให้เขา
“อ้อ ให้ฉันเอาไปทิ้งให้เหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความบริสุทธิ์ใจ เขากำลังจะใช้งานเธอ แต่แล้ว
“เปล่า เอาทิ้งทำไมเสียของ”
“แล้ว...”
“เอาไปกินสิ”
“คะ?” ลินินอยากยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองฉาดใหญ่ เขากำลังหมายความว่าอย่างไร เธอไม่อยากเชื่อหู เขาพูดออกมาแบบนี้ไม่ต่างจากตั้งใจซื้อมาให้เธอ
“ไม่ได้ยิน? ประวัติทำงานของคุณบอกคุณไม่ค่อยฉลาด หูคุณไม่ดีด้วยเหรอ”
“คุณอัทธ์คะ...ฉันกินกาแฟไม่ได้น่ะค่ะ มันทำให้ฉันใจสั่น” ลินินไม่ได้ตั้งใจจะปฏิเสธ เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร แต่เธอกินไม่ได้จริง ๆ
“แต่ก่อนคุณชอบไปร้านกาแฟนี่”
“อ้อ...พอดีกินชาได้ค่ะ”
“หรือจริง ๆ คุณแค่อยากปฏิเสธ” ลินินมองสีหน้าไม่พอใจของเขาด้วยความมึนงง เธอส่ายหน้าให้เขาเล็กน้อย
“เปล่านะคะ”
“คุณชอบปฏิเสธผมนี่...” อัทธ์ว่าพร้อมกับลุกขึ้นยืนด้วยความหัวเสีย เขาดึงสูทที่แขวนไว้มาสวมใส่ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่สนใจว่าลินินกำลังยืนงงอยู่
ลินินยืนมองแก้วกาแฟที่ถูกบรรจุภายใต้แบรนด์หรู เมื่อครู่เขาโกรธเธออย่างไร้เหตุผลแถมยังพูดเหมือนกับว่าโกรธเธอมานาน
“อะไรของเขา” อดคิดไม่ได้ว่าที่เขาพูดว่าปฏิเสธนั้นหมายถึงเรื่องหมั้นหรือเปล่า ไม่อยากเชื่อว่าผ่านมาห้าปีแล้วเขายังคงเก็บเอาไปคิด หรือจะจริงที่เขาจะโกรธเธอเรื่องนี้เพราะดูเหมือนว่าตั้งแต่เกิดจนโตเขาไม่เคยถูกใครปฏิเสธแบบนี้มาก่อน...
อัทธากรในวัยสามสิบสี่เขาออกเดตจนจำไม่ได้แล้วว่าผู้หญิงแต่ละคนหน้าตาเป็นเช่นไร มารดาของเขาจัดหาผู้หญิงให้ทุกวัน เพราะเกรงว่าบุตรชายคนโตจะไม่มีคู่ครอง
“ครับ กำลังไป” ชายหนุ่มยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูเมื่อปลายสายที่โทรมาเป็นแม่ของเขา
[ไต้ฝุ่นบอกประวัติยังลูก]
“ครับ...” เขากำลังนั่งอยู่บนรถยนต์คันหรูโดยมีเลขาฯคนสนิทขับรถให้ ไต้ฝุ่นเคยเป็นลูกความของเขา ชายหนุ่มในวัยยี่สิบหกปีติดหนี้บุญคุณเขา
[สวยมากเลยนะอัทธ์คนนี้เนี่ย เป็นลูกครึ่ง...] อัทธ์ไม่ได้ปฏิเสธ เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะปล่อยให้อายุนำมาขนาดนี้เช่นกัน แต่พอเริ่มจะมองหาใครสักคนเขากลับไม่ชอบใครเอาเสียเลย
“แม่ครับ แค่นี้ก่อนนะครับ” ชายหนุ่มไม่รอให้มารดาของตนว่าอะไร เขากดตัดสายก่อนจะหยิบเอกสารคดีความที่ตนนำมาด้วยขึ้นมาอ่าน
แต่อ่านเท่าไรก็ไม่เข้าหัว เสียงและภาพของผู้หญิงที่เพิ่งปฏิเสธเขาไปหมาด ๆ นั้นยังคงดังอยู่ในหัวของเขาไม่หยุด ไม่เคยมีใครสักคนในชีวิตที่ปฏิเสธเขา ตั้งแต่เกิดจนเติบใหญ่ชายหนุ่มมักเป็นคนเลือกและถูกเลือกอยู่เสมอ แต่เธอกลับไม่ใช่
“จิ๊!..”
“ครับ” ไต้ฝุ่นเงยหน้าขึ้นมองกระจกมองหลัง การยกมือขึ้นขยับปมเนกไทของเจ้านายนั้นทำให้เขายกยิ้ม เห็นว่าหัวเสียตั้งแต่ออกจากห้องทำงานที่มีลินินอยู่
แบบนี้คนไม่เคยแพ้แบบอัทธากรคงไม่ยอมเป็นแน่...