พี่ชายที่แสนดี

1832 Words
"ฮือๆๆๆเสียงเด็กหญิงอายุเพียง10 ขวบร้องไห้จ้าไม่หยุดเมื่อรู้ว่าพ่อและแม่ของเธอจากไปด้วยอุบัติเหตุ "ไม่ต้องร้องนะเต็มฟ้า พี่จะดูแลน้องเอง" เติมตะวันผู้เป็นพี่ที่มีอายุในขณะนั้นเพียง 15 ปี ปลอบใจร้องสาวที่ร้องไห้ไม่หยุด "แล้วเต็มฟ้าจะอยู่ยังไง เต็มฟ้าคิดถึงพ่อกับแม่" "อยู่ได้สิ เต็มฟ้าอยู่กับพี่ น้องมีพี่คนนี้ไง" เติมตะวันกอดน้องสาวแน่น ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุย่างเข้าสู่การเป็นวัยรุ่นแล้วก็ตามแต่วุฒิภาวะของเด็กอายุ 15ปีก็ยังไม่มากพอที่จะใช้ ชีวิตกันได้ง่ายตามลำพัง "เวทนาเด็กมันนะครับหลวงพ่อ อายุแค่นี้ไม่มีญาติที่ไหนอีกต่างหาก" สัปเหร่อรุ่นใหญ่พูดกับหลวงพ่อที่ช่วยจัดการงานศพให้เมือ่รู้ว่าสองพี่น้องไม่มีใคร "แล้วจะอยู่กันอย่างไรโยม" หลวงพ่อเมตตาตาถาม "ผมยังมีบ้านครับผมจะอยู่กับน้องที่บ้าน" เติมตะวันตอบตามประสา "ข้าวปลาอาหารมาเอาที่วัดได้ตลอดเลยนะโยม ไม่ต้องเกรงใจ อย่างให้โยมน้องเขาอดนะ" "ครับหลวงพ่อ ผมจะดูแลน้องของผมให้ดีที่สุด" แววตาของเด็กชายมีความมุ่งมั่นในการดูแลผู้หญิงที่เขารักที่สุดในชีวิต ณ เวลานี้ ....................................................... 10 ปีต่อมา "พี่ตะวัน อีกแค่เทอมเดียวเต็มฟ้าก็จะเรียนจบแล้วนะ" ดาวเต็มฟ้าเดินมาเกาะแขนประจบพี่ชาย "ตั้งใจเรียนล่ะ พี่จะได้หมดห่วง" เติมตะวันลูบหัวน้องสาวและโยกหัวเธอเบาๆแบบเอ็นดู ตั้งแต่พ่อแม่เสียไปเติมตะวันก็ลาออกจากโรงเรียนเพราะเขาไม่มีเงินมากพอที่จะส่งตัวเองเรียนไปพร้อมกับน้องสาว เขาจึงต้องเสียลสละด้วยการลาออกแล้วมาหางานรับจ้าง ทำเพื่อเป็นค่าเทอม ด้วยวุฒิที่ได้รับเพียงมัธยมปีที่สามเท่านั้น เขาจึงต้องทำงานที่ใช้แรงงานทั้งรับจ้างล้างชามและเข็นผักในตลาดและเป็นพนักงานในร้านสะดวกซื้อ เขาทำ ทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมา และนี่คือสิ่งที่ทำให้ดาวเต็มฟ้ารักพี่ชายคนนนี้มาก เธอมีวันนี้ได้เพราะความเสียสละของพี่ชายเขายอมเสียอนาคตเพื่อแลกโอกาสที่ดีให้กับเธอ แต่การเรียนมหาวิทยาลัยมันต้องใช้เงินจำนวนมากประกอบกับค่าใช้จ่ายภายในบ้านที่เติมตะวันรับผิดชอบเพียงผู้เดียว หลังจากที่พ่อแม่เสียไปบ้านก็ยังคงติดจำนองกับ ธนาคารยังผ่อนชำระไม่หมดนั่นหมายความว่าภาระในการหาเงินมาผ่อนบ้านก็ไม่พ้นเติมตะวัน ดาวเต็มฟ้าพยายามที่จะหางานพิเศษทำเพื่อช่วยแบ่งเบาพี่ชายแต่เติมตะวันไม่เคยปล่อยให้น้องสาวต้องลำบากเลย มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ดาวเต็มฟ้าแอบพี่ชายไปทำงานหลังเลิก เรียนแต่ปรากฏว่าเธอถูกหลอกโดยเอเจนซี่ปลอมว่าจะพาไปถ่ายแบบด้วยความสวย ผิวขาวและหุ่นดีเธอจึงถูกพวกหัวงูหลอกล่อไปทำมิดีมิร้ายแต่มีคนไปช่วยเอาไว้ทัน ทำให้ตั้งแต่นั้นมาเติมตะวันไม่เคยยอมให้น้องสาวไปทำงานที่ไหนอีกเลย "เต็มฟ้ามีหน้าที่เรียนเท่านั้น อย่าดื้อกับพี่อีก เรียนให้จบเพื่อพี่" นี่คือคำขาดที่เติมตะวันพูดกับน้องสาวสุดที่รักปานดวงใจ .......................................................... ในค่ำคืนหนึ่งดาวเต็มฟ้าเดินมากอดแขนพี่ชายที่กำลังยืนมองท้องฟ้าอยู่ที่หน้าระเบียงบ้าน "พี่ตะวัน เหม่ออะไรอยู่" ดาวเต็มฟ้าอ้อนพี่ชาย "พี่คิดถึงพ่อกับแม่น่ะ" เขาหันมาโอบกอดน้องสาวด้วยมือข้างเดียว "เต็มฟ้าก็คิดถึงจ้ะ" เธอพูดพร้อมแววตาที่พร้อมจะปล่อยน้ำใสรินออกมาจากสองตา "เต็มฟ้าจำได้ไหมที่แม่บอกกับเราสองคนว่าชื่อของเราสองคนมีความหมายว่าอะไร" เขาเปลี่ยนจากมือที่โอบกอดน้องสาวเป็นยกขึ้นมาวางที่หัวน้องสาวแทนและมองหน้าเธอ "จำได้แค่แม่บอกว่าแม่เจ็บท้องจะคลอดเต็มฟ้าตอนกลางคืน ตอนนั้นพ่อกับแม่เห็นมีดวงดาวเต็มท้องฟ้าสว่างสไวเต็มไปหมด" เธอนึกถึงตอนที่แม่เล่าให้ฟังครั้งยังเป็นเด็ก "ส่วนชื่อของพี่ก็เพราะว่าพี่เกิดเวลากลางวันแล้วแสงพระอาทิตย์หน้าร้อนก็ส่องสว่างจ้ามาก" เติมตะวันบอกที่มาของชื่อตัวเอง "อีกคนคือแสงสว่างยามค่ำคืน ส่วนอีกคนก็เป็นแสงสว่างที่ให้พลังงานและความอบอุ่นในเวลากลางวัน และลูกทั้งสองคนก็เป็นดุจดั่งแสงสว่างกลางใจของพ่อและแม่ " นี่คือ คำพูดของมารดาของทั้งคู่ได้พูดเอาไว้ในตอนที่เขาทั้งคู่โตพอที่จะรู้ความกันแล้ว "เต็มฟ้าต้องตั้งใจเรียนและมีอนาคตที่ดีนะ เพราะตอนนี้เต็มฟ้าคือแสงสว่างเดียวที่พี่มี" พี่น้องคู่นี้ไม่เคยอายที่จะบอกรักกัน และเขาเองยังย้ำเตือนกับน้องสาวคนนี้เสมอว่าเธอ คือคนที่ทำให้เขาต้องสร้างความเข้มแข็งและกำลังใจให้กับตัวเองในทุกๆวัน "ไปเจ้าม้าไปส่งเจ้าหญิงเข้านอนเดี๋ยวนี้ ฮี้กับๆๆ" ดาวเต็มฟ้าไม่ตอบพี่ชายแต่สิ่งที่เธอทำคือการกระโดดเกาะคอขี่หลังพี่ชายเหมือนเด็กน้อย เท่านี้ก็เป็นอันรู้กันว่าพี่น้อง สองคนนี้รักกันมากเพียงไร ........................................................................................... "สวัสดีครับ รับอะไรดีครับ" เสียงของเติมตะวันทำหน้าที่พนักงานอยู่ที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง เขาพูดโต้ตอบกับลูกค้าไม่หยุดเมื่อเสร็จงานตรงบริเวณเคาว์เตอร์เขาก็มาถูพื้นต่อทันที เติมตะวันเป็นคนที่ขยันทำมาหากินทุกทาง แต่หลังจากที่ได้เวลาเลิกงานเขาไปนั่งพักที่หลังร้านเขาก็นั่งมองดูกระเป๋าสตางค์ "ห้าร้อยบาท จะทันได้จ่ายไหมนะ" เขาพูดกับตัวเองเมื่อเห็นในกระเป๋าสตางค์มีเพียงแค่ธนบัตรใบละห้อยบาทเพียงใบเดียว "เป็นอะไรวะไอ้ตะวัน" กร เพื่อนสนิทของเขาเดินมานั่งด้วยและตบไหล่ "กูต้องการเงินไปจ่ายค่าเทอมน้องสาวว่ะ ค่าเทอมกับค่างวดผ่อนบ้านเสือกมาพร้อมๆกัน" เขาทำหน้าเซ็งบ่นให้เพื่อนฟัง "ไปกะกูไหมเดี๋ยวกูพาไปที่ที่มึงจะได้เงินมาผ่อนทั้งบ้านทั้งจ่ายค่าเทอมน้องสาวมึง" กรแนะนำ "ที่ไหนวะจะได้เงินง่ายขนาดนั้น" เติมตะวันสงสัย "มีสิวะ นี่มึงเห็นอะไรไหม" กรโชว์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดราคาแพงให้เติมตะวันดู "กูได้มันมาจากที่นี่" กรบอก "โห แพงมากเลยนะรุ่นนี้ เงินมันดีขนาดนั้นเลยหรือวะ"เติมตะวันตาโตเริ่มสนใจ "เออแล้วมึงจะติดใจ" กรยักคิ้วให้เพื่อนรัก ............................................................................................. คืนหนึ่งหลังออกกะเลิกงาน กรได้พาเติมตะวันไปยังสถานที่แห่งหนึ่งทางเข้าด้านหน้าเหมือนกับผับสถานที่ท่องเที่ยว เติมตะวันเดินตามกรไปแบบหันซ้ายหันขวาเพราะว่าเขา ไม่เคยมาเที่ยวยังสถานที่แบบนี้เพราะเขาไม่มีสังคมที่จะต้องมาสังสรรค์และที่สำคัญคือไม่มีเงินและเขาเองก็ไม่คิดที่จะเสียเงิน กรเดินไปโยกตัวตามจังหวะเพลงที่ดีเจเปิดไป เหมือนว่าเขาค่อนข้างคุ้นเคยกับที่แห่งนี้ กรพาเติมตะวันเดินไปตรงไปจนถึงหลังร้านก็พบว่ามีห้องลับอยูู่ทางด้านหลังอีกล็อคหนึ่งลักษณะเป็นบานประตูเหล็กแบบยืดหดได้ปิดล็อคอยู่ "น้ำแข็งสองถัง" กรพูดขึ้นจนเติมตะวันเองก็งงทำไมมาสั่งน้ำแข็งตรงนี้ "เข้ามา" มีผู้ชายคนหนึ่งส่องออกมาดูตรงช่องที่เป็นซี่ของประตูเหล็กเมื่อเห็นว่ามีเขาสองคนยืนอยู่ก็เปิดประตูให้เข้าไป "ไม่มีไรมึงรหัสลับก่อนเข้า" กรบอกกับเติมตะวันเมื่อเห็นเขางุนงง "ที่นี่ที่ไหนวะ" เติมตะวันไม่ไว้ใจมันดูลึกลับเกินไป "น่ามึงเดี๋ยวก็รู้ อย่าเพิ่งป๊อด ใหม่ๆก็งี้แหล่ะ" กรปลอบใจเพื่อน กรพาเดินขึ้นบันไดที่มีลักษณะปิดทึบเหมือนบันไดหนีไฟภายในอาคารโดยมีชายร่างกำยำสองคนคอยเดินตามไปด้วยจนถึงจุดหมาย เมื่อถึงที่ชายทั้งสองคนจึงได้เปิดประตู ไม้สักบานใหญ่ให้กับกรและเติมตะวัน "เฮ้ย เข้ามา" กรเรียกพร้อมดึงเสื้อยืดเติมตะวันเมื่อเห็นเข้ายืนจังก้าอยู่ที่หน้าประตู "กูจะกลับ" เติมตะวันทำท่าจะเดินออกเมื่อเข้ามาเห็นว่าข้างในคืออะไร "กูไม่เอาด้วยกูไม่เล่นพนัน" เติมตะวันพูดต่อและสะบัดแขนออกเมื่อเพื่อนดึง "ไอ้ตะวันมึงฟังกู ที่นี่คือที่เดียวที่มึงจะหาเงินไปผ่อนบ้านและจ่ายค่าเรียนให้น้องสาวได้ ลำพังมึงกินเงินเดือนลูกจ้างหลักพันบาทมึงจะส่งน้องเรียนได้กี่น้ำวะ ดีไม่ดีน้องมึง เรียนไม่จบหรอก ถ้ามึงไม่มีเงินจ่ายเขาก็ให้น้องมึงออก" กรพูดถึงความหวังดีที่อยากให้เติมตะวันหาเงินได้เร็วๆ ซึ่งเหตุผลของกรก็ทำให้เติมตะวันต้องหยุดชะงักครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ และเขาก็ตัดสินใจเลือกที่จะเดินเข้าไปกับกรด้วยประโยคที่ว่า กลัวน้องสาวจะเรียนไม่จบ ................................................................... "เฮ้ย ให้มันได้อย่างนี้สิ มึงนี่มันตัวนำโชคจริงๆ" กรดีใจที่วันนี้เขาเล่นได้ซึ่งเติมตะวันเองก็ได้มาเช่นเดียวกัน "เฮ้ยพอก่อนเถอะว่ะ ดึกเกินไปแล้วเดี๋ยวน้องสาวกูสงสัย"เติมตะวันชวนกรที่กำลังติดลมกลับบ้าน "แหมมึงนี่ เออๆกลับก็กลับ" "พอได้ค่ากับข้าวบ้างวันนี้" เติมตะวันดีใจที่เขาโชคดีได้เงินติดมือมา "เอาไว้วันหลังมากันอีกมือมึงกำลังขึ้นเชื่อกู" "เอาไว้ก่อนมึงกูไม่ค่อยอยากเสี่ยงมาก" เขาไม่สามารถเล่นเยอะได้เพราะมีติดกระเป๋ามาแค่ห้าร้อยบาทการเล่นครั้งนี้จึงเสี่ยงมากเมื่อได้แล้วเขาจึงไม่อยากให้เงินหลุดลอยไป เติมตะวันจึงยังกล้าๆกลัวกับการที่จะต้องมาที่นี่อีกครั้งเมื่อเพื่อนชวน "แล้วเดี๋ยวมึงจะต้องได้กลับมาอีกครั้งแน่นอน" กรพูดด้วยความมั่นใจ ............................................................................................................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD