ร่างกายบดเบียดเข้าหากันแม้จะมีเสื้อผ้ากางกั้น และทุกวินาทีที่ผ่านไปความร้อนแรงก็เหมืนอจะโหมกระพือจนร่างกายของพีรดาค่อยๆ ลอยละล่องขึ้นไปบนฝากฟ้า
“อื้อ...ถ้าเธอไม่เปลี่ยนใจ พี่ก็จะไม่ขอเกรงใจแล้วนะ” ตาสบกันในระยะประชิด ในขณะที่อกอวบใหญ่เกินตัวก็ถูกเขาโถมทับจนบี้แบน
“ค่ะ พรีมพร้อมจะเป็นของพี่ไฟค่ะ”
“หลังจากนี้ เธอจะเป็นสมบัติของพี่และก็อย่าได้คิดว่าพี่จะยอมวางมือ ต่อให้เธอร้องให้หยุด ต่อให้ใครมาตราหน้าว่าพี่เป็นผู้ใหญ่ใจร้ายพี่ก็คงปล่อยเธอไปไม่ได้ เข้าใจใช่ไหม”
“ค่ะ...อื้อ...” ไม่คิดเลยว่ากางเกงยีนส์จะถูกกระชากจนกระดุมหลุด แถมมือใหญ่ยังชอนไชเข้าไปลูบไล้เส้นทางที่ยังปิดสนิท
“อ่าห์...” ครวญกระเส่ายามเข้าสอดใส่นิ้วเรียวยาวเข้าเคล้นคลึง ตากลับมาประสานกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
แล้วปากก็กลับมาโรมรันเข้าหากัน นิ้วแกร่งและสากยังคงสอดใส่ เกี่ยวไล้ให้ได้ครางระโหย ร่างกายแอ่นประเคนเข้าใส่มือใหญ่ที่ลุกไล้ด้านล่าง และไม่นานก็รู้สึกว่าจมูกโด่งไซ้ต่ำลงไปจนถึงสะดือ
“อย่า อย่าค่ะพี่ไฟ...” เสียงห้ามมันช่างตรงข้ามกับร่างกายที่บิดส่ายราวกับต้องการสิ่งที่เกิดขึ้นมากขึ้น
เสื้อถูกเลิกขึ้นสูง ไม่ต่างจากกางเกงที่ถูกดึงกระชากจนเกือบจะหลุดออกจากสะโพก
“อยากให้หยุดใช่ไหม”
“ไม่ค่ะ พรีมต้องการพี่ไฟค่ะ...” คำพูดคำจาก็ล้วนแต่สับสน ความรู้สึกมันตีกันมั่วซั่วไปหมด “แต่ที่นี่...” สถานที่ต่างหากที่ทำให้เธอไม่มั่นใจ
“พี่เปลี่ยนใจแล้ว พี่จะเอาพรีมวันนี้...แล้วก็เดี๋ยวนี้ด้วย”
สะดุ้งพร้อมกับกอดรัดบ่าแกร่งตอนถูกช้อนอุ้มขึ้น ก่อนที่ท่อนขากำยำจะพาเธอเดินขึ้นไปที่ห้องนอนเขาที่ชั้นบน
ร่างกายกระถดไปทางหัวเตียงทันทีที่ถูกวางลง พอมาถึงเวลานี้จริงๆ หัวใจมันก็เต้นแรงมาก เร็วมาก ยิ่งมองเขาที่กำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าจนหมดทั้งร่างกายก็ยิ่งรู้สึกวูบวาบคล้ายหน้ามืดจะเป็นลม
โอ้ว...
ถึงกลับห่อปากกลับภาพที่เห็น ผู้ชายวัย 38 ปี ที่ไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ ซิคแพคสวยงาม และบั้นท้ายนั่นแน่นที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวนั้นคงออกกำลังกายเป็นประจำ
สายตาไม่อาจทำเป็นมองไม่เห็นอาวุธประจำกายของเขาที่กำลังเหยียดขยาย และพร้อมรบ
“อยากถอยไหม ยังมีโอกาสนะ” ถามทั้งที่ก็ไม่ได้แน่ใจว่าจะสามารถปล่อยเด็กนี่ไปได้จริงๆ หรือเปล่า
“มะ...ไม่ถอยค่ะ”
ยังคงมุ่งมั่นไม่ต่างจากเดิม
“งั้นขั้นต่อไป เราก็คงต้องเอากัน...พี่จะเอาพรีม หลายที และก็หลายวัน...”
มองคนที่เปิดลิ้นชัก แล้วก็หยิบห่อฟลอยสีเงินขึ้นมาโชว์
“รอบแรกๆ ก็คงต้องป้องกันกันก่อน เพราะถ้าพรีมลีลาไม่เด็ด พี่ก็คงทนเอาเธอไปเรื่อยๆ จนเธอท้องไม่ได้” ลองพูดแบบนี้ดูเผื่อเด็กนี่จะล่าถอยแต่ก็เปล่า ยังคงหน้านิ่งมองจ้องเขาตาแป๋ว
พีรดาอับอายเหลือเกิน ตอนนี้มองคนที่ปลุกเร้าตัวเองจนพร้อมรบยิ่งขึ้นไปอีก ก่อนที่เขาจะสวมเจ้าเครื่องป้องกันที่โชว์เธอเมื่อสักครู่ลงบนท่อนลำเขื่องใหญ่
“อย่าอายไปหน่อยเลย ของแบบนี้น่ะมันเป็นเรื่องธรรมดา พรีมเองก็ควรจะเริ่มแก้ผ้าได้แล้วนะ พี่ไม่ชอบคนชักช้า ไม่ทันกิน”
ดีจริงๆ เด็กนี่ก็รีบกุลีกุจอแก้ผ้า ใครจะคิดว่าเด็กท่าทางเรียบร้อยหัวอ่อนตรงหน้าจะเต็มไปด้วยความดื้อด้าน
และไม่นานเกินรออีกฝ่ายก็แก้ผ้าออกจนหมดสิ้น ถึงกลับเผลอกลั้นใจกับภาพที่เห็น โนมเนื้ออวบใหญ่ รับกับเอว และสะโพกที่ผายแบบพอดิบพอดี
หุ่นนาฬิกาทราย ซ่อนรูปเหลือเกิน
“ขยับมาตรงนี้”
พีรดาคลานเข่าไปอย่างว่าง่าย แม้จะอายแสนอายที่ต้องมาแก้ผ้าอยู่ด้วยกันกับเขา แต่พอคิดถึงบุญคุณและหน้าที่ รวมไปถึงความรักและภักดี ก็คิดแล้วว่าจะไม่มีวันเสียใจ
“จูบพี่สิ ทำให้พี่ต้องการพรีม...”
“ค่ะ...” รับคำทั้งที่จมูกก็คลอเคลียกันไม่ได้ห่าง มือค่อยๆ ประคองกระชับแก้มสากก่อนจะสัมผัสริมฝีปากลงไปอย่างแผ่วเบา
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้ว และเธอก็ตั้งใจจะทำมันให้ดีที่สุด
ทันทีที่ปากจิ้มลิ้มบดคลึงเข้าหา ปากก็โรมรันเข้าใส่อย่างร้อนแรง ลิ้นเกี่ยวแน่นพันตู และมือใหญ่ก็จับศีรษะเล็ก รวบท้ายทอยให้เธอจูบตอบเขาอย่างไม่มีทางถอยหนี
“อื้อ...พี่ไฟคะ”
ยิ่งได้ยินเธอคร่ำครวญชื่อตัวเอง ยิ่งมือเล็กจับมือเขาให้ไล้ไปตามโนมเนื้อ ความอดทนและทุกอย่างก็เป็นอันสิ้นสุด
“ดีจังเลยค่ะพี่ไฟ อ๊า...” ขานรับจูบเร่งเร้า ก่อนจะถูกเขาผลักจนล้มลงนอนหงายไปกับเตียง ร่างแกร่งตามประกบขึ้นคร่อม ร่างกายเสียดสีกันจนแทบไฟลุก
พีรดารู้สึกถึงจมูกโด่งที่ไต่ลงต่ำมาตามเนินอก แล้วปากกว้างก็อ้างับก่อนที่ลิ้นสากจะระรัวและไล้เลียไปกับยอดถัน ความรู้สึกหวาบหวามยังไม่ทันหมดสิ้น ก็ถูกร่างแกร่งขยับมาอยู่กลางหว่างขา ทำให้ต้นขาต้องแยกออกจากกันโดยปริยาย
ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาเปลือยเปล่าต่อสายตาของพี่ไฟถึงเพียงนี้ ยิ่งตอนนี้รู้สึกถึงมือแกร่งที่จงใจลูบไล้มาที่กลางกาย ในขณะที่ปาก ลิ้น และจมูกก็ยังปรนเปรอช่วงบนของเธอไม่ได้หยุดหย่อน
“พี่ไฟ...พี่ไฟขา...” ครวญกระเส่า พยายามหุบขาด้วยความอับอาย แต่สุดท้ายนิ้วแกร่งกลับทะยานเข้าไปในเส้นทางที่แสนคับแน่น
ทุกครั้งที่ปากหยักลากต่ำ ความรู้สึกเสียวกระสันวูบวาบก็แผ่ซ่านกระจายไปทั่วกาย และไม่นานเขาก็จูบลงไปในที่ที่เธอไม่คิดฝัน
“อ๊า...อย่าค่ะพี่ไฟ อ่าห์...พรีมอาย” ตอนนี้นิ้วยาวสอดลึกเข้าไปในเส้นทางอันแสนส่วนตัว ทำได้เพียงแค่จ้องมองกลุ่มผมดกดำของคนที่นอนจ้องส่วนอันแสนอ่อนไหว
“ซี้ด...” สูดปาดเสียงดังลั่นเมื่อเขาทั้งจูบทั้งสอดนิ้ว ในความอับอายมีความต้องการ มีความสุขสมกระจายวูบวาบ และไม่นานความรู้สึกอันแสนไม่คุ้นชินทั้งคับทั้งตึงก็บังเกิดขึ้น พอมองไปก็เห็นเขากำลังแทนที่ปากและลิ้นด้วยตัวของเขา
“มันอาจจะเจ็บนิดหน่อยนะ”
พี่ไฟบอก ก่อนเขาจะขยับลงมากดระเลงลิ้นไปกับเต้าทั้งสองข้างอย่างเท่าเทียม ความรู้สึกเสียวซ่านกลับมาอีกครั้ง ไม่ต่างจากช่วงล่างที่เริ่มตอดตุบสิ่งที่กำลังคาอยู่กลางกาย
“โอ๊ะ...” มันเจ็บไม่น้อย ตอนเขาเสือกกายเข้ามาจนสุดลำ รู้สึกถึงหัวตาที่ร้อนผ่าว นี่สินะคือความรู้สึกจริงๆ ของคนที่กำลังเสียพรหมจรรย์
อนลใจอ่อนยวบยาบ เพียงแค่เห็นน้ำตาที่คลอหน่วย ตากลมโตหันมามองอย่างตัดพ้ออยู่ในที แล้วเขาก็ประกบริมฝีปากหวานอย่างปลอบประโลม
บทเพลงสวาทถูกบรรเลงไปอย่างเชื่องช้าเนิบนาบ เขาใจเย็นและพยายามเอาอกเอาใจ ไม่มีสักครั้งในชีวิตที่รู้สึกอยากจะทะนุถนอมใครเท่าผู้หญิงใต้ร่าง และไม่นานอารมณ์แห่งดำกฤษณาก็ถูกพาไปจนสุดทาง
เธอเกร็งกระตุกขึ้นไปเยือนสวรรค์ก่อน และเขาก็รีบขยับกายเร็วรี่ ก่อนจะตะกายสวรรค์ไปยืนคลอเคลียเธอบนนั้นด้วยกัน
เมื่อทุกอย่างจบลง อนลก็ขยับออกห่าง เขามองคนที่ตะแคงหนีไปอีกฝั่งของเตียง ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ แต่เธอก็ได้กลายเป็นเมียของเขาแล้วจริงๆ
“เสียใจเหรอที่เสียตัว”
“เปล่าค่ะ” จริงๆ เสียใจตอนเขาพูดประโยคแล้งน้ำใจประโยคนี้มากกว่า เคยคิดว่าครั้งแรก เขาจะนอนตระกองกอดและปลอบประโลม แต่นั่นก็คงเป็นเทพนิยายที่เธอเคยอ่านเสียมากกว่า
“แล้วร้องไห้ทำไมฮืม?” อดที่จะขยับไปคลอเคลียคนที่ยังนอนนิ่งไม่ได้
“เปล่าค่ะ...”
“แล้วที่น้ำตาไหลนี่คืออะไร” สวมกอดและก็ดึงอีกฝ่ายขึ้นมานอนหนุนไหล่ กดหอมไปบนพวกแก้มนุ่มเบาๆ
“ก็...พรีมตัวเสียตัวไปแล้วนี่คะ ใจมันก็เสียแบบแปลกๆ” ผู้หญิงทุกคนในโลกก็คงรู้สึกแบบนี้ ครั้งแรกแถมไม่มีความแน่นอน สิ่งที่ทำร่วมกันไปแล้ว ไม่ได้เป็นการการันตีว่าเขาจะรักเธอเหมือนที่เธอรักเขา
“พี่อนุญาตให้เศร้าได้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ถ้ามีครั้งหน้าทุกข้อตกลงเป็นอันยุติ โอเคไหม” กระชับวงแขน และก็จำใจต้องพูดออกไปตรงๆ ถ้าเธอไม่ได้รู้สึกดีกับสิ่งที่ทำลงไป เขาก็ยุติธรรมพอที่จะปล่อยเธอไป
“พรีมไม่ได้เศร้าค่ะ พรีมเต็มใจเป็นของพี่ไฟค่ะ” หันไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายก่อนจะบอกความในจากหัวใจออกไปตามตรง
“อืม...พี่จะเชื่อก็แล้วกัน” ความดื้อด้านที่ควรจะน่ารำคาญ แต่ไม่รู้ทำไมเขากลับนึกเอ็นดูมันมากขึ้นเรื่อยๆ