“พี่จะเป็นคนส่งเธอเรียนเอง” อนล หรือไฟวัย 34 ปี บอกออกมาด้วยเสียงราบเรียบ เคร่งขรึม
“แลกกับอะไรคะ” ชีวิตมันสอนให้พีรดา หรือพรีมวัย 17 ปีถามออกไปตามตรง
“พี่จะช่วยฟรีๆ” เสียงห้าวบอกคนที่ตัวเองแอบเอ็นดูมาตลอด เขามองเธออยู่ไกลๆ ในฐานะพี่ชายของเพื่อนสนิทของเธอ
ไม่จริง! ร้องปฏิเสธอยู่ภายในใจ หลายวันมานี่ หลังจากพ่อกับแม่เสียจากอุบัติเหตุรถยนต์ เธอก็รู้แล้วว่า ไม่มีอะไรในโลกใบนี้ที่ได้มาฟรีๆ แม้แต่ความรักจากญาติพี่น้องที่เคยคิดว่าตัวเองมี ก็ยังต้องใช้ทรัพย์สมบัติที่พ่อแม่ทิ้งไว้เพียงน้อยนิดแลกมา
แล้วเขาเป็นใคร แค่พี่ชายของเพื่อนสนิทอย่างอัยยา หรือน้ำเพชร เขาที่เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่แทบจะไม่เคยได้พูดคุยกัน ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ แล้วทำไมเขาจะต้องมาสูญเสียเงินทองมากมายเพื่อส่งเธอเรียน
อีกตั้ง 4 ปีเชียวนะ ค่าใช้จ่ายก็ไม่ใช่น้อย
“พี่ไฟต้องการอะไรเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกับการส่งพรีมเรียนเหรอคะ” ถามย้ำกลับไปอีกครั้งด้วยสายตาที่มุ่งมั่น
อนลมองคนที่หันมามองอย่างตรงไปตรงมา ยิ่งมองก็ยิ่งปรารถนา แต่มันไม่ใช่ความรู้สึกในแบบที่ต้องการเอารัดเอาเปรียบ
“ก็ถ้าพรีมอยากจะตอบแทนพี่จริงๆ...ก็มีลูกให้พี่สักคนมั้ง ตอบแทนความมีน้ำใจของพี่ในวันนี้”
4 ปีต่อมา
พีรดาในวัย 21 ปี เดินทางมายังคฤหาสน์ของเจ้าของเงินที่ส่งเสียเธอเรียนปริญญาตรีจนจบ ถ้าไม่ได้พี่อนล พี่ชายของอัยยา อดีตเพื่อนที่เคยสนิท เธอก็คงไม่มีวันนี้ อย่าว่าแต่จะเรียนให้จบเลย ถ้าวันนั้นเขาไม่ช่วยเธอก็คงไม่มีแม้แต่ที่จะซุกหัวนอน หรือถ้าแย่กว่านั้น ก็ไม่มีแม้แต่อาหารแต่ละมื้อที่จะประทังชีวิต
วันนี้เธอสบายขึ้น มีปริญญาอยู่ในมือแล้ว มีเงินเก็บเล็กน้อยที่สะสมเอาไว้จากงานพาร์ตไทม์ แต่เธอจะต้องไม่ลืมวันนั้น วันที่ตัวเองลำบาก วันที่โชคชะตาไม่เข้าข้างมีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่ยื่นมือมา
ประดุจพ่อพระ และเป็นคนคนเดียวที่หยิบยื่นโอกาส และความช่วยเหลือ
ไม่มีเขาก็คงไม่มีเธอในวันนี้ และบุญคุณก็ต้องทดแทน แต่เหนือสิ่งอื่นใด เธอเต็มใจแลกชีวิตทั้งหมดเพื่อให้ได้เป็นผู้หญิงข้างกายเขาสักคืน หรือแม้แต่ครึ่งคืน
พีรดาไม่อยากยอมรับ แต่มารู้ตัวอีกครั้ง เธอก็หลงรักผู้ปกครองของตัวเองไปแล้ว แม้จะไม่ได้เจอกันแบบเผชิญหน้ากันตรงๆ อีกเลยหลังจากวันนั้น แต่ความใจดีของเขาที่สื่อสารผ่านกันมาตลอด ไม่ว่าจะทางอีเมล์ หรือโทรศัพท์ มันก็ทำให้เธอที่ขาดแคลนความรัก อดที่จะรักเขาไปแล้วไม่ได้
อนลปรากฏกายตรงหน้า พี่ไฟยังคงหล่อเหลาไม่ต่างจากครั้งสุดท้ายที่ได้พบกัน นับๆ ดูปีนี้พี่ไฟก็อายุ 38 ปี เข้าไปแล้ว แต่ทำไมเขาไม่ยักกะแก่ลงเลย
“พรีมเอาใบปริญญามาให้พี่ไฟดูค่ะ...” ส่งยิ้มให้คนที่หย่อนกายลงนั่งในท่วงท่าผ่อนคลาย
อนลเปิดดูใบทรานสคริปรู้สึกพอใจกับเกรดเฉลี่ยที่เห็น สาวน้อยแข็งกร้าว เย็นชา มีโลกส่วนตัวสูงในวันวาน ได้กลายร่างเป็นผู้หญิงน่ารัก ยิ้มเก่ง และก็เต็มไปด้วยความมั่นใจตรงหน้า
มองเกียรตินิยมอันดับ 2 ด้วยความภูมิใจอีกครั้ง จริงๆ เขารู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่าเธอเรียนเก่ง ตามดูผลการเรียนจากสิ่งที่เธอรายงานผ่านทางเลขาเป็นประจำส่งคนไปตามประกบดูแลอยู่ห่างๆ
ไม่ได้เจอกัน 4 ปีก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเลิกสนใจคนตรงหน้าสักหน่อย
“เก่งมาก...”
พีรดาหัวใจเต้นรัวเพียงแค่ได้ยินคำชมสั้นๆ เท่านี้ก็หายเหนื่อยกับความพยายามมาตลอด 4 ปี
“พี่เตรียมของขวัญไว้ให้เล็กๆ น้อยๆ”
ไม่เคยคาดหวังว่าเขาจะเตรียมของขวัญเอาไว้ให้ ทำได้แค่มองกล่องกำมะหยี่สีแดงที่ถูกวางลงตรงหน้า กล่องสี่เหลี่ยมคล้ายกล่องเครื่องประดับ
เธอคงรับอะไรที่แพงขนาดนี้ไม่ได้อีกแล้ว แค่เขาส่งเธอจนเรียนจบก็เป็นบุญคุณที่ตอบแทนกันไม่หมดไม่สิ้นแล้ว
“เปิดดูสิ”
มือเล็กทำตามคำสั่ง ก่อนที่ตากลมโตจะเบิกกว้างเมื่อเห็นกุญแจรถอยู่ในนั้น รถยี่ห้อหรูอย่างมินิ คูเปอร์มันคงไม่เหมาะกับคนที่นั่งรถเมล์เป็นประจำแบบเธอ
“พรีม...” เงยหน้ามองคนที่นั่งไขว้ห้าง ยกกาแฟขึ้นจิบ
“ชอบไหม พี่ก็ไม่เคยซื้อรถให้ผู้หญิง...เห็นน้ำเพชรเคยขับรุ่นนี้ ก็คิดว่าสาวๆ สมัยนี้เขาน่าจะชอบแนวนี้กัน”
“พรีมคงรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ” ปิดกล่อง แล้วก็เลื่อนมันคืนไปทางเจ้าของเดิม
“รับไปเถอะ...พี่ตั้งใจไว้แล้ว” อนลเองก็ยืนกรานความตั้งใจเดิม
“ที่พรีมมาวันนี้...จริงๆ พรีมจะมาคุยเรื่องที่พี่ไฟเคยขอให้ พรีมมาทำตอนที่เรียนจบ...” พูดเอง แล้วก็กระดากปากเอง
“อ๋อ เรื่องนั้น...” เขาเองก็จำได้ แต่ไม่ได้คิดหรอกว่าจะต้องทำกันจริง แอบหวังลึกๆ ด้วยซ้ำว่าจะลืมๆ มันไปบ้างแล้ว
“ค่ะเรื่องนั้น...” เรื่องอุ้มท้องมีลูกให้เขาหนึ่งคน
“ถ้าพรีมไม่สะดวกใจ...พวกเราไม่จำเป็นต้องพูดถึงมันอีกก็ได้”
“พรีมสะดวกใจ และก็เต็มใจค่ะ ที่มาวันนี้ก็เพราะเรียนจบแล้ว...คิดว่า อาจจะถึงเวลากับเรื่องที่เราเคยตกลงกันเอาไว้”
“พรีมแน่ใจเหรอ เรื่องที่...พี่เคยพูดเอาไว้...” ตอนนั้นพีรดาเป็นเด็กดื้อ ดวงตาแข็งกร้าว และก็ไม่ไว้วางใจในตัวเขา
อนลก็แค่อยากให้เธอรับไมตรี จนเผลอพูดในสิ่งที่ต้องการออกไป แต่ถ้าเธอไม่พร้อม เขาก็ไม่เคยคิดจะเอาบุญคุณมาเป็นข้อต่อรอง หรือบีบบังคับฝืนจิตใจ และจะว่าไปคนที่อยากได้ลูกน่ะ ไม่ใช่ตัวเขาหรอก แต่คือพ่อกับแม่ที่อยากได้หลานมากกว่า
มันมากจนพวกท่านบังคับให้เขาหมั้นกับลูกสาวของเพื่อนพวกท่านเมื่อ 3 ปีก่อน เขาก็ตั้งใจแหละว่าจะรับไมตรีจากคู่หมั้นตัวเอง พยายามตัดใจจากคนตรงหน้า แต่มันก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายเขากับแพรธาราก็เลิกลากันไป
“ค่ะ เรื่องที่พรีมต้องมี ‘ลูก’ ให้พี่ไฟหนึ่งคน” พูดเองแล้วก็เขินเอง รู้สึกถึงแก้มที่ร้อนผ่าว แม้แต่จะสบตาเขาต่อก็ยังเป็นเรื่องที่ยาก
สำหรับเธอแล้ว แม้จะไร้รัก เป็นแค่หน้าที่ แต่ถ้าเพื่อเขา เธอก็เต็มใจ