เป็นสิบวันที่เปี่ยมไปด้วยความสุขและคุณภาพ สำหรับ ดาหลา เธอเป็นเมียเก็บของตรัยคุณอย่างเต็มตัว แทบไม่ได้ก้าวขาออกไปจากห้องในคอนโดแห่งนี้
ตรัยคุณเองก็ไม่ต่างกัน ปากอาจจะบอกว่าไม่เต็มใจ แต่ร่างกายกลับกุลีกุจอที่จะร่วมศึกเสน่หาตลอดทุกค่ำคืน
“อื้อ...พี่ตรัยขา...” เธอเอียงแก้มหันไปรับจมูกโด่งๆ ที่กดคลึงมาอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้ร่างกายหลอมรวมเป็นหนึ่ง ร่างบึกบึนซ้อนหลังแล้วก็กำลังโยกคลึงด้วยจังหวะอันแสนเร่าร้อน
“พี่ตรัย...อ๊า...”
“ว่าไงหืม?” เขากดหอมไปตามซอกคอขาวเนียนอย่างไม่รู้เบื่อ แกล้งถามไปแบบนั้นแหละ อยากยั่วเย้าคนที่กำลังเสียวกระสันในแบบที่เรียกว่าใกล้สุดขีด
“หนูอยากได้พี่ค่ะ พี่ตรัยอย่าแกล้งหนูเลยนะคะ...” ดาหลาส่งสายตาเว้าวอน มือก็กอดมือแกร่งข้างที่กำลังรวบอยู่แถวเต้าเอาไว้แน่น
แล้วไม่นานสะโพกก็เด้งเข้าใส่คนที่กระชั้นกายเข้าใส่ถี่ๆ ก่อนที่ทั้งเธอและเขาจะตะกายสวรรค์ขึ้นไปยืนเคียงข้างกันบนนั้น
เป็นอีกครั้งที่เขาไม่ได้ป้องกัน หรือจะพูดให้ถูกก็คือสิบวันมานี่เขาแทบไม่ได้ป้องกันเลยสักครั้ง ยังจำคำกระซิบที่พร่ำบอกว่าเธอต้องรับผิดชอบตัวเอง และเธอก็โง่มากที่ดันรับปากรับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าอยู่ในระยะปลอดภัย
เอาจริงๆ เธอไม่ได้เชี่ยวชาญขนาดจะเข้าใจเรื่องเพศสัมพันธ์และการคุมกำเนิดในระดับที่ล้ำลึก แต่ตอนนี้ก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย พี่ตรัยเอาแต่ใจ แล้วเขาก็เผด็จการเมื่อเป็นเรื่องบนเตียง
เพียะ!
ตรัยคุณตีก้นกลมกลึงอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะค่อยๆ ขยับออกห่างอย่างแสนเสียดาย แต่จะให้เผลอนอนกอดกันกลมเหมือนอย่างบางคืนก็คงจะเสียฟอร์มน่าดู
“พรุ่งนี้...”
“พรุ่งนี้จะตั้งแต่เช้ายันมืดเลยดีไหม” เขาหันไปต่อประโยค แล้วก็มองคนที่ยังรวบผ้านวมขึ้นมาห่มถึงคอ
ยังอายอยู่สินะ แต่เขากลับไม่รู้สึกรำคาญ ตรงกันข้ามกลับขยับเข้าไปกอดคนที่ยังนอนนิ่ง
“คือวันนี้ครบสิบวันแล้วนะคะ” มันครบกำหนดการเป็นนางบำเรอที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่ต้น
“อ๋อ...จะคิดเงินเพิ่มสินะ” ไม่รู้สิ อยู่ดีๆ เขาก็รู้สึกโมโหขึ้นมา แล้วที่กกกอดกันเมื่อสักครู่นี่มันไม่ได้มีความหมายกับเธอเลยสินะ
เปล่า...เธออยากปฏิเสธ แต่ก็ทำได้แค่เม้มปากแน่น
“ว่าไง หรือที่ได้ๆ ไปน่ะมันไม่พอ!” เขาขยับออกห่าง ตอนนี้ลงไปยืนที่ข้างเตียงแล้วก็จ้องหน้าคนที่ยังเอาแต่นิ่ง
“เดลไม่เคยได้อะไรทั้งนั้น ถ้าพี่ตรัยคิดว่าเดลหิวเงินมากนัก อยากให้เดลอยู่ต่อ พี่ก็จ่ายมาแล้วกันค่ะ” อยากให้พูดแบบไหนก็จะพูด
“ฉันจ่ายแน่...” เขาเปิดกระเป๋าสตางค์ก่อนจะเหวี่ยงแบงก์ทั้งหมดใส่หน้าคนที่ลุกขึ้นนั่งเถียงฉอดๆ “และไม่ต้องห่วง หลังจากหมดเวลาคืนนี้ ฉันจะไม่รั้งเธอเอาไว้แม้แต่นาทีเดียว”
ทำไมเขาต้องใจร้ายกับเธอถึงเพียงนี้ ทำไมเขาไม่คิดบ้างว่าที่เธอยอมทั้งหมดก็เพราะรู้สึกดีๆ กับเขา
“แต่ในเมื่อตอนนี้มันยังไม่หมดเวลา เธอก็มีหน้าที่ที่ต้องทำให้ฉันพอใจ ให้มันคุ้มกับเงินที่เสียไป เข้าใจนะ” เขาดันร่างบอบบางให้นอนราบลงไปกับเตียงอีกครั้ง ก่อนจะเหวี่ยงผ้าห่มออกไปจนพ้นทาง
ดาหลาอับอายสายตาคมคายที่มองมาอย่างสำรวจตรวจตรา จะกี่ครั้งก็ไม่เคยคุ้นชิน
“เธอน่ะมีอารมณ์อีกแล้ว...”
“อย่าค่ะ” เธอปัดป้องนิ้วยาวๆ ที่จงใจบดเบียดมาบนยอดถัน
“จะร้องห้ามอะไร ก็หัดสำรวจความรู้สึกของตัวเองบ้างนะ”
ไม่เพียงแต่พี่ตรัยจะไม่หยุดคลึง แต่ปากกว้างกลับจงใจงับลงมาที่ยอดถันอีกข้าง ก่อนที่ปากหยักจะเริ่มดูดดึงราวกับมันเป็นขนม
“อ๊า...พี่ตรัย...” เธอครวญกระเส่าด้วยน้ำเสียงที่ฟ้องถึงหัวใจที่สมยอม
“จำไว้นะว่าคนแบบฉันจะไม่มีวันรั้งผู้หญิงแบบเธอ...”
“โอ้ว...” ถึงปากเขาจะร้ายกาจ แต่ความหฤหรรษ์ที่เขากำลังมอบให้มันก็สุดจะทานทน
“มีแต่เธอเท่านั้นที่จะร้องเรียกหาให้ฉันกลับไปเอา”
แล้วก็ถูกเขาตะโบมจูบอย่างดูดดื่ม ร่างกายเหมือนเจออีกครึ่งที่หายไป แล้วมันก็เหมือนกับทุกครั้ง เธอดื่มด่ำ หลงใหลไปกับไฟเสน่หา ก่อนจะตะกายขึ้นไปยืนบนสวรรค์เคียงข้างกับผู้กระทำ
5 เดือนต่อมา
ตรัยคุณหายไปจากชีวิตของดาหลา ส่วนหนึ่งอาจเพราะเขาเดินทางไปทำธุรกิจของครอบครัวที่ประเทศจีน
เขาไม่ได้บอกเธอหรอก แต่เธอรับรู้และได้ยินจากการที่คนแถวบ้านนั้นพูดคุยกัน คนร่ำรวยที่เป็นถึงลูกชายคนเล็กของบ้านผู้พิพากษาหลังใหญ่ในซอยย่อมเป็นหัวข้อที่น่าสนใจ แถมพี่ตรัยยังเป็นหนุ่มหล่อ หนุ่มโสดเนื้อหอมที่เป็นที่ใฝ่ฝันของผู้หญิงเกือบทุกคนในชุมชนที่เธออาศัยอยู่ด้วย
“วันนี้พ่อไปบ่อนก่อนนะ”
มันเป็นถ้อยคำเดิมๆ ของบิดาอย่างดนุพล แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะห้าม เธอมองมือที่ยังคงแบรออยู่ตรงหน้า
“พ่อคะ นี่จะเป็นก้อนสุดท้ายที่หนูจะให้พ่อแล้วนะคะ” ทำเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอกินพอใช้ พี่สาวอย่างดาลัดก็หายไปเลย ไม่แม้แต่จะกลับมาให้เห็นหน้า
“เอาน่า ถ้าพ่อได้ เราก็จะสบาย...หลานก็จะสบายนะลูก” ท่านมองไปที่ท้องนูน อดเวทนาบุตรสาวแสนสวยไม่ได้
ดนุพลเองก็เจ็บแค้นตัวเองที่ดูแลลูกได้ไม่ดีพอ ปล่อยให้ใครก็ไม่รู้มาลากไปนานนับสิบวัน ย่ำยีจนท้องโตแล้วก็ยังเฉดหัวกลับมาอย่างไม่คิดไยดี
“พ่อคะ หนูขอร้องให้พ่อเลิกได้ไหมคะ” เพราะถ้าพ่อไม่เลิก ต่อไปเธอคงอยู่ที่นี่ไม่ได้ คงต้องหาทางขยับขยายไปที่อื่น อีกแค่สี่เดือนลูกก็จะคลอดแล้ว ตอนนี้ปัญหาทุกอย่างมันรุมเร้าจนแทบไม่มีทางแก้
“พ่อก็เลิกแล้วนะ”
ใช่ แต่พ่อเลิกแค่เหล้ากับบุหรี่ ในขณะที่การพนันมันเหมือนจะมากขึ้นเรื่อยๆ
“หนูคงไม่มีเงินมาให้พ่อแล้วนะคะ ต่อไปเงินทุกบาทหนูจะเก็บไว้คลอดลูก” เธอตัดสินใจบอกบิดาบังเกิดเกล้าออกไปตรงๆ
“กลับไปหามันไม่ได้เหรอ ให้มันรับผิดชอบสิ่งที่มันทำเอาไว้” มันที่ว่าคือใครเขาก็ไม่รู้ เพราะถ้ารู้เขาจะไปตามลากมันมาสางปัญหาที่มันทิ้งไว้
“พ่อคะ ถ้าพ่อไม่เลิกเล่น หนูกับลูกก็จะไปหาที่อยู่ใหม่ หนูคงไม่ได้บอกพ่อนะคะว่าไปอยู่ที่ไหน” ดาหลาบอกออกไปอย่างคนใจแข็ง ไม่ใช่ว่าตอนนี้มีอนาคตอะไรที่ดีกว่า แต่ถ้าไม่ไปตายเอาดาบหน้าก็คงต้องตายอยู่ที่บ้านหลังนี้
ตอนนี้เธอดรอปเรียนปีสุดท้าย ทิ้งความฝันทั้งหมดเพื่อลูกในท้อง หันมาทำอาชีพสุจริตอย่างขายขนมปังปิ้ง ขนมปังไส้เยิ้ม แม้จะกำไรงาม แต่มันก็ไม่พอค่าใช้จ่ายในสมัยนี้ และถ้าท้องแก่กว่านี้อีกสักเดือนเธอก็ไม่มั่นใจว่าจะยืนขายได้นานอย่างที่กำลังฝืนอยู่ทุกวันนี้หรือไม่
“แล้ว...”
“พ่ออย่าพูดถึงเขาได้ไหมคะ” เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ที่เธอต้องมาตอบเรื่องทำไมไม่บอกพ่อเด็ก
“อ่ะ...พ่อคืนให้” ดนุพลแม้จะไม่ใช่คนดีนัก แต่ก็ไม่กล้าเบียดเบียนลูกไปมากกว่าที่กำลังทำอยู่
บุตรสาวคนโตที่ดูจะฉลาด มีอนาคต หวังจะได้พึ่งก็หนีไปกับผู้ชาย บุตรสาวคนเล็กก็ต้องมาท้องโตไม่มีพ่อ ไม่มีผัว จนชาวบ้านชาวช่องเขานินทากันให้ขรม
เขาเองที่กำลังจะเป็นตาคนก็ควรจะคิดและเป็นเสาหลักให้กับหลานให้ได้บ้าง อย่างน้อยก็จะได้ไม่อายคนที่กำลังจะเกิดมาลืมตาดูโลก
“รับไปสิลูก” ดนุพลยัดเงินใส่มือคนที่ยังนั่งนิ่ง ก่อนที่มือบางจะยัดเงินกลับมาให้
“หนูให้พ่อแล้ว ไม่คิดเอาคืนหรอกคะ” ดาหลาขยับเข้าไปสวมกอดบิดา รู้อยู่ว่าท่านก็คงไม่อยากจะเมาหัวราน้ำหรือว่าเข้าบ่อนเป็นเนืองนิจ แต่ความจนมันน่ากลัว และสำหรับท่านที่ไม่ได้มีโอกาสมากมายในชีวิตให้เลือก ก็คงคิดว่าได้ทำในสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
“พ่อสัญญานะ จะพยายามเป็นตาที่ดีขึ้น จะทำให้ไอ้ตัวเล็กในท้องมันภูมิใจ”
“เดลขอบคุณพ่อมากค่ะ” เธอขยับลงไปกราบที่ตักบิดา ซึ้งใจที่อย่างน้อยท่านก็ไม่เคยด่าหรือแม้แต่พูดให้รู้สึกแย่กับเรื่องที่ท้องไม่มีพ่อ
“ขอบใจมากนะลูก งั้นพ่อไปก่อนนะ” ท่านมองลูกสาวที่เผลอหลุบตาลงต่ำ คงคิดสินะว่าพ่อคนนี้จะกลับเข้าบ่อน
“พ่อจะกลับดึกมากไหมคะ” วันนี้ก็คงเหมือนทุกคืนที่ต้องเข็นรถกลับเข้ามาตามลำพัง ปกติก็จ้างเด็กแถวชุมชนนั่นแหละ แต่ตอนนี้เด็กนั่นก็ชอบหายตัวไปมั่วสุมช่วงหลังสี่ทุ่ม
“ไม่ดึก คืนนี้พ่อออกกะแล้วจะไปรับนะ” ดนุพลขยี้ศีรษะคนที่ยิ้มออก
“แล้วพ่อออกกะกี่ทุ่มคะ” พ่อเป็นพนักงานเข็นเปลที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
“ประมาณสองทุ่ม รอพ่อแล้วกันนะ ไม่ต้องห่วง พ่อพูดคำไหนคำนั้น พ่อบอกว่าจะไม่ไปบ่อนแล้ว ก็จะไม่ไปแน่ๆ”
ดาหลามองบิดาที่โบกมือให้ ก่อนจะสตาร์ทมอเตอร์ไซค์และขับออกไป ภายในใจรู้สึกดีมากที่อย่างน้อยเรื่องดีๆ อีกเรื่องก็กำลังจะเกิดขึ้น