ร่างบอบบางของบุรัสกรวิ่งตึกตักๆ ไปทางหลังตึก ก่อนจะไปถึงหน้าห้องห้องหนึ่ง ความใจร้อนไม่ทำให้เธอแม้แต่จะคิดเคาะขออนุญาต ตรงกันข้ามเธอถือวิสาสะบิดลูกบิดเข้าไป ก่อนจะปล่อยให้ประตูปิดตามหลังเสียงดัง
ปัง!
“ศรา! นายต้องช่วยฉันนะ”
“คุณบุ๋น!” เจ้าของห้องหันไปยังไม่ทันได้ถามว่าเจ้านายเข้ามาทำไม ก็ทำได้เพียงแค่รับร่างที่ถลาเข้ามากอดซบ
ความไม่เหมาะสมเกิดขึ้นทันที เมื่อเขาในเวลานี้เพิ่งอาบน้ำเสร็จและอยู่ในสภาพน้ำยังหยดพราวตัว มีเพียงแค่ผ้าขนหนูคาดเอวติดตัวอยู่เพียงแค่ผืนเดียว
“ฉันทะเลาะกับคุณพ่อ...นายพาฉันออกไปจากบ้านนะ ฉันไม่อยากอยู่บ้านคืนนี้”
“ใจเย็นๆ ก่อนดีไหมครับ” เขาดันบ่าเล็กออกห่าง ไม่ได้รังเกียจ แต่การใกล้ชิดกันในสถานการณ์แบบนี้ ใครมาเห็นเข้า คนที่มีแต่เสียกับเสียก็คงไม่พ้นคุณหนูแสนสวยคนนี้เท่านั้นเอง
“หรือแม้แต่นายก็รังเกียจฉัน” เธอผิดหวังเสียใจที่อีกฝ่ายไม่ตามใจ
บุรัสกรกับศราอยู่ใต้ชายคาเดียวกันมานานนับ 10 ปี เขาเป็นลูกของบอร์ดี้การ์ดของบิดา อายุห่างกับเธอ 4 ปี ไม่ใช่เพื่อน แต่ก็เหมือนเพื่อน ไม่ใช่พี่แต่ก็เหมือนพี่ แม้เธอจะไม่ได้ยอมรับนับถือเขา แต่ก็ไม่เคยกล้าที่จะไม่ฟังความคิดเห็นอ้อมๆ ของเขาที่มักเตือนมาตั้งแต่เด็กจนโต
วันนั้นเมื่อ 10 ปีก่อน ตอนอายุ 11 ปี แล้วเขาก็อายุ 15 ปี เธอเสียแม่ไปอย่างไม่มีวันกลับมา ส่วนเขาก็เสียพ่อในเหตุการณ์เดียวกัน พ่อเขาใช้ชีวิตปกป้องแม่ของเธอ แต่มันก็ไม่สำเร็จ ศัตรูของบิดาฆ่าคนทั้งคู่ สร้างความเจ็บช้ำให้คนทั้งสองครอบครัว
พ่อของเธอ วาสุเทพเดินทางไปรับเขากับแม่ขึ้นมาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ ท่านดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี แรกๆ เธอก็ไม่ชอบพวกเขา ก่อนที่วันเวลาจะเปลี่ยนหัวใจของเธอไปตลอดกาล
เธอรักป้าโสมมาก และก็เผื่อแผ่ไปเอ็นดูคนที่ตัวเองไม่อยากจะนับเป็นพี่ชาย
ก๊อก...ก๊อก...
“คุณหนูขา”
นี่ไง ป้าโสมเดินมาง้องอนเธอแทนคุณพ่อแล้ว ช่างน่าน้อยใจ
“ไปแต่งตัวสิศรา” โสมหันไปสั่งบุตรชายเสียงเขียว แม้จะรู้ว่าไม่ใช่ความผิดของลูก แต่นางก็รักหลงคุณหนูจนไม่ลืมหูลืมตา
“ครับแม่” ศรารวบเสื้อกางเกงกำลังจะตั้งท่าเดินออกไปจากห้อง
“ไม่ให้ไป บุ๋นไม่อนุญาตให้ศราใส่ชุดนอน” บุรัสกรคว้าเสื้อผ้าจากมือแกร่งมาโยนไปบนเตียง
“แต่มันมืดแล้วนะครับ” ศราพยายามพูดอย่างใจเย็น เขาเองก็เหมือนกับแม่ตัวเอง คงเป็นพวกมาโซคิสม์ เพราะมารู้ตัวอีกครั้งเขาก็หลงรักคุณหนูอารมณ์ร้ายไปจนหมดหัวใจ
ขนาดเมื่อสองปีก่อน คุณท่าน...พ่อของคุณหนูจะส่งเขาไปเรียนเมืองนอก เขายังเลือกไปเรียนอังกฤษ เพราะมันใช้เวลาสั้นที่สุด ทนทรมานอยู่ห่างกับเธอได้นานแค่หนึ่งปีเท่านั้น
“ใช่ค่ะ” โสมเองก็ไม่สบายใจ
“งั้นบุ๋นไปคนเดียวก็ได้ค่ะ”
“โถ...แม่คุณ อย่าเพิ่งงอนป้าสิคะ”
“ก็ป้าโสมไม่รักบุ๋นแล้ว ศราก็เหมือนกัน ไม่รักฉันแล้ว” บุรัสกรหันไปตัดพ้อคนที่ยังยืนนิ่ง
ไม่รักเหรอ ถ้าไม่รัก ศราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองทรมานขนาดนี้เพียงแค่รู้ว่าคุณท่านจะให้เธอแต่งงานก่อนไปเรียนต่อ หรือจะไม่เรียนต่อแล้วก็ได้ แต่ต้องแต่งงาน
“ไม่จริงเลยค่ะ ป้ารักและก็ตามใจคุณหนูที่สุด คุณหนูก็ทราบนี่คะ”
“จริงนะคะ” เธอขยับเข้าไปสวมกอดคนที่ตัวเล็กกว่าตนเอง
“จริงสิคะ” นางลูบไปบนผมหนานุ่ม ทั้งรักทั้งสงสารคนที่ขาดแม่ไปตั้งแต่ยังเล็ก
“งั้นป้าโสมก็ต้องให้บุ๋นออกไปกับศรา บุ๋นไม่อยากอยู่ร่วมบ้านกับคุณพ่อในคืนนี้ค่ะ” บุรัสกรบอกออกไปอย่างเอาแต่ใจ
“ไม่เอาสิคะ ถ้าคุณพ่อท่านมาได้ยินเข้าจะเสียใจนะคะ” นางเองก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เดินผ่านมาอีกครั้งก็คือตอนที่มีการขึ้นเสียงกัน แล้วคุณหนูก็วิ่งหนีมาทางหลังบ้าน
“ก็ดีค่ะ บุ๋นจะไปคนเดียวถ้าศราไม่ยอมไปด้วย” เธอหันไปสบตากับคนที่ยังยืนนิ่ง
“ป้าไปด้วยได้ไหมคะ รีบแต่งตัวเข้าสิศรา!”
ศราส่ายหน้านิดๆ แล้วก็หันไปคว้าเสื้อผ้าทำงานออกมาใส่ นี่เขาเองก็ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าคุณหนูจอมเหวี่ยงจะไปไหนกันแน่ แต่ถ้าให้เขาเดาคงไปดื่มตามผับตามบาร์กับเพื่อนๆ เป็นแน่
“ไม่ได้ค่ะ บุ๋นจะไปดื่ม ถ้าป้าโสมไปก็ดุจนบุ๋นไม่กล้าดื่ม”
นั่นไง ซื้อหวยไปก็คงถูกแล้ว เขาปลีกตัวออกไปแต่งตัว แล้วสักพักก็ออกมายืนรอคนที่เดินโอบรัดกับมารดาของเขามาที่รถ
“นายขับนะศรา” เธอโยนกุญแจรถสปอร์ตของตัวเองให้คนที่รออยู่ก่อน
“ไปไหนครับ” พอขับออกมาจากคฤหาสน์ได้สักพักเขาก็ถาม แต่ถ้าให้เดาก็คงเป็นผับสักแห่งของเพื่อนๆ ที่เธอไปประจำ
“ไปคอนโดนาย”
ไม่คิดว่าคุณหนูบุรัสกรจะรู้ความลับเรื่องนี้ หรือบางทีมารดาอาจจะเผลอบอกความลับของเขากับคุณหนูลูกรักของท่าน
“ผม...”
“อย่าแม้แต่จะคิดโกหกฉันนะ” เธอกอดอกแล้วก็จ้องหน้าคนที่วางท่าทำเป็นนิ่งได้เนียนสุดๆ เขาขรึม ข้อนี้เธอรู้ แต่ลืมหรือเปล่าว่าเธอคือใคร เรื่องส่วนตัวของเขาไม่มีเรื่องไหนที่เธอไม่มีทางไม่รู้หรอก
“อ๋อ...ระหว่างทางแวะเซเว่นด้วยนะ”
“แวะทำไมครับ”
“ก็ไปซื้อเหล้ากับกับแกล้มไง...” จะให้ไปค้างคอนโดเขาโดยไม่มีเครื่องดื่มหรือไง
ศราทำได้เพียงแค่ปฏิบัติตามคำสั่ง เขาไม่ได้กลัวเธอหรอก เพียงแต่เผลอรักมากจนไม่กล้าขัดใจ
“ว้าว...นี่นายมีเงินขนาดซื้อห้องได้ใหญ่ขนาดนี้เชียว”
“ครับ” ก็เพราะคุณท่านสนับสนุน เขาถึงมีเงินเดือนเยอะพอที่จะมีสมบัติเป็นของตนเอง
“นายจะทิ้งพ่อทิ้งฉันมาอยู่ที่นี่เหรอ” บุรัสกรใจแป้วไม่น้อย ไม่คิดว่าที่นี่จะสวยและก็น่าอยู่ขนาดนี้ “นายจะขโมยป้าโสมมาด้วยใช่ไหม” น้ำเสียงมันเครือขึ้นมาเอง ใครเล่าจะอยากเป็นคนงานบ้านคนอื่นไปตลอดชีวิต
“ก็ป้าโสมของคุณเป็นแม่ของผมนี่” ศราไม่ได้มีแผนที่จะย้ายมาอยู่ที่นี่หรอก เพียงแต่แค่เผื่อไว้ก็ไม่เสียหาย
“นายจะทิ้งฉันจริงๆ เหรอ” เธอขยับไปยืนจ้องคนที่กำลังเอาของออกจากถุงผ้า
นี่ทุกอย่างในชีวิตของเธอกำลังจะเปลี่ยนไปจริงๆ ใช่ไหม
“ไม่หรอกครับ ถ้าผมมา แม่ก็คงไม่ยอมมาด้วย” อย่างน้อยถ้าแม่จะตัดใจก็ต้องตอนคุณหนูของท่านแต่งงานออกไปจากบ้านสักพัก
“งั้นเรามาดื่มขึ้นบ้านใหม่นายกันไหม”
ศราไม่ได้บอกนี่ว่าเขาจะไม่ทิ้งเธอ แล้วทำไมเธอต้องมาใจเสียก็ยังไม่รู้เลย หันไปคว้าแก้วกาแฟในตู้ที่มีอยู่เพียงแค่สองใบมา แล้วก็เอาเหล้ามาเทลงในถ้วย
เธอดื่มเพียวๆ เข้าไปอึกใหญ่ เหล้าที่ขายในเซเว่นไม่มีทางคณนาท้องเธอหรอก
เธอหยิบขนมมาแกะกินแล้วก็เดินไปนั่งที่โซฟากลางห้อง ที่นี่ยังตกแต่งไม่เสร็จ และจะว่าไปก็มีเพียงเครื่องเรือนอยู่แค่สองสามชิ้นเท่านั้น
“นายพาผู้หญิงมานอนที่นี่เหรอ”
ศราที่เพิ่งขยับมานั่งข้างๆ เลิกคิ้วขึ้นสูงแทนคำตอบ
“นายมีแก้วสองใบนี่” เธอมองแก้วสีชมพูในมือสลับกับมองหน้าคนที่ยังเอาแต่นั่งนิ่ง
เขาไม่ตอบ แต่แกล้งหยิบขนมกรุบกรอบยัดใส่ปากราวกับไม่เคยกิน แล้วพอชะโงกไปดูแก้วในมือก็พบว่ามันเป็นแค่น้ำโค้กเท่านั้น
“แลกกันไหมครับ” เขาแกล้งถามคนที่ทำเหมือนสนใจแก้วในมือเขามากกว่า
“นายเคยนอนกับผู้หญิงแล้วเหรอศรา”
ไม่เพียงแต่ไม่ตอบ แต่เจ้าหล่อนยังถามเรื่องที่ไม่ควรถามด้วย
“ว่าไงล่ะ” เธอขยับไปชะโงกหน้าแล้วก็จ้องคนที่แก้มแดงขึ้นมา ไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องที่คิดมันเป็นเรื่องจริง
นายเย็นชาคนนี้เคยมีแฟนด้วยเหรอ ทำไมเธอไม่เคยเห็น หรือแม้แต่ระแคะระคายเรื่องนี้มาก่อน
“ฉันไม่ให้ดื่ม ถ้านายไม่ตอบก็ไม่ต้องกิน” บุรัสกรรวบทั้งแก้วทั้งขนมมาอย่างโกรธๆ
โกรธเรื่องอะไรก็ไม่รู้ รู้แต่ไม่พอใจที่แม้แต่ศราก็ยังแอบหักหลังเธอ
“งั้นเรากลับบ้านกันไหมครับ ในเมื่อ ‘คุณหนู’ โกรธผม เราก็กลับกันเถอะครับ”
“ฉันไม่ใช่คุณหนู ไม่ต้องมาเรียก!” ก็บอกแล้วว่าไม่ชอบให้เรียกคำนี้ จะว่าไปก็เหมือนเขาเห็นเธอเป็นผู้หญิงเอาแต่ใจ ไม่รู้จักโตทุกครั้งที่เขาจงใจใช้คำนี้กับเธอ
“ตอบคำถามฉันด้วย” เธอรินเหล้าลงไปเต็มแก้ว แล้วก็จิบไปพลางมองจ้องคนที่ยังนั่งนิ่ง
“ผมไม่เคยพาผู้หญิงหรือใครก็ตามแต่นอกจากแม่กับคุณท่านมาที่นี่ คุณเป็นคนที่สาม”
บุรัสกรยกแก้วขึ้นจิบแล้วก็ลอบยิ้มตามลำพัง
“แล้วอีกเรื่องล่ะ”
“ผมเป็นผู้ชายนะ อายุเลยเบญจเพสแล้ว ถ้าไม่เคยนอนกับใครเลยสิแปลก” ตอนแรกว่าจะไม่ตอบ แต่รู้ว่าไม่ตอบก็คงไม่จบ
“งั้นนายนอนกับฉันอีกสักคนได้ไหม”
ศรานึกว่าตัวเองหูฝาด แต่ถ้าไม่แปลกก็คงไม่ใช่คุณหนูจอมวุ่นวายตรงหน้า
“ผมเป็นผู้ชายนะ ต่อให้คุณไว้ใจแค่ไหน ก็ไม่ควรพูดเรื่องพวกนี้” เขาถือโอกาสสั่งสอนคนที่พูดจาอาจจะไม่ได้คิดมาก แต่ผู้ชายน่ะ ยิ่งมีผู้หญิงสวยๆ ขนาดนี้มาชวนทำเรื่องแบบนี้ บอกเลยว่าอีกฝ่ายกำลังริลองเล่นกับไฟ
“นะ...หรือนายไม่ชอบฉันสักนิดเลย” บุรัสกรเองก็คิดไม่ออกหรอกว่าใครควรจะเป็นคนมาพรากพรหมจรรย์ตัวเอง แต่ถ้าเป็นคนตรงหน้าก็คงจะได้สะใจตอนเอาคืนบิดาไม่น้อย
“ผมทำไม่ได้” เขาบอกตรงๆ ไม่ว่าจะเป็นเพราะชอบหรือไม่ชอบ แต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงว่าบิดาของเธอมีบุญคุณล้นหัว ท่วมหัวเขามากแค่ไหน
“ทำไม!”
“อย่าทำแบบนี้ครับ” เขาดันบ่าเล็กของคนที่จู่โจมด้วยการขยับขึ้นมาคร่อมหน้าตัก
“ฉันจะทำแล้วก็จะทำมากกว่านี้ด้วย” บุรัสกรใช้มือล้วงเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ต ก่อนจะจงใจบดเบียดเอวเข้าไปกับเป้าของคนที่ยังนั่งนิ่ง
“ผมจะเตือนอีกครั้งว่าอย่าทำแบบนี้” แน่นอนว่าด้วยเรี่ยวแรงถ้าเขาจะปัดป้องจะผลักเธอออกห่างนั้นทำได้แน่
แต่เขาจะทำแบบนั้นกับผู้หญิงที่ตัวเองแอบรักได้ยังไง
“นายไม่กล้าทำ เพราะกลัวพ่อจะเสียใจใช่ไหม” เธอบังคับให้มือแกร่งไล้เบาๆ มาตามเอว แล้วก็จงใจขยับไปจนเนื้อตัวส่วนบนเสียดสีกันอย่างนุ่มนวล
“ถ้านายไม่ทำ ฉันจะไปนอนกับคนอื่น”
ศราทำได้เพียงแค่นั่งเป็นเบื้อเป็นใบ้ทันทีที่เธอสะบัดตัวลุกขึ้นยืน เขามองเจ้าของเรือนกายสุดเซ็กซี่อย่างชั่งใจ แล้วก็พบว่าเขาควรตัดใจ
เขาทำไม่ได้ เป็นคนที่กินบนเรือนขี้รดบนหลังคาไม่ได้ คุณท่านวาสุเทพมีบุญคุณกับเขาและแม่มากเกินไป
“ผมจะไปส่ง” ศราจับมือบางแล้วเจ้าหล่อนก็สะบัดออกอย่างแรง
“ดีนี่ ฉันจะไปนอนกับผู้ชายอื่น นายก็ไม่คิดแคร์” เธอป้ายน้ำตาที่ไหลออกมาทางหางตาแรงๆ
ตอนนี้ความกดดันมากมายมันถาโถมเข้ามาใส่ ทำไมอยู่ดีๆ ก็ต้องไปแต่งงานกับผู้ชายที่พ่อหามาให้ เธอเป็นคนนะ มีหัวจิตหัวใจ
“ผมไม่ได้คิดแบบนั้น” แล้วคำว่าจะไปส่งน่ะหมายถึงจะไปส่งที่บ้านต่างหาก ใครจะอนุญาตให้เธอไปทำแบบนั้นกับผู้ชายอื่น
“งั้นก็จูบฉันสิ”
“ผมทำไม่ได้”
เธอเม้มปากแน่น ตอนนี้รู้สึกโกรธขึ้นมาบ้างแล้วที่เธอถูกเขาปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า
“แค่จูบ ใช่ว่าฉันจะเสียพรหมจรรย์หรือท้องเสียเมื่อไหร่”
“อื้อ...” ศรายังไม่ทันได้ปฏิเสธก็ทำได้เพียงแค่เป็นฝ่ายตั้งรับทันทีที่ริมฝีปากรสหวานจู่โจมเข้าใส่อย่างเผ็ดร้อน
“อืม...” เธอครวญเบาๆ เมื่อไม่นานร่างกายก็ถูกมือแกร่งรัดเอาไว้แน่น ปากโรมรันเข้าใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอคงปลุกเสือหลับให้ตื่นขึ้นมาพร้อมขย้ำตัวเธอแล้ว