ตอนที่ 6

1554 Words
ตอนที่ 6 "พี่พิณไม่ไปโรงเรียนเหรอ" ทุกเช้าบนโต๊ะอาหารหลังจากพิมพ์ดาวขึ้นไปเปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมไปส่งเจ้าหนูจำไมที่โรงเรียน แม้เป็นเพียงเวลาสั้นๆ หนุ่มน้อยมักจะมีคำถามและเรื่องราวมากมายพูดคุยกับพิณตราลำพังสองคน "พี่ต้องทำงานเก็บเงิน ยังไม่พร้อมเรียน" "เงินอีกแล้วเหรอ ต้องใช้เยอะเท่าไหร่ ผมให้พี่ได้นะ" พิณตราวางช้อมส้อมตรงหน้าเปลี่ยนเป็นขยี้หัวเด็กน้อยแทนด้วยความหมั่นไส้ "โอ้ย ผมเสียทรงหมดเลย" ทำหน้ามุ่ยใส่ "เหมือนกันทั้งแม่ทั้งลูกเลยนะ เอาเป็นว่าหลังเลิกงานพี่ไปรับ แล้วเราก็แอบไปดูละครเวทีกันมั้ย" ประโยคหลังพูดราวกระซิบกลัวคนข้างบนจะได้ยิน "ไม่เอาอะ ไปกับพี่ที่ไรผมต้องจ่ายให้ทุกที" หากวันไหนพิณตราไปรับที่โรงเรียนเขาต้องซื้อไส้กรอกหรือไอศกรีมให้หล่อนทุกครั้งด้วย กำลังกอดอกใช้สายตามองพิณตราอย่างรู้ทันคนชอบไถเงิน "พี่ทำงานเก็บเงินได้หลายบาทแล้วนะ แล้วก็ค่าตั๋วแพงกว่าค่าไส้กรอกหลายเท่าด้วย คิดดูดีๆ สิ" "ก็ได้ แล้วไม่บอกแม่ดาวจริงเหรอถ้าแม่ดาวรู้ต้องโกรธแน่" "ก็อย่าให้รู้สิ พี่จะแอบไปรับก่อนเวลาเลิกเรียน รับรองกลับบ้านตรงเวลาแน่นอน" ทั้งคู่จับมือกันเป็นสัญญาณว่าตกลง "วันนี้จะแอบไปทำอะไรแผลงๆ กันอีกหรือเปล่าคะ" จู่ๆ พิมพ์ดาวก็เอ่ยถามขณะนั่งดื่มกาแฟกันที่ร้านประจำทุกเช้า "เปล่านี่คะ มีอะไรหรือเปล่า" แม้จะตกใจคิดว่าพิมพ์ดาวจะรู้เรื่องที่คุยกับน้องนนท์เมื่อเช้า แต่ก็ทำเป็นถามราวกลับไม่รู้ไม่ชี้ "เปล่าค่ะ แค่เห็นน้องนนท์ดูดี๊ด๊าแปลกๆ " โล่งอกคิดว่าหล่อนจะได้ยินเรื่องเมื่อเช้า "สงสัยดีใจที่พิณจะมารับวันนี้มั้งคะ" "อ๋อ" หล่อนเข้าใจ "เอ้อ วันนี้พี่กลับบ้านดึกหน่อยนะคะ ถ้าน้องนนท์หิวพี่รบกวนพิณช่วยอุ่นอาหารให้น้องทีนะคะ และก็มีของพิณด้วย" "ได้ค่ะ แค่นี้เองสบายมาก" พิณตรายิ้มกว้างจนพิมพ์ดาวแปลกใจกับอาการขึ้นๆ ลงๆ ของเด็กสาวตรงหน้าแต่ก็ไม่ได้ติดใจหรือสงสัยอะไรการที่พิณตรายิ้มหรือแสดงอารมณ์ออกมาบ้างยังดีกว่านิ่งเงียบถามคำตอบคำเหมือนที่ชอบทำเป็นประจำ รอยยิ้มของเด็กสาวไม่ใช่เพราะการเตรียมอาหารไว้ให้อย่างเคยทุกวันของพิมพ์ดาวแต่เพราะการกลับบ้านช้ากว่าเวลาปกติทำให้หล่อนสามารถพาน้องนนท์เถลไถลได้โดยไม่ต้องรีบ แค่คิดก็สนุกแล้ว "พิณดูเปลี่ยนไปเยอะนะคะ ก่อนหน้านี้พิณไม่ได้น่ารักแบบนี้" อยู่ๆ พิมพ์ดาวก็พูดสิ่งที่คิดออกมา ตอนเจอกันครั้งแรกในฐานะลูกน้องกับตอนนี้แตกต่างราวกับคนละคน "พิณก็ไม่ได้ชอบที่พิณเป็นแบบนี้ค่ะ" แม้จะงงๆ กับคำตอบแต่ก็ไม่กล้าถามอะไรเพราะอยู่ๆ แววตาสดใสของคนตรงหน้าก็เปลี่ยนไปเหมือนไม่พอใจก่อนจะเปลี่ยนกลับมาเปล่งประกายกว่าเดิม ควักซองเอกสารของตัวเองออกมาส่งให้พิมพ์ดาวดู "พิณว่าพิณจะขอพี่ก่อน แต่ไม่มีเวลาได้คุยกันจริงจังเลยแอบเอาชื่อพี่ใส่ไปในเรซูเม่ พี่ไม่ว่าใช่มั้ยที่ให้พี่บุคคลอ้างอิง คือที่นี่พิณไม่มีใครที่น่าเชื่อถือแล้วนอกจากพี่" เมื่อเก็นสิ่งที่พิณตราพูดถึงก็เอ่ยอย่างดีใจ "พี่ยินดีค่ะ ขอดู CV ด้วยได้มั้ยคะ พี่จะโกรธพิณก็ตรงที่ไม่ให้พี่ช่วยตรวจทานก่อนเนี่ยแหละค่ะ" เด็กสาวยิ้มกว้างรีบหยิบสิ่งที่พิมพ์ดาวขอและส่งให้ทันที หล่อนเปิดกระเป๋าตัวเองหยิบแว่นสายตาออกมาสวมนั่งอ่านอย่างจริงจัง เด็กสาวเริ่มมองสำรวจ มนุษย์ป้าที่แต่งตัวสุดเชยที่สุดในโลก โดยเฉพาะตอนอยู่บ้าน เสื้อตัวโคร่งคอเต่าย้วยๆ เห็นแล้วรู้สึกรำคาญตายิ่งเวลาออกมานอกบ้าน เสื้อคอเต่าถือเป็นปัจจัยห้าของหล่อนเลยก็ว่าได้เพราะพิมพ์ดาวใส่ทุกวันทุกเวลา แม้แยกกันเข้านอนแล้วเสื้อคอเต่ายังติดตาเด็กสาวอยู่เลย ดวงตาคมๆ ช้อนมองขึ้นไปที่คางแหลมๆ นั่น ไล่ไปจนริมฝีปากเล็ก ที่ดูเป็นธรรมชาติไม่รู้ว่าชีวิตนี้หล่อนมีลิปติกสักแท่งหรือเปล่า เห็นจะมีแต่ลิปมันเท่านั้นที่ได้แต่งแต้มไปที่ปากบางนั่น ใบหน้าที่ดูจริงจังตอนนี้อีกแถมยังแว่นสายตาทรงล้าสมัยบ่งบอกอายุของคนเลือกมาใส่ รวมๆ แล้วไม่มีอะไรดึงดูดสักอย่างแต่ทำไมถึงหยุดมองไม่ได้เลย หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ไม่น่าหลวมตัวเผลอมองพิมพ์ดาวนานขนาดนี้เลย รู้สึกคอแห้งคว้าแก้วน้ำขึ้นกระดกจนเกือบหมด "เขียนได้ดีนะคะ ถึงว่าไม่ให้พี่ดูเลย ถ้าพิณกลับไปเรียนก็เท่ากับว่าบ้านเรามีนักเรียนตั้งสองคนเลย" "รอผลทุนก่อนค่ะ ถ้าไม่ได้ทุนเต็มพิณก็ไม่เรียนเพราะพิณตั้งใจว่าจะลาออกจากงานจะได้โฟกัสเรื่องเรียนอย่างเดียว" "ได้อยู่แล้วล่ะค่ะ ตอนม.ปลาย ผลการเรียนก็ไม่ได้น่าเกลียด แถมยังมีประสบการณ์การทำงานตรงกับสาขาที่เลือกเรียน ภาษาอังกฤษก็ดี เรซูเม่และ cv ก็เขียนดีมาก แถมคนอ้างอิงเป็นพี่ยังไงก็ได้อยู่แล้วล่ะค่ะ" พิณตราเลือกเรียนวิชาเอกการละคร โชคดีที่มหาลัยที่เธอสนใจ ประกาศรับสมัครหานักเรียนที่มีประสบการณ์ด้านการแสดง จะรับพิจารณาเป็นพิเศษ เธออาจจะได้ทุนเต็มที่ไม่ต้องเสียค่าเรียนสักบาทแถมยังมีเงินเดือน และค่าที่พักให้อีก เรียกได้ว่า ฟรีทุกอย่าง มาแต่ตัวเข้าเรียนได้เลย "อีกอย่างนะคะ พิณก็สวยด้วย" พิมพ์ดาวชมไม่หยุด "ค่ะ พิณรู้" หล่อนตอบอย่างไม่ยี่ร่ะ เพราะใครๆ ก็บอกแบบนี้ "น้องนนท์เรียนประถม ส่วนพิณเรียนมหาวิทยาลัย ทั้งบ้านพี่เลยดูแก่อยู่คนเดียวเลย" "ไม่เห็นแก่เลยค่ะ ยังดูสาวอยู่" "สาวที่ไหนกันล่ะค่ะ อายุพี่เนี่ยเป็นแม่พิณได้เลยนะคะ" พิมพ์ดาวหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี "ไม่แน่ถ้าพิณได้ทุน พิณอาจจะย้ายไปอยู่หอที่มหาลัย แค่นี้นักเรียนในบ้านพี่ก็น้อยลงแล้วค่ะ" "พิณไปก่อนนะคะ มัวแต่ฝันเรื่องกลับไปเรียน ตอนนี้ต้องกลับไปทำงานแล้วค่ะไม่งั้นอาจโดนไล่ออกอีกขี้เกียจเดินหางานแล้ว" เด็กสาวคว้าเอกสารตรงหน้าพิมพ์ดาวมาเก็บใส่ซองดังเดิมก่อนจะรีบร้อนออกจากร้านไป โดยไม่ได้สนใจคนอายุมากกว่าเงียบไป พิมพ์ดาวกำลังใช้ความคิด หากพิณตราย้ายออกจากบ้านไปน้องนนท์คงเหงาน่าดู พิณตรานึกถึงหกเดือนที่แล้วกับการรักษาโรคใหม่ของตนเอง สาเหตุคืออาการช็อกหลังจากรับรู้เรื่องการล้มละลายของครอบครัว ทำให้ต้องใช้ยานอนหลับหลายสิบเม็ดเพื่อจบปัญหาหวังว่าการตายจะเป็นทางออก แต่ถูกพบเสียก่อนจึงช่วยไว้ได้ทัน ที่เมืองไทยช่วงนั้นเธอไม่สามารถปิดข่าวอะไรได้เลย วีรกรรมของตนเอง และของสมาชิกในครอบครัวในอดีตถูกขุดออกมาทำร้ายเธอ จนต้องย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่ต่างประเทศด้วยเงินน้อยนิดที่เหลืออยู่ และเงินส่วนใหญ่ก็หมดไปกับการรักษาจากหมอเฉพาะทางที่รักษาตามอาการคนนี้ "ขอกอดหมอได้มั้ยคะ" พิณตราพูดพร้อมน้ำตาด้วยความยากลำบาก เอ่ยขอหมอหนุ่มที่ทำการรักษาเธอมาตั้งแต่ต้น ซึ่งเขาก็ยินดี "คุณโอเคนะครับ รู้สึกยังไง" ในห้องที่ไม่ได้มีแค่หมอกับเธอแต่มีพยาบาลคอยอำนวยความสะดวก "คือ คือ ฉันไม่ใช่คนแบบนี้ค่ะ" พิณตราละล่ำละลักออกมา "อาจจะเป็นผลข้างเคียงจากภาวะช็อกของคุณ คนไข้หลายคนก็มีอาการแบบนี้ครับ" "ก่อนหน้านี้ฉันไม่ใช่คนดีค่ะ ฉันเปลี่ยนไป ฉัน ฉัน ฉันไม่กล้าเหวี่ยงวีน ฉันคิดมากขึ้น ฉันพูดน้อยลง ฉัน.." "เอาเป็นว่าคุณเปลี่ยนไปในทางที่ดีและทุกคนต้องชอบคุณในแบบนี้" พิณตรานั่งคิด "ผมและพวกเราต้องขอบคุณ ที่คุณช็อก เพราะไม่งั้นเราคงไม่เจอคุณในเวอร์ชั่นน่ารักแบบนี้" คำพูดเขาทำให้หล่อนยิ้มและหัวเราะออกมาอย่างไม่ปิดบัง นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่ได้คุยกับหมอที่รักษาอาการกลังการช็อกของเธอ เขาแนะนำให้เธอรักษาต่อกับจิตแพทย์ ที่พอจะช่วยเหลือและให้คำแนะนำกับโรคที่หนักกว่านั่นคือ โรคเสพติดเซ็กส์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD