เสียงรถยนต์ขับเคลื่อนบนท้องถนนและเสียงแตรที่ดังขึ้นเพื่อเตือนรถจักรยานยนต์ที่เพิ่งขับปาดหน้า เรียกสติสาวสวยในชุดเพื่อนเจ้าสาวสีครีมให้แจ่มชัดขึ้นมาในที่สุด เธอพ่นลมหายใจยาว ไม่แน่ใจว่าตนตัดสินใจถูกหรือผิดที่หนีออกมาจากงานมงคล
‘ผมรักคุณนะ คุณมาหาผมได้ไหม…’
คำว่ารักที่ปลายสายกล่าว หลังจากหายตัวนานหลายสัปดาห์ทำให้เธอหัวใจเต้นระรัว ลงมือทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ นั่นคือการหนีออกจากงานแต่งงานของตัวเอง
รสรินทร์ โชติกิตติกร นึกย้อนกลับไปราวยี่สิบนาทีก่อน เธอกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่น้องสาวต่างมารดากลับนำอาหารรองท้องเข้ามาให้ พร้อมถามดูเผื่อว่ามีอะไรให้ช่วย แน่นอนว่านอกจากจะไม่ได้ช่วยอะไรแล้ว ยังขัดขวางไม่ให้เธอหนีออกจากงานอีก
เมื่อไร้ทางเลือกรสรินทร์จึงจำต้องใช้กำลัง สุดท้ายก็ขู่ว่าจะทำร้ายตัวเอง ซึ่งมันก็ได้ผล เธอบังคับเอาชุดของน้องสาวผู้โชคร้ายมาสวม ปิดปากมัดมือเท้าและขังไว้ในห้องน้ำ ก่อนออกจากบ้านไปในชุดเพื่อนเจ้าสาว โดยที่แขกในงานไม่ทันสังเกตเห็น
เธอนึกว่าเขาจะมารับด้วยตนเอง แต่กลับมีเพียงรถหรูจอดรออยู่ไม่ห่างจากบ้านมากนัก พร้อมกับคนขับที่บอกว่ารับคำสั่งให้พาตัวเธอไปยังบ้านของเจ้านาย
ผู้ชายที่เธอรักคงรออยู่ที่นั่น…
“คุณปราชญ์คะ?”
รสรินทร์เรียกอย่างไม่มั่นใจเมื่อก้าวเข้าไปในตัวบ้าน เขาเคยพูดว่ามีบ้านหลังเล็กอยู่ชานเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นของบิดา แต่เลือกพักในคอนโดมิเนียมย่านทองหล่อเวลามาทำธุระที่ประเทศไทย เพราะอยู่ใกล้ย่านธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยว นี่คือครั้งแรกที่เธอได้มาบ้านของเขาและพบว่ามันไม่ได้เล็กอย่างที่เข้าใจ
“รินทร์ คุณมาแล้วเหรอ”
เสียงแหบพร่าดังมาจากโซฟาตัวยาว รสรินทร์มองเจ้าของร่างสูงที่ค่อยๆ หยัดตัวขึ้นนั่ง ตอนรับสายน้ำเสียงของเขาฟังดูไม่ดี แต่พอเจอตัวจริงค่อยเห็นชัดว่าอาการหนักกว่าที่คิด
เขาไม่สบาย…
“คุณปราชญ์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“เป็น…” เขานั่งเอนหลังพิงโซฟา มองเธอด้วยสายตาที่ทำให้รู้สึกร้อนรุ่ม… ในทางที่แย่
“ปวดหัวหรือตัวร้อนคะ ให้รินทร์ช่วยไหม” เธอรีบเดินไปใกล้ๆ อยากรู้ว่าต้องกินยาหรือว่าเช็ดตัวด้วยอาการของเขาจึงจะดีขึ้น นึกไม่ถึงว่าจะถูกปัดมือแรงๆ ก่อนได้ฟังประโยคที่ทำให้เจ็บไปทั้งหัวใจ
“ไม่ต้องช่วย ไอ้อาการปวดหัวที่ผมเป็นอยู่ก็เพราะคุณหนีไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น ทั้งๆ ที่ในท้องมีลูกของผมยังไงล่ะรินทร์”
“คุณปราชญ์...”
ปราชญ์ ทิวานันท์ มองหญิงสาวที่เขาเคยผูกสัมพันธ์ด้วยนานสิบเดือน ในช่วงที่แวะมาดูแลโปรเจกต์ในประเทศไทย สายตาบอกชัดว่ากำลังอารมณ์เสียอย่างไม่ปิดบัง
ใครจะรู้ว่าเผลอไผลแค่คืนเดียวเมื่อเดือนก่อนจะทำให้เขาถูกผูกมัด กลายเป็นคุณพ่อโดยไม่ทันตั้งตัว เพิ่งทราบเรื่องจากเพื่อนสนิทก็เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากเสร็จธุระที่ยุโรป เขาจึงรีบบินกลับไทยเพื่อแก้ไขปัญหาทันที
“ผมรู้หมดแล้วว่าคุณวางแผนจับนายเอื้อทั้งๆ ที่ท้องกับผม คุณรินทร์ ผมรู้นะว่าคุณไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่ร้ายถึงขั้นมอมเหล้าคนอื่นให้มารับผิดชอบลูกในท้องเนี่ย ผมคาดไม่ถึงจริงๆ”
“รินทร์ไม่เข้าใจ เมื่อกี้คุณปราชญ์ โทร.หารินทร์ บอกว่ารักรินทร์…” รสรินทร์ไม่เข้าใจ ชั่วโมงก่อนเขายังออดอ้อนขอให้เธอทิ้งงานแต่งมาหา แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้…
“ที่ผมพูดออกไปแบบนั้นก็เพราะต้องการให้คุณหนีงานแต่ง ไม่อย่างงั้นนายเอื้อต้องเทโปรเจกต์ที่วางแผนทำร่วมกันแน่ๆ รินทร์ คุณก็รู้ว่าเรื่องระหว่างเรามันแทบเป็นไปไม่ได้ ผมบอกคุณตั้งแต่แรกแล้วว่าผมต้องการแค่ ฮอลิเดย์ เกิร์ลเฟรนด์ แต่ตอนนี้...”
“คุณปราชญ์!” รสรินทร์ฟาดมือลงบนแก้มของผู้ชายที่เธอรักดังเผียะอย่างไม่ลังเล ทั้งยังไม่รู้สึกผิดเหมือนเมื่อครั้งที่ทำกับน้องสาวต่างมารดาเลยสักนิด
เขากล้าดีอย่างไรมาเรียกเธอด้วยคำคำนั้น ถึงในอดีตมันจะเป็นเรื่องจริง แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันจบไปแล้ว ต่อให้เกิดเรื่องเมื่อเดือนก่อน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอ ไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม มันไม่มีเศษซากแห่งความสุขหลงเหลืออยู่ในนั้นอีกแล้ว
“อยากตบผมก็ตบเถอะ แต่คุณลองคิดให้ดีนะว่าถ้าคุณไม่ด่วนตัดสินใจเอง รอให้ผมกลับมา ผมก็คงไม่ต้อง… พูดออกไปแบบนั้น”
“แล้วรินทร์จะรู้ไหมล่ะคะว่าคุณจะกลับมา! คราวก่อนคุณหายไปตั้งปีกว่า ข้อความก็ไม่ตอบ ปล่อยให้รินทร์รอแบบไร้ความหวัง คุณกลับมารินทร์ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันหมายความว่ายังไง แต่ตอนนี้รินทร์รู้แค่ว่าอยากให้ลูกมีพ่อ รินทร์ทำผิดมากเหรอคะ!”
“รินทร์! คุณก็รู้ว่าเรื่องของเรามันจบตั้งแต่ผมบอกว่าจะกลับไปดูแลคุณแม่ที่สิงคโปร์แล้ว ผมไม่เคยบอกให้คุณรอสักคำ ย้ำด้วยซ้ำว่าอย่ารอ ส่วนเรื่องเมื่อเดือนที่แล้วมันก็แค่ความเหงาไม่ใช่เหรอ… ผมถามหน่อยเถอะรินทร์ ทำไมคุณไม่กินยาคุมฉุกเฉิน! ทำไมปล่อยให้ตัวเองท้อง!”
“คุณมันเห็นแก่ตัว! รินทร์ถามแล้วว่าคุณได้ป้องกันหรือเปล่า แล้วคุณบอกว่าป้องกันทำไม!”
“ผมใส่ถุงแค่สองครั้งแรก! เราเอากันตั้งกี่ครั้งคุณไม่ได้นับเลยหรือไง! รินทร์! อย่าบอกนะว่าคุณเมาจนจำไม่ได้ เหตุผลมันไม่ฟังดูง่ายไปหน่อยเหรอ!”
“รินทร์จำไม่ได้จริงๆ…”
เธอคิดถึงเขามาก รักมากจนลืมทุกอย่าง กอปรกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ทำให้ขาดความยับยั้งชั่งใจ พอถามแล้วได้คำตอบว่าเขาป้องกัน เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ ทำเพียงตักตวงความสุข เติมเต็มความต้องการของหัวใจเปลี่ยวเหงาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเช้าวันถัดมาที่เธอทิ้งข้อความเอาไว้
‘ขอบคุณนะคะที่ทำให้รินทร์หายเหงา’
“เอาเถอะ ยังไงเรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว คุณอยู่ที่บ้านผมไปก่อนก็แล้วกัน แล้วค่อยคิดหาทางแก้ไขกันอีกที”
“คุณปราชญ์ ในเมื่อคุณก็รู้แล้วว่ารินทร์ท้อง ผู้ชายอย่างคุณต้องเคยคิดเอาไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะจัดการกับเรื่องพวกนี้ยังไง แต่รินทร์ขอสรุปสั้นๆ เลยนะคะว่ารินทร์อยากแต่งงาน อยากได้ทะเบียนสมรส รินทร์ไม่อยากให้ลูกเกิดมามีปมด้อย” รสรินทร์ไม่อยากให้ลูกโตมาแล้วเจอกับเรื่องแย่ๆ เหมือนที่เธอเคยเจอ
“เลิกพร่ำเพ้อได้แล้วรินทร์ ที่ผมพาคุณมาอยู่ที่นี่ก็เพราะไม่อยากให้นายเอื้อโกรธที่ต้องมารับผิดชอบลูกในท้องแทนผม อีกอย่างเราสองคนมีเรื่องต้องทำความเข้าใจกันอีกมาก แต่เรื่องจดทะเบียนสมรสคงไม่ต้องพูดถึง เพราะมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว รินทร์ ผมยินดีรับผิดชอบลูกของเรา แต่เรื่องที่คุณขอมา ผมบอกเลยว่าให้ไม่ได้”
“ถ้าคุณให้ในสิ่งที่รินทร์ต้องการไม่ได้ แล้วคุณหลอกรินทร์ให้ออกมาจากงานแต่งทำไมคะ! คุณโกหกรินทร์ด้วยคำว่ารัก พารินทร์ออกมาอยู่ที่นี่ทำไม!”
“รินทร์ คุณใจเย็นก่อนนะ ผมบอกแล้วไงว่าจะรับผิดชอบ ก่อนหน้าเราก็มีความสุขดีไม่ใช่เหรอ คุณเคยบอกผมเองว่าโอเคกับสถานะของเราสองคน เรากลับไปเป็นแบบเมื่อสองปีก่อนไม่ได้เหรอรินทร์” เขาพยายามปลอบ เตือนให้เธอระลึกถึงเรื่องเมื่อสองปีก่อน ตอนที่ทั้งคู่ยังรักกันดี ไม่มีปัญหากวนใจให้ต้องมาทะเลาะกัน
“ไม่ได้หรอกค่ะ! เพราะตอนนี้รินทร์ท้อง ถ้าคุณขอให้รินทร์อยู่กับคุณตอนที่รินทร์ยังไม่ท้อง รินทร์ไม่ปฏิเสธแน่ๆ แต่ตอนนี้รินทร์ไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว รินทร์ยอมเป็นแฟนที่ไม่มีวันได้เลื่อนสถานะไม่ได้หรอกนะคะ”
“นี่คิดว่าตัวเองมีทางเลือกมากนักหรือไง! คนเขารู้กันทั่วแล้วว่าคุณหนีงานแต่ง นายเอื้อก็รู้ว่าคุณท้องกับผม เลือกเอาแล้วกันนะรินทร์ว่าจะยอมทำตามที่ผมขอดีๆ หรือจะให้ผมขังไว้ที่บ้านจนกว่าคุณจะมีสติขึ้นมาบ้าง!”
“ถ้ารินทร์ไม่ฟังแล้วคุณจะทำยังไงเหรอคะ บังคับรินทร์ ขู่รินทร์?…”
“ถ้าคุณไม่ฟัง ผมจะบอกคุณแม่ของคุณที่รังเกียจผมนักหนา ว่าลูกสาวที่ท่านภูมิใจน่ะ ใช้อะไรแลกเพื่อขอเลื่อนชำระหนี้ ลดดอกเบี้ยเมื่อสองปีก่อน!”
“คุณปราชญ์!”
“เลิกตะโกนแล้วก็ไปพักผ่อนซะ ถ้ามีสติสำนึกได้ว่าที่ตัวเองทำมันผิดแล้วค่อยมาคุยกัน รินทร์ คุณอยากจะโทษผม โกรธเกลียดผมยังไงก็ได้ แต่ผมรับผิดชอบคุณกับลูกด้วยการจดทะเบียนสมรสไม่ได้จริงๆ ตัวคุณเองก็น่าจะรู้ดีที่สุดว่าเพราะอะไร”
“เพราะครอบครัวของรินทร์…”
รสรินทร์ยอมรับอย่างเสียไม่ได้ว่าที่ทุกอย่างยุ่งยากก็เพราะผู้ให้กำเนิดของเธอก่อเรื่องน่าละอาย แม้จะผ่านมานานยี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ผู้คนในแวดวงธุรกิจก็ยังไม่ลืมง่ายๆ ครอบครัวของปราชญ์เองก็เช่นกัน
“จำไว้นะรินทร์ ต่อให้คุณใจดีเหมือนนางฟ้า แต่ก็ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากได้คุณมาเป็นเมียแต่งจดทะเบียนหรอก เรื่องนี้ผมไม่โทษคุณนะ ผิดที่พ่อแม่ของคุณ รินทร์ ผม...เสียใจด้วยจริงๆ” ปราชญ์ไอสองสามครั้งก็รีบขอตัวกลับไปพักผ่อน โดยไม่ลืมบอกสาวใช้ให้ดูแลแขกคนสำคัญให้ดี หากเธออยากได้อะไรก็ให้รีบจัดหา ยกเว้นเรื่องเดียวคือห้ามออกจากบ้าน
“ห้ามคุณรินทร์ออกนอกบ้าน ครึ่งก้าวก็ไม่ได้!”
รสรินทร์ที่หวังว่าตนจะได้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้ชายที่ตัวเองรัก ตอนนี้กลับกลายเป็นนักโทษของเขาเสียแล้ว