Sunflower 11
“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่พิมพ์” ส่งเสียงทักทายเจ้านายเมื่อเปิดประตูเข้าร้านดอกไม้มา หลังจากที่หยุดไปนานเกือบหนึ่งสัปดาห์
“น้องมาลี เป็นยังไงบ้างดีขึ้นหรือยัง?” พี่พิมพ์รีบถามฉันกลับมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ดีขึ้นแล้วค่ะ มีน้ำมูกนิดหน่อยแต่เดี๋ยวใส่หน้ากากอนามัยค่ะพี่”
“ได้เลย ถ้าไม่ไหวบอกได้เลยนะอย่าฝืนนะรู้ไหม”
“รับทราบค่ะพี่”
ในวันที่ต้องมาทำงานฉันยังคงมีความสุขอยู่เหมือนเดิม พี่ ๆ และน้องยังน่ารักชวนคุยเล่นชวนกินขนมอยู่ตลอด แต่อย่างที่รู้กันว่าเราไม่ค่อยได้เดินไปไหนนักเพราะมีรายการสั่งซื้อจากลูกค้าเข้ามาตลอดทั้งวัน
“ฝนตกอีกแล้ว” พี่มายด์มองออกไปนอกร้านก่อนจะพึมพำออกมาเสียงเบายามเห็นว่านอกร้านนั้นมีสายฝนตกลงมาอีกแล้ว ตกทุกวันเลยก็ว่าได้
“มาลีเมื่อเช้ามายังไง?” พี่มายด์หันกลับมามองหน้าและถาม
“วันนี้หนูขับรถมาค่ะ” รีบตอบกลับด้วยรอยยิ้มทันที พี่มายด์พยักหน้ารับ
“ดีแล้ว แต่ถ้าวันไหนไม่ได้ขับรถมาบอกพี่นะเดี๋ยวพี่ไปส่งเอง”
“ขอบคุณค่ะ”
“น้องเหมยเองก็ด้วยนะ บอกพี่ได้เลยเดี๋ยวพี่ไปส่งเอง”
“ค่ะพี่มายด์” น้องเหมยเหมยนั่งตอบข้อความลูกค้าตอบรับด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน น้องขวัญออกไปส่งดอกไม้ตอนบ่ายสามสี่โมงเย็นพี่พิมพ์ก็ให้เราปิดร้านเพราะกลัวฝนจะตกหนักกว่าเดิม กลายเป็นเจ้านายไล่เรากลับบ้านกันหมด งงกันถ้วนหน้าไม่รู้ที่อื่นเป็นไหมแต่ที่นี่เจ้านายชอบไล่ลูกน้องกลับบ้าน ไม่พอยังชอบแย่งงานลูกน้องทำด้วยค่ะ
“กลับดี ๆ นะถึงบ้านแล้วบอกพี่ด้วย” พี่พิมพ์เดินออกมาส่งที่หน้าร้าน และวันนี้ฉันอาสาไปส่งน้องเหมยที่บ้าน ส่งน้องเสร็จฉันก็กลับคอนโดตัวเอง
วันนี้ไม่ต้องซื้อของเข้าห้องเพราะเมษาสั่งเข้ามาให้เยอะมาก อยู่ได้เกือบหนึ่งเดือนเลยล่ะมั้งเยอะขนาดนั้น เมื่อวันก่อนก็เคลียร์อาหารที่อยู่ในตู้เย็นจนตอนนี้กลับมาสะอาดและเป็นระเบียบเหมือนเดิมแล้วเรียบร้อย
“มาลี...” จังหวะที่กำลังเดินเข้าลิฟต์ก็มีเสียงเรียกจากคนด้านหลังดังขึ้นเบา ๆ เมื่อหันกลับไปมองถึงได้เห็นว่าเป็นคุณหมอที่วันนี้ยังคงสวมเสื้อกาวน์และสวมแว่นสายตาอยู่ดังเดิม
“อ้าว สวัสดีค่ะ” เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใครก็ไม่รอช้าที่จะทักทายอีกฝ่ายกลับไป
“เพิ่งเลิกงานเหรอ?”
“ใช่ค่ะ แล้วทำไมวันนี้คุณหมอได้กลับเร็วล่ะคะ?” ตอบและถามกลับไปอย่างสงสัย
“มาอาบน้ำครับเข้าเวรแทนเพื่อนตอนสองทุ่มน่ะ” คุณหมอตอบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
“แล้วข้าวเย็น...” ฉันขยับเข้าไปยืนมุมด้านในโดยมีคุณหมอยืนอยู่ข้าง ๆ และเมื่อได้ยินฉันพึมพำออกไปแบบนั้นคุณหมอก็ก้มหน้ามองด้วยรอยยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ
“ยังไม่ได้คิดเลยครับ”
“รีบไหมคะ ทำข้าวกล่องให้เอาไหม คุณหมอรังเกียจหรือเปล่า...” ถามคนข้าง ๆ อย่างไม่เข้าใจตัวเองเช่นเดียวกัน
เพียงแค่รู้ว่าเขายังไม่ได้กินข้าวเย็นแต่ฉันกลับอยากทำอะไรบางอย่างให้เขา ทำมื้อเย็นง่าย ๆ ให้เขาได้เอาไปกินตอนที่ว่าง
“จะเหนื่อยไหม?” คุณหมอมองด้วยรอยยิ้มบาง ๆ เช่นเคยในจังหวะที่เราเดินออกจากลิฟต์ด้วยกัน ซึ่งคุณหมอรอให้ฉันเดินออกมาก่อนและเขาถึงได้เดินตามออกมา
“ไม่ค่ะ คุณหมอแพ้อะไรไหม?”
“ไม่แพ้ครับ”
“เดี๋ยวทำข้าวหน้าไก่คุณหมอกินได้ไหมคะ”
“ได้ครับ”
“ก่อนออกไปทำงานแวะเคาะห้องนะคะ”
“ขอบคุณครับ” ฉันหยุดที่หน้าห้องพักของตัวเอง โดยมีคุณหมอยืนรออยู่ด้านหลัง และรอให้ฉันปิดประตูห้องตัวเองหลังจากที่เดินเข้าไปอีกฝ่ายถึงได้เดินไปที่ประตูห้องของเขาบ้าง
ทันทีที่กลับเข้าห้องพักก็ล้างมือเตรียมทำมื้อเย็นทันที ข้าวหน้าไก่เทอริยากิคือเมนูที่ฉันจะทำ เมื่อคืนฉันน่ะหมักไก่ไว้เพราะอยากกิน
ตอนนี้เลยไม่ต้องเสียเวลาหมักไก่ ฉันย่างไก่พร้อมกับหุงข้าวไปด้วย เตาที่ว่างอีกที่ก็ใช้ทอดไข่ดาวเพิ่มอีกสองฟองรวมถึงผักที่ถูกทำมาล้างทำความสะอาดและหั่นเป็นชิ้นให้กินได้สะดวก
กล่องอาหารถูกหยิบออกมาสองกล่องหนึ่งกล่องใส่ข้าวอีกหนึ่งกล่องใส่ไก่ย่างซอสเทอริยากิและผัก เมื่อปิดกล่องเสร็จก็หยิบอาหารใส่ถุงผ้าสีครีม
จัดเตรียมทุกอย่างเสร็จก็จัดจานให้ตัวเองไปด้วย ฉันยังไม่ทันได้กินข้าวประตูห้องก็ถูกเคาะเบา ๆ ในช่วงเวลาหนึ่งทุ่ม
“มื้อเย็นค่ะ” ถุงกล่องอาหารถูกส่งไปให้กับคนตัวสูงตรงหน้าที่ครั้งนี้สวมเสื้อกาวน์สีขาวกางเกงสีดำเตรียมพร้อมออกไปทำงาน
“ขอบคุณครับ เหนื่อยแย่เลย”
“ไม่เหนื่อยเลยค่ะ ต้องทำให้ตัวเองอยู่แล้ว คุณหมอจะไปทำงานเลยใช่ไหมคะ?”
“ครับ ต้องออกแล้วล่ะฝนตกรถติด” ขณะที่ตอบก็ยื่นมือมารับถุงผ้าไปถือไว้เอง
“ขับรถดี ๆ นะคะ”
“ขอบคุณครับ ไปแล้วนะ”
“ค่ะ”
คุณหมอยื่นมือมาจับที่ประตูห้องของฉันก่อนจะดึงไปปิดให้ เหมือนเขาอยากมั่นใจว่าฉันปิดประตูและล็อกประตูแล้วอย่างนั้นเลยล่ะถึงได้ยอมเดินออกห่าง