"เขาเป็นคนแบบนี้เหรอ..." ฉันบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะเดินตามหลังพี่มาร์คัสเข้าไปในห้อง
พอฉันเดินเข้าไปในห้องฉันก็เจอพี่มาร์คัสมองไปรอบๆบริเวณห้องเหมือนกำลังสำรวจหาอะไรสักอย่างก่อนจะหมุนตัวกลับมามองหน้าฉันนิ่งๆ
"ฉันคงไม่ต้องมาดูแลเธอตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงหรอกนะ" พี่มาร์คัสพูดขึ้นด้วยสีหน้าแววตานิ่งเรียบ แต่ใครจะให้เขามาดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงล่ะ ระดับมิวนิคขอเวลาไม่เกินสองอาทิตย์ในการสำรวจเส้นทาง และจากนั้นฉันก็ไม่ต้องการใครมาดูแลทั้งนั้นแหละ
"ไม่ค่ะ..มิวดูแลตัวเองได้" ฉันบอกออกไปก่อนที่ไทม์จะเดินเอากระเป๋ามาวางลงข้างๆฉัน ฉันจึงหันไปมอง "ขอบคุณค่ะ"
"ครับ" ไทม์ขานรับด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
"..." แล้วพี่มาร์คัสก็เดินเข้ามาใกล้ๆฉันจนฉันต้องถอยหลังหนี จนเขาหยุดชะงัก แล้วจะเดินเข้ามาใกล้ๆทำไมเนี่ยจะพูดอะไรก็พูดสิ "คำสั่งของฉันคือเด็ดขาด และที่สำคัญอย่ามายุ่งวุ่นวายกับฉัน นี่คือกฎของฉัน ถ้าเธอทำไม่ได้ฉันจะบอกแม่เธอมารับกลับฟินแลนด์ไปซะ"
"เรื่องไปยุ่งวุ่นวายกับพี่อันนี้มิวทำได้ค่ะ แต่คำสั่งของพี่คือเด็ดขาดนี่คืออะไรคะ?" ฉันเอียงคอถามด้วยใบหน้าไม่เข้าใจ
"เธอมาอยู่ที่นี่ภายใต้การดูแลของฉัน ฉะนั้นอย่าขัดคำสั่ง"
"แล้วคำสั่งมันคืออะไรคะ?" ฉันถามออกไปอีกครั้งจนพี่มาร์คัสเริ่มชักสีหน้าหงุดหงิด แล้วฉันถามผิดตรงไหน ฉันก็แค่จะได้วิเคราะห์ดูว่ามันสมเหตุสมผลไหม เท่านั้นเอง
"อย่ามากวนประสาท"
"มิวไม่ได้กะ..."
"คำสั่งของฉันคือเด็ดขาดเธอจำเอาไว้แค่นี้ ถ้าทำไม่ได้เตรียมตัวเก็บกระเป๋าอำลาประเทศไทยได้เลย!" ฉันยังพูดไม่ทันจบพี่มาร์คัสก็พูดขึ้นซะก่อน ทำให้ฉันต้องกลืนคำพูดที่เหลือลงคอไปทันที
อะไรจะเผด็จการขนาดนี้!!
"..." แล้วฉันก็เงียบไปและพี่มาร์คัสก็เดินออกจากห้องไป แต่เขาลืมอะไรไปไหม? คีย์การ์ดห้องฉันล่ะ ฉันจึงวิ่งตามเขาออกไป
"พะ..พี่มาร์คัสคะ!" ฉันตะโกนออกไปจนพี่มาร์คัสหยุดนิ่งแล้วหันมามองหน้าฉันด้วยใบหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ฉันว่ามันคงไม่เล็กน้อยแล้วแหละคงหงุดหงิดฉันมากๆเลยล่ะ
"คีย์การ์ดมิว" ฉันชี้ไปที่คีย์การ์ดอีกอันที่อยู่ในมือของพี่มาร์คัส
"..." เขาก็นิ่งไม่พูดอะไรออกมาทั้งสิ้น
"ขอคืนได้ไหมคะ?"
"ฉันคือคนดูแลเธอฉันควรมีคีย์การ์ดห้องเธอไว้"
"ไม่จำเป็นค่ะ เพราะมิวดูแลตัวเองได้" ถ้าฉันไม่มั่นใจฉันไม่มาเรียนประเทศไทยคนเดียวหรอก มีแต่คุณพ่อคุณแม่นั่นแหละที่เป็นห่วงมากจนเกินไป พวกท่านเลยต้องส่งผู้ชายหน้านิ่งขี้เก๊กมาดูแลฉัน ส่งคนดีๆมาหน่อยก็ไม่ได้ -__-
"หาทางไปมหาลัยให้มันได้ก่อนแล้วค่อยมาพูด" เขาพูดขึ้นเสียงนิ่งเรียบก่อนจะเดินออกไป ทำให้ฉันได้แต่ยืนกำมัดแน่นด้วยความโกรธจัด จนพี่มาร์คัสเดินหายเข้าไปในลิฟต์
"คอยดูเลยพี่มาร์คัส! มิวจะไม่ไปรบกวนอะไรพี่เลย!!" ฉันพูดขึ้นด้วยความโมโหก่อนจะกระทืบเท้าเข้าไปในห้อง แล้วเดินไปทิ้งตัวนอนราบไปกับเตียงนอนด้วยความหงุดหงิด
..
ครืนนนน~ ครืนนนน~ ระหว่างที่ฉันเผลอหลับไปสักพักฉันก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อเสียงโทรศัพท์ของฉันส่งเสียงร้องดังขึ้น ก่อนที่ฉันจะใช้มือไปควานหาแล้วก็หยิบมันมากดรับสายทันที โดยไม่ได้ดูเลยว่าใครเป็นคนโทรมา
"ฮัลโหล~"
(โอโห้ คุณมิวนิคกี่โมงแล้วคะลูก ทำไมพึ่งตื่น) เสียงคุณแม่ของฉันดังเล็ดลอดออกมาทำให้ฉันต้องมองไปยังนาฬิกาที่ติดอยู่ที่ฝนังห้อง
"สามทุ่มแล้วค่ะ" ห๊ะ! สามทุ่ม! ฉันดีดตัวลุกขึ้นทันที นี่ฉันนอนหลับขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ก็มันยังไม่ชินนี่น่า เห้อ! ข้าวก็ยังไม่ได้กินเลย นี่น่ะเหรอการอยู่คนเดียว มีอิสระแต่ก็ต้องแลกมากับความลำบาก
(สามทุ่ม! แล้วนี่ทานข้าวยังคะ?) คุณแม่ก็ดูตกใจไม่น้อยไปกว่าฉันหรอก
"แฮะๆ ยังเลยค่ะ" ฉันหัวเราเบาๆก่อนจะใช้มือลูบท้องตัวเองเบาๆ พอพูดถึงข้าวก็หิวเลยแฮะ
(ตายแล้วๆๆ ให้แม่โทรบอกพี่มาร์คัสพาไปไหมคะ)
"ไม่ต้องค่ะเดี๋ยวมิวไปเอง มิวไปเองได้" พอพูดถึงชื่อพี่มาร์คัสฉันก็เริ่มอารมณ์เสียขึ้นมาทันที ถ้าเกิดคุณแม่โทรบอกพี่มาร์คัสนะ ฉันโดนเขาด่าเป็นชุดแน่
(แน่ใจใช่ไหม?)
"แน่ใจค่ะ"
(งั้นไปทานเลยค่ะ)
"งั้นเท่านี้นะคะคุณแม่"
ติ๊ด~ แล้วฉันก็กดวางสายคุณแม่ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำล้างหน้าล้างตาให้ตัวเองสดชื่นหน่อยก่อนจะเดินออกมาจากห้อง
ฉันว่าฉันคงต้องไปพึ่งข้าวเซเว่นอีกแหงๆเลย เพราะตอนขับรถเข้ามาในคอนโดฉันว่าฉันเห็นมีเซเว่นอยู่หน้าคอนโดด้วย
.
.
.
@สนามแข่งรถM
[Marcus Talk]
"นายไม่คิดจะไปดูเธอหน่อยเหรอ?" เสียงไอ้ไทม์ดังขึ้นขณะที่ผมกำลังนั่งยกเบียร์ในห้องขนาดกลาง ที่สามารถมองผ่านกระจกใสบานใหญ่ออกไปเห็นการแข่งขันรถได้
"มันไม่ใช่เรื่องของกู" ผมตอบออกไปแค่นั้นแต่สายตายังคงมองไปที่รถซุปเปอร์คาร์สีดำและสีแดงกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดอยู่ภายในสนามแข่งรถขนาดใหญ่ของผมแห่งนี้
"แต่เธอเป็น...."
"..." ผมจึงหันไปมองหน้าไอ้ไทม์มือขวาของผมด้วยสายตานิ่งเรียบ "กูไม่ไป!"
"ครับ" ไอ้ไทม์ก้มหัวให้ผมเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป และจังหวะนั้นประตูบานใหญ่ก็ถูกผลักเข้ามาอีกครั้งทำให้ผมหันไปมองหน้าคนที่มันเปิดเข้ามา
"มึงไปไหนมา" ไอ้ฟีนิกซ์หุ้นส่วนธุรกิจไอ้แวมไพร์เปิดประตูเข้ามาก่อนจะเดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆผม ผมแม่งเป็นเพื่อนกับมันได้ไงก็ไม่รู้ ก็เพราะไอ้พวกเพื่อนผมสองคนติดเมียติดลูกไปหมดล่ะ เหลือแต่มันเนี่ยแหละทำให้ช่วงหลังๆผมกับมันไปนั่งกินเบียร์ด้วยกันบ่อย
"เรื่องของกู...มึงมาทำไม?" ผมถามมันออกไปด้วยใบหน้านิ่งเรียบก่อนจะโยนกระป๋องเบียร์ให้มัน
"กูแค่เบื่อ"
"ธุรกิจเป็นไงบ้างวะ" เพราะมันมาทำธุรกิจที่นี่ได้เกือบจะสองเดือนแล้ว
"ก็ดี" มันตอบออกมานิ่งๆก่อนที่ประตูห้องจะถูกเคาะขึ้นอีกครั้ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!...แกร๊ก
"นายครับ คุณเชอร์รี่มาหา"
"ให้เข้ามา" ผมบอกออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแล้วผู้หญิงคนนั้นก็เดินเข้ามา เธอคือพริตตี้ของงานโชว์รถที่ผมไปเจอและดันถูกใจเลยหิ้วกลับมาด้วยแค่นั้น แต่ผมไม่ได้จริงจังอะไรแค่ตอนนี้ยังไม่เบื่อ
"เอ่อ..สวัสดีค่ะ" พอเธอเดินเข้ามาเห็นผมเธอก็ยิ้มออกมาก่อนจะหันไปเห็นไอ้ฟีนิกซ์ที่นั่งอยู่ ก่อนที่เธอจะหันไปยิ้มให้แล้วยกมือไหว้จากนั้นก็เดินมานั่งลงข้างๆผม
"ทำไมคุณมาร์คัสไม่ไปหาเชอร์รี่เลยล่ะคะ จะทิ้งเชอร์รี่เหรอ?" เธอทำหน้าเหมือนงอนผม แต่ผมต้องแคร์ไหม..
"กฎของฉันคืออะไร ถ้าทำไม่ได้ก็ไสหัวไป" ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบก่อนจะเปิดกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่ม ก็ผมไม่ได้จริงจังกับผู้หญิงแบบนี้อยู่แล้ว แต่ผมก็หาอะไรเล่นแก้เบื่อไปเท่านั้นแหละ ผมไม่ใช่ไอ้แวมไพร์นะที่อ่อนหัดอยู่แบบนั้น แต่ตอนนี้มันก็มีเมียมันแล้วแหละ
"เชอร์รี่ล้อเล่นค่ะ..." เธอพูดจบก็เลื่อนตัวมาใกล้ๆผมก่อนจะใช้หน้าอกขนาดใหญ่ของเธอมาถูที่แขนผมเบาๆ
แต่ทำไมวันนี้ผมรำคาญวะ!
"กูไปล่ะ พรุ่งนี้มีงาน" และไอ้ฟีนิกซ์มันก็พูดขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องไป
"กลับไปซะ วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์" ผมวางกระป๋องเบียร์ลงก่อนจะดันตัวลุกขึ้นยืน
"แต่วันนี้..."
"ฉันไม่ชอบคนพูดไม่รู้เรื่อง" ผมปรายตามองเธอแวบหนึ่งซึ่งเธอก็ก้มหน้าลงเงียบๆก่อนที่ผมจะเดินออกจากห้องไป
"มึงส่งคนไปดูยัยนั่นซิ ไม่ใช่ป่านนี้ร้องไห้หาแม่แล้วเหรอ" ผมเดินไปหาไอ้ไทม์ที่นั่งชมการแข่งขันรถอยู่กับพวกลูกน้องที่เหลือของผม
"นายหมายถึงคุณมิวนิคเหรอครับ?" ไอ้ไทม์เงยหน้าขึ้นมองหน้าผมพร้อมกระตุกยิ้มออกมาบางๆ
"..." ผมไม่ตอบแต่มองหน้ามันด้วยสายตานิ่งเรียบก่อนจะเดินออกจากตรงนั้นไปขึ้นรถทันที