ตอนที่ 6 คิดต่าง

2191 Words
คิดต่าง >>>>>@@@@@@@@ หลังจากที่ภูมิบดินทร์ออกไปแล้ว พ่อเลี้ยงภาวินทร์ก็นั่งลงข้าง ๆ กับเด็กหนุ่มบนโซฟา และปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีเข้มที่อ้นใส่เพิ่มอีกมา 2 เม็ดเพื่อคลายความอึดอัดให้กับคนเป็นลม เขาเอามือเกลี่ยผมชื้นเหงื่อที่ตกลงมาปิดบังใบหน้าสวย ๆ ออกอย่างเบามือ “ตาวินทร์!!!! กำลังจะทำอะไร”คุณแวววิมลที่เดินเข้ามาเห็นลูกชายกำลังลูบใบหน้าสวย ๆ ของเด็กหนุ่มที่หลับอยู่บนโซฟา ก็พูดขึ้นเพื่อขัดจังหวะพ่อเลี้ยงในทันที “คุณแม่อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลยครับ”พ่อเลี้ยงภาวินทร์ก็เหมือนรู้ว่าคุณแม่ของเขากำลังจะพูดอะไร “แม่รู้นะว่าแกคิดอะไรอยู่”คุณแวววิมลพูดกับลูกชายออกไปตามตรง ".................." ไม่มีคำตอบอะไรออกมาจากปากของพ่อเลี้ยง มีแต่สายตาที่มองไปหาคุณแวววิมลอย่างไม่พอใจอยู่บ้าง “ลุงวินทร์ ยาดมกับน้ำมาแล้วครับ”ก่อนที่ข้างในห้องทำงานของพ่อเลี้ยงจะมีการสนทนาที่มากไปกว่านี้ ภูมิบดินทร์ก็วิ่งเข้ามาในห้องเสียก่อน “น้องภูมิเอากะละมังมานี่ ลุงจัดการเอง”พ่อเลี้ยงเอากะละมังจากมือของหลานชาย ภูมิบดินทร์ก็ไม่เข้าใจกับการกระทำของลุงตัวเอง ได้แต่ยื่นถังน้ำให้พ่อเลี้ยงอย่าง งง ๆ “ให้แม่ทำดีกว่าตาวินทร์ แม่ว่าวินทร์คงทำไม่ถนัด”คุณแวววิมลรีบค้านขึ้นเมื่อรู้ว่าลูกชายจะทำอะไร “ผมว่าคุณแม่ ออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะครับ ตรงนี้ผมกับน้องภูมิจัดการเอง น้องภูมิเอายาดมเข้ามาให้เพื่อนดม”พ่อเลี้ยงพูดบอกคุณแม่พร้อมกับเอาผ้าชุบน้ำบิดหมาด ๆ ค่อย ๆ เช็ดที่หน้าและลำคอของอ้นเบา ๆ ส่วน ภูมิบดินทร์ก็เอายาดมให้เพื่อนเช่นกัน คุณแวววิมลเห็นภาพที่ทั้งลุงทั้งหลานปฐมพยาบาลเด็กหนุ่มก็เลยเดินหนีออกจากห้อง อย่างไม่สบอารมณ์แต่ทำอะไรไม่ได้ พ่อเลี้ยงยังคงเช็ดหน้าและไล่ลงมาที่คอและหน้าอกบางของอ้นอย่างถือวิสาสะ “อื้อออออ”เมื่อความเย็นสัมผัสเข้าลำคอและลำตัว ทำให้อ้นขยับตัวและปัดมือคนเช็ดออกอย่างไม่รู้ตัว “อย่าดื้อ”คนปัดมือโดนดุเบา ๆ พร้อมกับที่พ่อเลี้ยงจับมือคนป่วยไว้ และเขาก็ยังคงเช็ดตัวให้อ้นทำหน้าที่บุรุษพยาบาลต่ออีก “เอ้ย!! ”อ้นตื่นเต็มตาเมื่อความเย็นปะทะเข้าที่หน้าอกและเอามือรวบคอเสื้อตัวเองที่ไม่มีกระดุมไว้ในทันทีที่ลืมตาขึ้นมาเจอว่าใครอยู่ตรงหน้าตัวเองในตอนนี้ “โอ้ย!! ขอโทษครับ” อ้นรีบลุกขึ้นมาจนหัวไปโขกกับพ่อเลี้ยงอย่างแรง อ้นเอามือลูบหัวตัวเองป้อย ๆพร้อมกับทำหน้ามุ่ยเพราะเจ็บที่หน้าผาก “เจ็บมากไหมครับ หืม”พ่อเลี้ยงเอามือจับข้อมือของอ้นไว้และเอามือตัวเองลูบตรงรอยแดงนั้นเบา ๆ แทนเจ้าตัว อ้นนั่งนิ่งเหมือนถูกสาป แต่สายตาของเขายังจดจ้องไปที่ใบหน้าของเจ้าของมือด้วยใจที่สั่นไหวและเต้นแรงจนคนตรงหน้าน่าจะได้ยิน “มะ ไม่เป็นไรครับ”อ้นตอบตะกุกตะกัก เพราะทำอะไรไม่ถูก อยู่ ๆก็มาเปลือยอกต่อหน้าคนที่เพิ่งรู้จักกัน ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันก็เหอะนะ เพราะตอนนี้คนที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้แค่สัมผัสที่หน้าผากของเขาเท่านั้น มือของพ่อเลี้ยงหนุ่มยังแกะมือของอ้นที่กุมคอเสื้อเขาไว้และเป็นคนติดกระดุมให้เขาอีก 2 เม็ดที่เหลือให้ด้วย “ขะ ขอบคุณนะครับ”อ้นตอบออกไปเสี่ยงสั่นกว่าเดิมมาก ทำไมเขาควบคุมอาการตื่นเต้นของตัวเองไม่ได้เลย และที่แปลกคืออาการปวดหัวของเขามันหายไปโดยที่ไม่ต้องพึ่งยาเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่มันเคยเกิดขึ้น หรือจะเป็นเพราะความตื่นเต้นความรู้สึกมันเลยพาร์ทไปโฟกัสที่อย่างอื่นมากกว่า แต่จะด้วยอะไรก็ตามอ้นก็ดีใจที่อาการปวดหัวหายได้เอง “อ้นเป็นไงบ้าง ดีขึ้นรึยัง ไปหาหมอไหม”ภูมิบดินทร์ที่อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่เพื่อนตัวเองตื่นขึ้นมาจนถึงตอนนี้ เขาเก็บรายละเอียดไว้ทั้งหมด นี่อ้นทำให้คุณลุงที่หน้านิ่ง มาดขรึมของเขาเสียอาการได้ขนาดนี้เลยรึไง ภูมิบดินทร์ยิ้มอย่างพอใจ อ้นนี่แหละที่จะมาทำให้คุณลุงของเขากลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง ภูมิบดินทร์มั่นใจว่าต้องเป็นอย่างนั้น คุณพ่อเขาเคยเล่าให้ฟังถึงอดีตของคุณลุง เขาเองก็อดที่จะสงสารคุณลุงไม่ได้ ที่ต้องแบกความรู้สึกผิดตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา คอยโทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนรักต้องตาย และหลังจากนั้นคุณลุงของเขาก็ไม่ค่อยยิ้มอีกเลย มีหน้าตาอมทุกข์และดวงตาเศร้าหม่นตลอดมา ‘มาถูกทางแล้วน้องภูมิเรา หึหึ’ “ไม่ต้องหรอก อ้นค่อยยังชั่วแล้ว”อ้นมองไปที่คนถามที่ทำหน้าเลิ่กลัก ยิ้มมุมปากอย่างน่าสงสัย มีอะไรน่ายินดีงั้นเหรอ นี่เพื่อนเป็นลมอยู่นะ เผื่อเพื่อนจะลืม ทำไมให้คนอื่นมาแก้ผ้าเขาด้วยน่าโมโหชะมัดเลย อ้นขยับตัวเองออกห่างจากพ่อเลี้ยงในทันทีที่ตั้งสติได้ และขยับมานั่งชิดขอบโซฟาอีกข้างและถอนหายใจอย่างโล่งอก “พร้อมทำงานวันไหน”พ่อเลี้ยงถามเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทางเคร่งขรึมเป็นพ่อเลี้ยงคนเดิม “นี่หมายความว่าลุงวินทร์รับเพื่อนน้องภูมิเข้าทำงานแล้วใช่ไหมครับ”ภูมิบดินทร์ที่ดูดีใจจนออกนอกหน้ารีบถามคุณลุงออกไปก่อนเจ้าตัวอีก “แต่ผมยังไม่ได้....” ยังไม่ได้แนะนำตัว ยังไม่ได้สัมภาษณ์ ยังไม่ได้คุยรายละเอียดเกี่ยวกับงานเลยนะครับ ทุกอย่างถูกพับเก็บเมื่อเสียงของภูมิบดินทร์พูดขึ้นขัดจังหวะอ้นอีกครั้ง “เห็นไหมเราบอกแล้วว่าคุณลุงเราน่ะใจดีที่สุดเลย”ยังไม่ทันที่อ้นจะพูดจบภูมิบดินทร์ก็รีบพูดแทรกขึ้นด้วยความดีใจ “หืม ว่าไง พร้อมเริ่มงานวันไหน”พ่อเลี้ยงมองหน้าอ้นและถามออกมาอีกครั้งอย่างต้องการคำตอบ “ตกลงเลยอ้น นะนะนะ นะอ้นนะ”ภูมิบดินทร์ที่เป็นคนดีใจจนแทบเก็บอาการไม่อยู่แล้วตอนนี้ “ผมขอเวลาอีก 3-4 วันได้ไหมครับ ต้องเคลียร์งานที่ร้านก่อน”อ้นตอบออกไปอย่างไม่เต็มเสียงเพราะยังงงกับเรื่องราวอยู่ มาสัมภาษณ์งาน มาเป็นลมต่อหน้าเจ้านาย ตื่นขึ้นมาก็ได้งานเฉย เอ่อนี่มันจะโชคดีเกินไปไหม เจ้านายไม่ป่วยคงเป็นซึมเศร้าแน่ ๆ รับคนเข้าทำงานง่ายแบบนี้ “ได้ งั้นเริ่มงานวันจันทร์นี้เลยนะ”พ่อเลี้ยงเป็นคนสรุปทุกอย่างด้วยตัวเอง เขาไม่อาจจะละสายตาออกจากเด็กหนุ่มตรงหน้าได้เลย “งั้นน้องภูมิไปเที่ยวบ้านอ้นกลับมาพร้อมกันวันอาทิตย์นะครับลุงวินทร์”ภูมิบดินทร์นั่งลงข้าง ๆ เพื่ออ้อนพ่อเลี้ยง เขาอยากไปเที่ยวในเมืองก่อนที่เขาจะกลับไปเรียนต่ออีก อาทิตย์หน้าเขาต้องเรียนซัมเมอร์เร่งให้จบเร็ว ๆ อยากรีบมาช่วยงานที่ไร่แบ่งเบางานของครอบครัว พ่อของเขาก็ดูแลฟาร์มม้ากับไร่ชาที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน “ไม่ต้องมาอ้อนลุงเลย ลุงไม่มีปัญหาหรอก แต่พ่อกับแม่เราจะว่าไง ” “แค่ลุงวินทร์อนุญาตไม่มีใครกล้าห้ามน้องภูมิหรอกครับ คริ คริ”พ่อเลี้ยงเอามือลูบหัวหลานชายอย่างเอ็นดู หรือการมาทำงานที่นี่จะเป็นคำตอบให้กับเรากันนะ คุณลุงของภูมิชื่อวินทร์ หรือมันจะเป็นเรื่องบังเอิญ อ้นได้แต่มองหน้าเจ้าของชื่อไม่วางตา มือเรียวก็กุมหน้าอกของตัวเองไว้ ไม่ได้เจ็บเหมือนเดิมแต่เพียงเพราะหัวใจของเขามันเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาข้างนอก “เรากลับกันดีกว่าเน้ออ้น ลุงวินทร์มีนัดต่อด้วย น้องภูมิกับอ้นขอกลับก่อนนะครับ”ภูมิบดินทร์บอกกับพ่อเลี้ยงเมื่อได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วทั้งเรื่องงานของอ้น และเรื่องไปนอนบ้านอ้น อะไรจะโชคดีกำลังสองแบบนี้นะน้องภูมิ “ขอบคุณมากนะครับที่รับผมเข้าทำงาน”อ้นกล่าวขอบคุณคนที่อายุมากกว่าและเด็กหนุ่มทั้งสองก็ออกจากห้องไปลาคุณแวววิมลก่อนจะพากับกลับเข้าในเมือง “ขับรถระวังด้วยนะ อย่าดื่มให้มากเข้าใจไหม”พ่อเลี้ยงกำชับหลายชายเพราะว่าไม่ค่อยได้ขับรถเท่าไหร่ “มีอ้นดูแลน้องภูมิ ลุงวินทร์ไม่ต้องห่วงเลยครับ” ‘เราแค่ดูแลตัวเองให้ไหวก่อนไหมภูมิ’ อ้นมองหน้าเพื่อนตัวเองที่กำลังอวดอ้างสรรพคุณอยู่ แค่ลำพังวันนี้มาสัมภาษณ์งานก็ยังเป็นลมโชว์เลย เอาแรงที่ไหนก่อนมาดูแลเพื่อน เฮ้ออออ ก็คนอยากเที่ยวอะเน้อ ว่าไม่ได้หรอก อ้นก็ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ พยักหน้าเออ ออ ไปกับภูมิบดินทร์ อย่างจำใจ ก็นัดกันไว้แล้วมีน้ำอิงอีกคนคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ‘แล้วเจอกันนะครับ’ พ่อเลี้ยงมองตามเด็กหนุ่มสองคนที่เดินพ้นประตูออกไป ¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡ “ตาวินทร์ แม่มีเรื่อผงจะคุยด้วย”เมื่อเด็กหนุ่มสองคนออกจากห้องพ่อเลี้ยงไปแล้ว คุณหญิงแวววิมลที่รอเวลาอยู่แล้วรีบเข้ามาหาลูกชายคนโตในทันที “....................”พ่อเลี้ยงแค่พยักหน้าให้คุณแวววิมลอย่างเข้าใจคุณแม่ “ตาวินทร์ แม่ไม่เห็นด้วยที่ลูกจะรับเด็กคนนั้นเข้าทำงาน”คุณแวววิมลรีบพูดขึ้นอย่างไม่เห็นด้วยจริง ๆ “ผมขอทราบเหตุผลของคุณแม่ครับ”พ่อเลี้ยงถามคุณแม่ออกไปเสียงนิ่งแฝงด้วยความไม่พอใจอยู่ในนั้น “วินทร์ก็รู้ว่าแม่หมายความว่ายังไง”คุณแวววิมลพูดกับพ่อเลี้ยงเสียงเครียด “คุณแม่จะห้ามผมเหมือนเรื่องของบัวตองอีกใช่ไหมครับ”พ่อเลี้ยงเริ่มทำเสียงไม่พอใจออกมาชัดขึ้น เขาเองก็รู้ว่าคุณแม่จะพูดอะไร “แม่รู้นะว่าวินทร์คิดอะไรอยู่ แม่ขอโทษกับเรื่องของบัวตอง เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว ไม่มีใครแทนที่ใครได้หรอกวินทร์แม่ไม่เคยว่าที่วินทร์ไม่ยอมเปิดใจให้ใครตลอดหลายปีที่ผ่านมา เด็กคนนั้นหน้าตาเหมือนบัวตองก็จริงแต่เขาไม่ใช่บัวตองลูกจะทำแบบนี้กับเขาไม่ได้”คุณแวววิมลพูดเหตุผลของตัวเองออกมาอย่างเป็นห่วงลูกชายจริง ๆ “ทำไมจะไม่ได้ครับคุณแม่” “มันไม่ยุติธรรมกับอ้นนะ ที่จะเป็นเพียงแค่ใครที่อยู่ในใจของลูก วินทร์คิดดี ๆ นะลูก แม่เป็นห่วง”คุณแวววิมลบอกเหตุผลกับพ่อเลี้ยง “ใช่ครับไม่มีใครแทนที่ใครได้ เหมือนที่คุณแม่พยายามมาตลอดนั่นไงครับ”พ่อเลี้ยงตอบคุณแวววิมลออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจพร้อมกับก้มทำงานต่อ “วินทร์ แม่ไม่เคยห้ามถ้าวินทร์จะมีความรักครั้งใหม่” “แต่คนนั้นต้องไม่ใช่อ้น???? ”พ่อเลี้ยงเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารถามคุณแม่เสียงเรียบนิ่งตามแบบของพ่อเลี้ยง “มันไม่ใช่อย่างนั้นนะวินทร์ วินทร์ก็รู้ว่าแม่กังวลเรื่องอะไร”คุณแวววิมลยังบอกกับลูกชายในความคิดเติม “แม่ไม่อยากให้วินทร์เอาความรู้สึกที่มีต่อบัวตอง ไปให้อีกคนที่เพียงแค่เขาเหมือนบัวตอง วินทร์ควรคิดถึงความรู้สึกของเด็กอ้นด้วยนะ ถ้าวันหนึ่งเขาไม่ใช่ขึ้นมาคนที่เสียใจที่สุดคงไม่ใช่วินทร์แค่คนเดียว”คุณแวววิมลบอกกับลูกชายอย่างกังวล “คุณแม่มีเรื่องจะคุยกับผมแค่นี้ใช่ไหมคะ ผมจะออกไปคุยเรื่องขยายฟาร์มกับทีมวิศวะ”พ่อเลี้ยงพูดบอกคุณแวววิมลไปอย่างไม่อ้อมค้อม “คิดถึงผลที่จะตามมาด้วยนะวินทร์ แม่เป็นห่วงวินทร์มากรู้ไหม”คุณแวววิมลบอกกับลูกชายและเดินออกจากห้องอย่างเหนื่อยใจ "มันจะไม่มีทางเกิดอะไรขึ้นอย่างที่คุณแม่กลัวแน่ ๆ" พ่อเลี้ยงภาวินทร์มองตามคุณแม่และพูดเบา ๆ กับตัวเอง ¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡ หนุ่มน้อยทั้งสองคนก็ขับรถเข้าเมืองซึ่งก็ไม่ห่างกันมากขับรถประมาณไม่เกินชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว ที่แรกที่พวกเขาจะไปก็คือ ร้าน Frend & Frend Cafe’ Of Love เพื่อไปหาคุณแม่ระวิภาและน้ำอิง ❣@@@@@@@@@@❣
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD