ย้าย
>>>>>@@@@@@@@<<<<<
พ่อเลี้ยงภาวินทร์มากับสุดเขตและพาลุงจอนมาขับรถคันของหลานชายกลับด้วย เอาจริง ๆ พ่อเลี้ยงตั้งใจมารับอ้น ไม่ได้มีธุระอะไรสำคัญนักหรอก แค่ใช้เป็นข้ออ้างที่ฟังดูสมเหตุสมผลเท่านั้นเอง
ทั้งอ้นและพ่อเลี้ยงขึ้นไปบนรถนั่งที่ด้านหลังคนขับเรียบร้อยแล้ว
“ลุงวินทร์ครับ น้องภูมิกลับกับลุงจอนนะครับ จะไปซื้อแหนมเนืองด้วย อ้นเจอกันที่ไร่นะ”ภูมิบดินทร์ไม่รอให้ใครได้พูดอะไร ยักคิ้วให้เพื่อน 1 ที ก็รีบเดินไปที่รถคันที่ตัวเองขับมาทันที
“ผะ ภูมิ อ้าว!!! ไปซะแล้วววว ”อ้นถึงกับเอามือกุมขมับตัวเองเมื่อถูกเพื่อนลอยแพ
‘เพื่อนบ้า มาทิ้งเราแบบนี้ได้ไง คอยดูเหอะถึงไร่จะเมินให้’
อ้นทำหน้าเง้า อยากเจ็บใจ เขารู้ว่าภูมิคิดจะทำอะไร เลยได้แต่นึกแค้นในใจแต่ทำอะไรไม่ได้
“ออกรถได้แล้ว”
“ครับพ่อเลี้ยง”สุดเขตหันมาหาเจ้านาย
“อ้าว คุณนั่นเอง บังเอิญจังนะครับ”สุดเขตที่เพิ่งรู้ว่าคนที่ขึ้นรถมากับเจ้านายคือคนที่เขากับพ่อเลี้ยงเจอที่วัด เพราะมัวแต่เล่นโทรศัพท์ตามประสาวัยรุ่น
“บังเอิญจังนะ เราชื่ออ้นนะ อายุ 22 ปี”
“ผมชื่อสุดเขตครับ อายุเราเท่ากันเลย”สุดเขตบอกด้วยรอยยิ้มกับเพื่อนใหม่
“ดีจัง มีเพื่อนเพิ่มด้วย อ้นจะได้ไม่เหงาเวลาภูมิไปเรียนต่อ”อ้นก็ยิ้มให้สุดเขตเช่นกัน
“กลับไร่”พ่อเลี้ยงเห็นสองคนคุยกันอย่างสนิทสนมก็สั่งสุดเขตอีกครั้ง
“ครับ ๆ พ่อเลี้ยง”สุดเขตรีบออกรถทันทีที่เห็นสายตาดุ ๆ ของพ่อเลี้ยงผ่านกระจกส่องหลัง
‘หงุดหงิดอะไรของเขานักหนาวะ เราทำอะไรผิดรึเปล่าเนี๊ยะ’ สุดเขตได้แต่แอบบ่นในใจ
อ้นนั่งตัวลีบอยู่ชิดขอบประตูคนละฝั่งกับพ่อเลี้ยงภาวินทร์ แต่พ่อเลี้ยงนั่งอยู่เกือบกึ่งกลางของเบาะด้านหลัง นั่งดูไอแพดในมือเหมือนทำงานอยู่
“ยังเจ็บอยู่ไหม”เขาเอามือไปเสยผมของอ้นเพื่อดูรอยช้ำจากวันนั้น
โป้ก!!!!
“โอ้ย!! มะ ไม่เจ็บแล้วครับ”อ้นตกใจรีบผละตัวออกจนหัวไปโขกกับกระจกรถแผลเดิมยังมีรอยช้ำอยู่เลย ได้รอยใหม่มาอีกแล้ว แบบนี้ไม่ไหวนะอ้น
“ขยับมาอีก ไปนั่งตรงนั้นเวลารถเลี้ยวเข้าโค้งขึ้นเขาเดี๋ยวก็ได้เจ็บตัวอีกหรอก”พ่อเลี้ยงมองหน้าคนที่ทำหน้าแหย ๆ ดูก็รู้ว่าเจ็บ
“...................”อ้นยังคงเงียบพยายามควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจตัวเอง ทั้งที่รู้ว่ามันทำไม่ได้เขาเองก็พยายามหายใจเข้าออกลึก ๆ
“ก็ได้ครับ ทำไมต้องดุอ้นด้วยอ่ะ”อ้นไม่มีทางเลือกเพราะว่าเจอสายตาดุ ๆ ของพ่อเลี้ยงจับจ้องมาตลอดเวลา อ้นรู้ได้ทันทีว่าถ้าไม่ทำตามคงถูกเขมือบแน่
“ยังไม่ได้ดุเลย”พ่อเลี้ยงภาวินทร์ยังคงทำหน้านิ่ง ๆ เหมือนเดิมเก๊กไว้กลัวหลุดฟอร์ม ตอนนี้พ่อเลี้ยงเองก็ตื่นเต้นและดีใจแค่ไหนที่ได้นั่งรถมาพร้อมกับอ้นสองคนแบบนี้ หลานชายช่างเป็นใจจริง ๆ อีกอย่างด้วยอายุที่ต่างกันการจะทำอะไรต้องระวังให้มาก
อ้นค่อย ๆ ขยับออกจากประตูรถ แต่สายตานั้นยังคงจับจ้องมาที่ตัวเขาตลอดเวลาจนอ้นขยับมาเรื่อย ๆ จนนั่งชิดกับพ่อเลี้ยง
“ก็แค่นั้น”พ่อเลี้ยงหยิบไอแพดขึ้นมาทำงานต่อ โดยแกล้งไม่สนใจเด็กหน้างอที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อ้นได้แต่แอบชำเลืองดูใบหน้าหล่อคมคายของพ่อเลี้ยงเป็นระยะ ๆ
“ภาวินทร์”อยู่อ้นก็หลุดเรียกเพียงชื่อของพ่อเลี้ยงออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“อะไรนะ”พ่อเลี้ยงที่ได้ยินเด็กหนุ่มเรียกชื่อก็ถามอย่างตกใจ ทำไมเรียกแค่ชื่อของตน
“อะไรครับพ่อเลี้ยง”อ้นที่ไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นก็ถามพ่อเลี้ยงอย่างสงสัย มาถามเขาทำไมกัน อ้นกระพริบตา และทำให้น้ำตาของเขาไหลออกมาที่หางตา
“ร้องไห้ทำไมครับ”พ่อเลี้ยงจับประคองหน้าเรียวของอ้นไว้พร้อมกับใช้นิ้วเกลี่ยเช็ดน้ำตาออกให้อ้นอย่างเบามือ
“อ้นร้องไห้เหรอ ขอโทษครับ”อ้นที่รู้ตัวว่าเผลอทำอะไรที่น่าอายออกไปก็รีบเอามือลูบ ๆ ถู ๆ ๆ เช็ดหน้าตัวเองแต่ถูกพ่อเลี้ยงจับล็อคข้อมือทั้งสองข้างไว้
“ถูแรงขนาดนั้น หน้าช้ำหมดแล้ว”ทุกการกระทำของพ่อเลี้ยงอยู่ในสายตาของสุดเขตเกือบตลอดเวลา ทำไมเด็กคนนี้ถึงทำให้พ่อเลี้ยงที่นิ่งเหมือนหินสามพันปี อ่อนโยนได้ขนาดนี้ เขาก็เคยได้ยินป้าไหมเล่าให้ฟังเรื่องพ่อเลี้ยงมาบ้าง
ทั้งสองสบตากับโดยที่น้ำตาของอ้นยังคงเอ่อล้นออกมาจนล้นขอบตา และค่อย ๆ ไหลอาบแก้มใสของอ้นลงมา
“คิดถึง เราคิดถึงวินทร์ ขอโทษ เราขอโทษ”อ้นพูดออกมาเหมือนคนไม่มีสติ และกอดพ่อเลี้ยงไว้แน่นเอาหน้าซุกที่อกแกร่งของพ่อเลี้ยงไว้ ส่งผ่านความรู้สึกที่บอกว่าคิดถึง และคิดถึงจริง ๆ สุดเขตเองเมื่อเห็นภาพนั้นจากกระจกมองหลังเขาก็ตกใจ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมอ้นถึงร้องไห้และกอดพ่อเลี้ยงไว้แน่ขนาดนั้น
“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร”พ่อเลี้ยงก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขาเองก็เหมือนต้องมนต์สะกด กอดตอบอ้นและเอามือลูบหัวอ้นเบา ๆ อย่างปลอบใจ
จุ๊บ พ่อเลี้ยงภาวินทร์จูบลงบนกลุ่มผมกลางกระหม่อมของอ้นอย่างลืมตัว พ่อเลี้ยงเองก็ไม่ยอมปล่อยอ้นออกจากอ้อมกอด คอยกอเปลอบไว้อย่างนั้น
อ้นเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพ่อเลี้ยงอีกครั้ง พ่อเลี้ยงเอามือเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มของอ้น อ้นรับรู้ถึงเสียงเต้นของหัวใจพ่อเลี้ยงซึ่งไม่ต่างจากตัวเองเลย
“ขอโทษครับ”อ้นยิ้มแห้ง ๆ เพื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของพ่อเลี้ยง และหลับตาปริบ ๆ สองสามทีเพราะทำอะไรที่ดีกว่านี้ไปไม่ได้แล้ว ค่อยผละออกจากพ่อเลี้ยงอย่างเนียน ๆ
ปรี๊นนนนนนนนนนนนนนนน
ปรี๊นนนนนนนนนนนนนนนน
“เอ้ยยยยยยยยยยยยยย!!!!”แค่ได้ยินเสียงรถบีบแตรดังลั่น อ้นก็ร้องออกมาด้วยความตกใจสุดขีด
อ้นยกขาตัวเองขึ้นมาเหยียบบนเบาะรถอัตโนมัติเอามือปิดหน้าตัวเองด้วยความกลัว อ้นตัวสั่นเทา หน้าซีดมือซีดซุกหน้าเข้ากับหัวเข่าของตัวเองอย่างหวาดกลัว อ้นไม่ชอบขับรถเร็ว อ้นกลัวความเร็ว กลัวเสียงบีบแตรรถในลักษณะแบบนี้ อาการแพนิคของอ้น แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย จนมาในวันนี้
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยย”พ่อเลี้ยงเห็นอ้นกลัวเขาก็กอดอ้นไว้เขาเองก็ตกใจกลัวจะเกิดอุบัติเหตุเหมือนครั้งนั้น การจะเสียใครไปอีกครั้ง เขาเองก็คงทำใจรับเรื่องนี้อีกครั้งไม่ได้แน่ ๆ เขาแค่อยากปกป้องและดูแลเด็กคนนี้ ถึงตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้นแค่ทำให้คนในอ้อมกอดของเขาเจ็บน้อยที่สุด
พ่อเลี้ยงกุมมืออ้นเอาไว้ กดเองก็กลัวจนตัวเกร็งไปหมด เล็บ คม ๆ ของเขาจิกลงหลังมือของพ่อเลี้ยงอย่างไม่รู้ตัว
เอี๊ยด!!!!
กึ๊ก!!!!
สุดเขตที่มัวแต่เป็นห่วงสองคนที่นั่งอยู่ข้างหลัง และคอยมองกระจกอยู่บ่อย ๆ จนทำให้รถเสียหลักเกือบพุ่งชนรถที่ออกมาจากแยก โดยที่เขาเองไม่ทันได้ระวัง โชคดีที่สุดเขตไม่ได้ขับรถเร็วและมีสติควบคุมรถไม่ให้เสียหลักพุ่งตกถนนไปได้อย่างหวุดหวิด
“ฟู่สสสสสส์”สุดเขตพ่นลมหายใจออกมาอย่างดล่งอกที่ไม่เกิดอะไรที่รุนแรงขึ้น
“ผมขอโทษครับพ่อเลี้ยง”สุดเขตรีบขอโทษพ่อเลี้ยงด้วยความรู้สึกผิดจริง ๆ ถ้าพลาดเพียงแค่นิดเดียวมันจะเกิดอะไรขึ้น เขาประมาทเองแท้ ๆ
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ขับระวังด้วยนะ เหมือนอ้นจะตกใจมาก”พ่อเลี้ยงยังมีน้ำเสียงที่ดูกังวลกับอาการของอ้นอยู่
“ปลอดภัยแล้วนะ ไม่มีอะไรแล้ว”พ่อเลี้ยงพูดปลอบเด็กหนุ่มที่ยังคงกอดไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“คุณอ้นครับ ผมขอโทษนะครับที่ทำให้ตกใจกลัว”สุดเขตบอกกับอ้นอย่างรู้สึกผิดเมื่อเห็นว่าอ้นกลัวมากแค่ไหน
“อ้น หายใจลึก ๆ นะ ไม่ต้องกลัวแล้ว ปลอดภัยแล้วครับ”พ่อเลี้ยงยังคงพูดพร้อมกับลูบหัวของอ้นไว้คอยปลอบใจอยู่ไม่ห่าง
เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างสงบลง อ้นก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ อย่าว่าแต่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เลย แค่ตอนเด็กขี่จักรยานล้มอ้นยังสั่นจนคุณแม่ต้องมากอดไว้เขาถึงหยุดกลัว นี่เป็นเหตุที่เกิดขึ้นบนรถยนต์ครั้งแรงในชีวิตอ้นเลยก็ว่าได้
“แพนิค?? ”อ้นพยักหน้ารับอย่างจำนนด้วยหลักฐานทั้งหมด
“เป็นมานานรึยัง”
“ตั้งแต่ 6 ขวบตอนขี่จักรยานลงเนินล้มครั้งแรกที่สวนสาธารณะครับ”อ้นตอบพ่อเลี้ยงออกไปเสียงเบา
“เอ้ย!!! มือพ่อเลี้ยงเลือดไหลนี่ เป็นเพราะเล็บอ้นแน่เลยครับ ขอโทษนะครับ”อ้นที่เห็นหลังมือของพ่อเลี้ยงเป็นรอยและมีเลือดซึมออกมา และมองที่นิ้วของตัวเองก็พบว่ามีเลือดติดเล็บมาด้วยจริง ๆ
อ้นหยิบทิชชู่มาเช็ดเลือดออกให้พ่อเลี้ยงอย่างเบามือ และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแกะเคสโทรศัพท์ออกและหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากด้านหลังโทรศัพท์
พ่อเลี้ยงมองการกระทำของเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยรอยยิ้มที่เห็นอ้นกระตือรือร้นที่จะทำแผลให้ตนอย่างไม่ลังเลเมื่อเห็นว่าเขามีแผล
อ้นหยิบพลาสเตอร์ยาที่อ้นพกติดตัวไว้ตลอดเวลาออกมา แกะกระดาออกและติดลงบนแผลที่หลังมือของพ่อเลี้ยง และก้มลงไปเป่าเบา ๆ เหมือนติดให้เด็ก 5 ขวบ
“คนอะไรพกพลาสเตอร์ติดตัวด้วย ซนขนาดนั้นเลยเหรอ”พ่อเลี้ยงภาวินทร์ถามออกไปอย่างอยากรู้คำตอบ และยกยิ้มให้กับการติดพลาสเตอร์ยาของอ้นอย่างพอใจ
“ก็ผมไงพก ผมแพ้แบบพลาสเตอร์เหนียว ๆ นี่ครับก็เลยต้องพกไว้ใช้ส่วนตัว ”อ้นบอกเหตุผลของตัวเองกับพ่อเลี้ยงออกไป
เด็กคนนี้มีอะไรแปลก ๆหลายอย่างตั้งแต่เผลอตัวมากอดและบอกว่าคิดถึงพร้อมกับร้องไห้ออกมาเหมือนคนที่จากกันไปนานแสนนานแล้วเพิ่งกลับมาเจอกันยังไงยังงั้นเลย และยังจะมีอาการแพนิค นี่ก็พกพลาสเตอร์ยาไว้ใช้ส่วนตัวอีก
“หายตกใจรึยัง หึม”พ่อเลี้ยงเอามือลูบหัวอ้นอย่าเอ็นดู บอกตรง ๆ เขาเองแทบละสายตาออกจากเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ แต่ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่างเลยต้องเก็บความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ ไม่แสดงออกมา เหมือนมากจริง ๆ
¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡¡
บ้านไร้ รัฐดาวงศ์
“พ่อเลี้ยงยังมาไม่ถึงเหรอคะคุณท่าน”แม่บ้านคนสนิทเดินเข้ามาถามคนที่เป็นนายหญิงของบ้าน ที่มานั่งรอลูกชายคนโตชะเง้อจนคอยาวอยู่บริเวณสวนหน้าบ้าน
“ฉันหละเป็นห่วงตาวินทร์จริง ๆ เลยนะไหม นี่ถึงขนาดไปรับเด็กอ้นนั้นด้วยตัวเองเลย”คุณแวววิมลบอกกับป้าไหมด้วยน้ำเสียงที่กังวล
“ก็พ่อเลี้ยงไปรับน้องภูมิด้วยนี่คะ คุณท่านยังกังวลเรื่องอะไรเหรอคะ”ป้าไหมถามผู้เป็นนายหญิงของบ้านที่มีท่าทางกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“เป็นข้ออ้างนะสิ จะไปรับทำไม น้องภูมิขับรถไปเอง”คุณแวววิมลตอบออกไปด้วยเสียงที่ไม่ค่อยพอใจกับลูกชายเท่าไหร่
“พ่อเลี้ยงอาจจะเป็นห่วงน้องภูมิไหมคะ ยิ่งไม่ค่อยได้ขับรถอยู่ด้วย”ป้าไหมก็มีเหตุผลมาอธิบายให้คุณแวววิมล
“เธอไม่เห็นว่าอ้น หน้าตาเหมือนกับบัวตองมากแค่ไหน เหมือนยังกับคนเดียวกัน ฉันควรกังวลไหม”คุณแวววิมลพูดในสิ่งที่กังวลออกไป
“ไหมเข้าใจแล้วค่ะ คุณท่านเป็นห่วงความรู้สึกของพ่อเลี้ยงใช่ไหมคะ”ป้าไหมเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น
“ตาวินทร์สนใจเด็กคนนั้น จนออกนอกหน้าน่ะสิ”คุณแวววิมลพูดบอกกับป้าไหม แต่พอดีกับที่รถพ่อเลี้ยงเลี้ยวเข้ามาในเขตบ้าน เลยขัดจังหวะการสนทนาของคุณแวววิมลกับป้าไหม
“สวัสดีครับคุณย่า/สวัสดีครับ”อ้นลงจากรถก็ทักทายคุณแวววิมลและผู้ใหญ่อีกคนอย่างมีมารยาท
ป้าไหมเองก็รับไว้อ้น และมองอ้นอย่างตกใจ ตั้งใจมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา คุณท่านบอกว่าหน้าเหมือนบัวตองแต่ไม่คิดว่าจะเหมือนกันเหมือนบัวตองมายืนอยู่ตรงหน้า
“มีอะไรรึเปล่าครับ”อ้นที่เห็นป้าไหมจ้องมาที่ตนนานเกินไป ก็ถามขึ้นอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรคะ หน้าคุณอ้นคล้ายกับคนที่ป้ารู้จักนะคะ”ป้าไหมพูดจบพ่อเลี้ยงก็มองหน้าป้าไหมอย่างไม่พอใจ
“น้องภูมิไปไหนหนูอ้น”คุณแวววิมลถามเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างสงสัย
“ภูมิไปซื้อแหนมเนืองครับ เราเลยมาไม่พร้อมกัน”
“งั้นเข้าไปข้างในกันเถอะ ตรงนี้อากาศร้อน”คุณแวววิมลพูดพร้อมกับเดินเข้าไปในบ้าน
“กระเป๋าคุณอ้นเอาไว้ไหนครับพ่อเลี้ยง”
“เอาเข้ามาข้างใน”พ่อเลี้ยงตอบเสียงเข้มออกไป
“ไหมห้องพักคนงานที่ให้ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”คุณแวววิมลถามแม่บ้าน
“อ้นจะพักที่เรือนใหญ่นี้ครับ”พ่อเลี้ยงตอบออกไป้สียงนิ่งและมองหน้าคุณแม่ของเขา
“อ้นมาทำงานนะ จะมาพักในบ้านใหญ่กับนายจ้างได้ยังไง”คุณหญิงแวววิมลคัดค้าน
“อ้นมาในฐานะเพื่อนของน้องภูมิ เขาแค่มาช่วยงานเราจนกว่าภูมิจะกลับมาไม่ได้มาเป็นคนงาน จะไปนอนที่ห้องพักคนงานได้ไง คุณแม่ว่าน้องภูมิจะยอมไหมครับ”พ่อเลี้ยงก็มีเหตุผลของตัวเองถึงจะยกหลายชายคนโปรดมาอ้างก็เถอะ
“งั้นก็ให้ไปนอนบ้านตาภูแล้วกัน แม่กลัวเกิดความเหลื่อมล้ำกันของคนงาน”คุณแวววิมลก็ไม่ยอมเช่นกันพยายามหาเหตุผลและข้ออ้างมาหักล้างกับพ่อเลี้ยง
“ไม่เป็นไรครับ ผมนอนที่ห้องพักคนงานเหมือนคนอื่นได้ครับ”อ้นตอบออกมาเพราะไม่อยากมีปัญหาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงานที่นี่หรอกนะ
“ไม่ได้นะ มันไม่สะดวกสบายเหมือนบ้านใหญ่”พ่อเลี้ยงหันมาพูดกับเด็กหนุ่มด้วยน้ำเสียงออกดุ ๆ นิดหน่อย ไม่ค่อยพอใจกับคำตอบของอ้นเลย
“อ้นอยู่ได้ครับ”อ้นพูดพร้อมก็มองหน้าพ่อเลี้ยงเชิงขอร้อง กลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่
“..................”พ่อเลี้ยงได้แต่เงียบและเดินเข้าบ้านไปอย่างขัดใจ จะให้เขามาเถียงกับอ้นด้วยเรื่องนี้ก็ใช่เรื่อง
“เอาไปเก็บที่ห้องป้าไหมเตรียมไว้”คุณแวววิมลย้ำกับสุดเขตอีกครั้ง
“ครับคุณท่าน”
“สุดเขต อ้นไปด้วย จะได้ช่วยกัน”อ้นไปถือกระเป๋าใบเล็กของตัวเองที่เป็นของใช้ส่วนตัว ส่วนสุดเขตลากกระเป๋าใบใหญ่ของอ้น
“.......................”พ่อเลี้ยงถึงกับหยุดเดินและมองหน้าเด็กหนุ่มเจ้าของเสียงใสใสเมื่อกี้อย่างไม่ชอบใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
อ้นเพียงแค่ยิ้มแห้ง ๆ ส่งไปให้พ่อเลี้ยงและถือกระเป๋าตามสุดเขตไปทางห้องพักของตัวเอง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของคุณแวววิมลตลอดเวลา
“เห็นไหม ว่าหน้าเด็กอ้นนั่นเหมือนบัวตองแค่ไหน” คุณแวววิมลพูดบอกกับป้าไหม
“เหมือนมากจนคิดว่าเป็นบัวตองเลยค่ะคุณท่าน”ป้าไหมเห็นด้วยกับคุณแวววิมล มิน่าหละคุณท่านถึงกังวล
“หน้าเหวี่ยงไปไหนเนี๊ยะ”
“อะไรนะครับคุณอ้น”
❣@@@@@@@@@@❣
ฝากเอ็นดูพ่อเลี้ยงกับน้องอ้นด้วยนะคะ
มารับน้องด้วยตัวเองเลยน๊า??