Chapter 1คู่กัด
“เธอไม่ได้กำลังสูญเสียเพลินวาน แต่เธอกำลังจะได้ความรักคืนต่างหาก รักของเธอรออยู่ที่จุดหมายปลายทาง ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายที่อยู่เบื้องหลัง” ประโยคแผ่วเบาหลุดออกจากปากของคนกำลังคิดทบทวนถึงเหตุการณ์วนไปซ้ำมาไม่สิ้นสุด หลายประโยคหลุดออกมาจากปากของเธออย่างไม่รู้ตัว
หญิงสาวผินหน้ามองออกนอกหน้าต่างนกยักษ์ลำใหญ่ แม้เธอจะนั่งชิดฝั่งทางเดินและจะต้องมองผ่านอีกหลายที่นั่ง แต่ก็คงยังมองเห็นเมฆสีขาวเลื่อนลอยห่างออกไปสลับกับท้องฟ้าสีครามที่อยู่ไกลลิบ ผู้โดยสารอีก 3 คนที่นั่งถัดจากเธอไม่ได้อยู่ในสายตาของหญิงสาวแม้แต่นิด
เพลินวานเลือกที่จะทิ้งความปวดร้าวอันน่าอับอายไว้ข้างหลังและตีตั๋วเครื่องบินกลับบ้านเกิด เหมือนนกน้อยปีกหักกัดฟันถลาบินกลับให้ถึงรังรักที่เคยพักอาศัย เพียงหวังพึ่งไออุ่นจากอ้อมอกคนที่รัก กับถ้อยคำปลอบโยน
“ทุกอย่างที่ผ่านมามันจะเป็นเพียงความทรงจำที่คอยย้ำเตือนให้ฉันแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น” หญิงสาวย้ำเตือนตัวเอง
เพลินวานเลือกที่จะบอกลามหานครปารีส บินกลับมาลบเลียแผลใจที่บ้านเกิดเมืองนอน ‘บ้าน’ ในความทรงจำที่เธอจากไปหลายปี
หญิงสาวนึกถึงใบหน้าของน้องชายวัยไล่เลี่ยกัน เธอก็ยิ้มออกมา ภาพของพวกเธอกำลังวิ่งเล่นไล่จับกันอยู่บนเนินเขาลูกเตี้ยๆ ในเมืองสามหมอก ตอนนี้เขาโตเป็นหนุ่มหล่อมีหน้าที่การงานที่มั่นคง สานความฝันของบิดาได้สำเร็จ
สติของคนเหม่อกลับมาอีกครั้ง เมื่อมีนิ้วมือเรียวหนาของคนนั่งข้างตัวสะกิดหัวไหล่เรียกหญิงสาว เพราะเขาเองก็นั่งมองเธออย่างสงสัยอยู่นาน
“คุณ! คุณนี่ท่าจะเพี้ยนนะ ผมเห็นคุณยิ้มและพูดอยู่คนเดียวมาสองสามชั่วโมงแล้ว”
เสียงทักพร้อมกับนิ้วมือสะกิดจากชายหนุ่มทำให้เพลินวานตกใจและรีบเรียกสติของตัวเองกลับคืน รอยยิ้มหวานหุบกลับแทบไม่ทัน แต่เธอก็สามารถเปลี่ยนรอยยิ้มเป็นสายตาอาฆาตได้เพียงข้ามวินาที เธอเกลียดความไร้มารยาทแบบนี้ที่สุด
หญิงสาวมองชายหนุ่มอย่างไม่พอใจ คำพูดที่เขาพูดกับเธอเมื่อครู่ทำให้รู้ว่าเขาเป็นคนชาติเดียวกันกับเธอ หญิงสาวจึงตอบกลับด้วยประโยคที่เป็นภาษาไทย
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณไม่ทราบ รู้หรือเปล่าว่าเสียมารยาทมากที่มานั่งมองคนไม่รู้จักแบบนี้”
ชายหนุ่มหน้าเหวอ ไม่คิดว่าคนจะเสียมารยาทจะกลายเป็นเขา
“ผมแค่อยากจะบอกคุณว่า ผมต้องการความเงียบเพราะอยากพักผ่อน”
หญิงสาวมองไปรอบๆ เห็นผู้โดยสารคนอื่นที่ร่วมเดินทางต่างนอนหลับพักผ่อน ไฟถูกเปิดเพียงให้แสงสลัว เพลินวานเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายเสียมารยาทที่ส่งเสียงดังรบกวนคนอื่น
‘นี่เราเผลอคิดถึงเรื่องในอดีตจนยิ้มและร้องไห้ออกมาให้คนอื่นเห็นอีกแล้วหรือเนี่ย น่าอายชะมัด’ หญิงสาวคิดอย่างละอายในใจ เธอมักเผลอแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง
ทั้งที่อับอายจนแทบไม่กล้าเงยหน้ามองคนที่นั่งข้างๆ แต่ก็ต้องฝืนเชิดหน้ารั้นมองหน้าชายหนุ่มตาขวาง เพื่อกลบเกลื่อนความอายของตัวเอง ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นเชิงบอกว่า… ‘ทำไมล่ะ’
ชายหนุ่มหรี่ตามมอง “คุณแอบชอบผมหรือเปล่า ผมเห็นคุณแอบมองมาที่ผมอยู่บ่อยๆ”
คราวนี้หญิงสาวก็อารมณ์เดือดกับข้อหาที่เขายัดเยียดมาให้ เธอรีบยกมือปัดป้ายคราบน้ำตาที่รินไหลออกมาอาบสองแก้มลวกๆ ยืดคอให้เชิดตรงจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง สายตาของเธอไม่ได้มองไปที่เขาเลยสักครั้ง แต่ก็จำต้องมองผ่านเขาไปเพราะที่นั่งของเธอชิดกับทางเดิน
“จะบ้าไปกันใหญ่แล้ว ก่อนที่จะพูดอะไรออกมา… หัดดูหนังหน้าตัวเองก่อนเถอะยะ ว่าหน้าอย่างคุณมันน่าพิศวาสหรือเปล่า หน้าอย่างกับปลาบู่แป๊ะซะ ชิส์!” เพลินวานย่นจมูกหมั่นไส้ตอบกลับผู้ชายหลงตัวเองเสียงห้วน ใครจะยิ้มให้คนไม่รู้จักกันมาก่อนอย่างเขาล่ะ เธอคิดถึงน้องชายสุดที่รักอยู่ต่างหาก
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับคุณผู้หญิง...”
โดนต่อว่าแทนที่ชายหนุ่มจะโมโห แต่เขากลับยิ้มหน้าระรื่นเหมือนไม่รู้สึกเสียอย่างนั้น กลายเป็นว่าคนโมโหกลับเป็นหญิงสาวแทน
‘ผู้ชายอะไรหน้าด้านหน้าทน โดนด่ากลับขอบคุณ’ หญิงสาวกัดฟันกรอดโมโหที่เธอทำอะไรเขาไม่ได้ ขยับตัวหันมาจ้องหน้าเขาให้ถนัด ยกมือขึ้นวางบนพนักพิงไม่พอใจ
“เอ๊ะ! นี่ฉันกำลังด่าอยู่นะ ไม่ใช่กำลังชม คงเพี้ยน… คนด่ายังมีหน้ามายิ้มอีก”
ชายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจอาการไม่พอใจของหญิงสาวสักนิด แต่เลิกคิ้วสูงยิ้มยั่วกวนอารมณ์ให้เธอโมโหมากขึ้นกว่าเดิม มิหนำซ้ำยังยื่นหน้าเข้าไปใกล้เธอและบอกต่อด้วยน้ำเสียงทะเล้น
“เราคงเป็นเหมือนกันมั้งคร้าบ… คุณผู้หญิง คุณเองก็ยังนั่งร้องไห้ ยิ้มและนั่งพูดอยู่คนเดียวได้ตั้งนานสองนาน แล้วทำไมผมจะฟังคำด่าเป็นคำชมไม่ได้ เราน่าจะเป็นคนอารมณ์ดีเหมือนนะ คุณว่ามั้ย!”
“เอ๊ะ! นี่… ขยับหน้าออกไปห่างๆ จากหน้าฉันได้ไหม ฉันจะนอนแล้ว” เพลินวานเผลอแหวเสียงดังอีกครั้ง เธอยกมือข้างหนึ่งขึ้นดันใบหน้าชายหนุ่มให้ห่างจากแก้มของตัวเอง พร้อมกับใช้อีกข้างออกแรงผลักร่างหนาออก
พอชายหนุ่มเจอผู้หญิงเยอะสิ่งเรื่องมากอย่างเธอก็ทำให้เขาอดคิดถึงพี่สาวจอมเผด็จการไม่ได้ รายนั้นเรื่องมากเป็นที่หนึ่ง เหตุผลที่เขาต้องกลับมาคราวนี้ก็เพราะคำสั่งของเธอ
‘ผู้หญิงคงจะเรื่องมากและโขกมาจากบล็อกเดียวกันหมดทั้งโลก’
เขาทำหน้าเหมือนเหนื่อยใจ “โถ่… แม่คุณ ที่นั่งของคุณก็อยู่ตรงโน้น ผมก็นั่งของผมอยู่ตรงนี้ คุณจะนอนก็นอนไปสิ เกี่ยวอะไรกับผมเนี่ย” ชายหนุ่มบ่น แต่ก็ยอมขยับตัวออกห่างจนชิดอีกฝั่ง
“ก็คุณยื่นหน้าเข้ามาใกล้ขนาดนี้จะหลับลงได้ยังไง หันหน้าไปเลย”
“เยอะไปมั้ยเนี่ย… อยู่บนเครื่องบินจะให้มีพื้นที่อะไรนักหนา ถ้าอยากได้พื้นที่ในการนอนเยอะๆ ทำไมไม่ซื้อตั๋วชั้นเฟิร์สคลาสล่ะคร้าบ...” ชายหนุ่มยังลอยหน้ายื่นจมูกเข้ามาใกล้อีกครั้ง คำพูดที่ออกจากปากก็ยียวนกวนอารมณ์ไม่เลิก
เพลินวานรู้สึกหงุดหงิดและหมั่นไส้ผู้ชายยียวนข้างๆ เป็นที่สุด แค่เพียงครั้งแรกที่เจอเธอก็รู้สึกไม่ชอบผู้ชายคนนี้เสียดื้อๆ ถึงแม้รูปลักษณ์ภายนอกเขาจะดูดีแค่ไหนก็ตาม ยิ่งได้เห็นหน้าผู้ชายคนนี้ชัดๆ เธอก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาหล่อมาก ดวงหน้าคมเข้มรับกับผมรองทรงสั้น จมูกโด่งเป็นสันนูนเด่น อีกทั้งดวงตาคมกริบประดับด้วยแพขนตาดกหนาคู่นั้นยิ่งชวนมอง ผิวพรรณที่โผล่พ้นขอบแขนเสื้อให้มองเห็น บ่งบอกได้ดีว่าคงไม่ได้ต้องแสงแดด จนบางทีผู้หญิงอย่างเธอยังนึกอิจฉาความสมบูรณ์แบบในโครงหน้าของเขา
“ไม่ต้องพูดมากเลย หันหน้าไปเลย เป็นคราวซวยของฉันที่เจอผู้ชายแบบนี้บนเครื่อง คนจะนอนก็ไม่ได้นอน” เพลินวานบ่นไปพร้อมกับฟึดฟัดกระแทกกระทั้นไม่พอใจ โดยที่เมื่อครู่เป็นเธอเองที่สร้างความวุ่นวายจนเขาบอกให้เธอหยุดเพราะไม่สามารถนอนหลับได้
แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มยังจ้องหน้ายิ้มทะเล้น เธอก็หันหน้าไปอีกด้านและปิดตาลงนอนอย่างหงุดหงิด ชายหนุ่มหัวเราะขำออกมาในลำคอ ทิ้งศีรษะลงบนพนักพิงและปิดเปลือกตาหลับลงตามหญิงสาวไป
เครื่องบินตกหลุมอากาศทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวอีกครั้ง ความรู้สึกหนักอึ้งทำให้ชายหนุ่มต้องรีบขยับตัวเบี่ยงออก ตอนนี้หัวไหล่ของเขากลายเป็นที่พักพิงของใครบางคน เขาถือโอกาสสำรวจคนที่เอนตัวมาหาและเกยใบหน้าบนหัวไหล่ของตัวเอง
พอปิดตาลงนอนเธอก็เหมือนเด็กมัธยม ปากที่ปิดเงียบสนิทในเวลานี้ทำให้ชายหนุ่มนึกเอ็นดู จนเผลอยิ้มออกมาที่มุมปากน้อยๆ