ชายหนุ่มเจ้าของรถที่ยืนรอในห้างนานหลายชั่วโมง ตอนนี้อารมณ์คุกรุ่นเหมือนไฟโหม เขาอยากหักคอสวยๆ ของเจ้าของรถคันที่จอดขวางทางรถของเขานัก เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นเต็มหน้า เสื้อเชิ้ตตัวบางที่เขาสวมใส่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งตัว เพราะเขาเดินเข้าเดินออกห้าง ตามหาเธอจนเหนื่อย
เขาไม่ค่อยคุ้นชินกับอากาศของเมืองร้อนมากเท่าไรนัก ทั้งที่เขาก็เดินเข้าไปตากแอร์ในห้างเป็นระยะๆ ถ้าจะสตาร์ทรถแล้วนั่งตากแอร์รอ ก่อนออกจากบ้านมา เขาก็ลืมดูว่ารถคันนี้ของพี่สาวน้ำมันก็เหลือน้อยเต็มที ถ้าน้ำมันหมดกลางห้าง… เรื่องราวยิ่งจะแย่ไปกันใหญ่ แล้วที่สำคัญเขาไม่รู้ว่าปั้มน้ำมันอยู่ห่างจากที่นี่มากแค่ไหนเสียด้วย
ในที่สุดการรอคอยของเขาก็สิ้นสุดลง เมื่อเขาเห็นสาวร่างบางในชุดสีม่วงเข้มขับกับผิวขาวผ่องของเธอ เดินฮัมเพลงหมุนลูกกุญแจรถมาอย่างอารมณ์ดี อารมณ์ที่ขุ่นมัวของเขาตอนนี้ยิ่งกระเจิดกระเจิง ไฟโทสะลุกโหมมากเท่าทวี เมื่อเห็นคนตรงหน้าไม่มีอาการทุกข์ร้อนแต่อย่างใด เขาอยากกระโจนขย้ำไม่เหลือซากเลยจริงๆ
ชายหนุ่มเดินหน้าบอกบุญไม่รับมาดักหน้า ถามหญิงสาวเสียงห้วนจัด
“นี่คุณ! ไปไหนมา ไม่รู้มารยาทเลยหรือไง ว่าจอดรถขวางทางคนอื่นอย่างน้อยก็ต้องปลดเกียร์ว่าง ไม่ดึงเบรกมือ”
เพลินวานยกมือป้องปากอย่างมีจริต กลอกตากลมโตมองเพดานไปมาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กะพริบตาปริบๆ ก่อนที่จะหันกลับมามองชายหนุ่มตรงหน้า ยักไหล่ตอบอย่างไม่ยีหระ
“โฮ๊ะ! ไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องตอบ เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย จริงมะ!” เพลินวานเปิดประตูก้าวขึ้นรถอย่างอารมณ์ดี แต่แทนที่เธอจะรีบขับออกไป
เธอเปิดกระโปรงท้ายรถจัดเรียงของให้เป็นระเบียบ เหมือนเธอกำลังเข้าประกวดมารยาทหญิงงามอยู่กระนั้น ยิ่งยั่วต่อมโมโหของชายหนุ่มเข้าไปใหญ่ ร้อนก็ร้อน เหนื่อยก็เหนื่อย หิวก็หิว เขาเดินเข้าไปถามหญิงสาวที่กำลังจัดของอย่างมีความสุขเหมือนอยู่อีกโลกกับเขา
“นี่แม่คุณ! คุณไม่รู้จักมารยาทบ้างไหม จอดรถขวางทางดึงเบรกมือ เข้าเกียร์เอาไว้แล้วยังจะมาจัดของกินเวลาอีก” ชายหนุ่มเดินมาต่อว่าหญิงสาวที่ยังละเมียดละไมจัดของอยู่ได้
เพลินวานละลายตาจากของไม่กี่ชิ้นที่เธอขยับไปขยับมาอยู่นาน ยิ้มยั่วตอบกลับชายหนุ่มอย่างมีความสุข
“มารยาททางสังคมนะรู้จัก รู้ดีด้วยว่า… ช่องจอดรถถ้ามีคนกะพริบไฟรอคือ… จองแล้ว! และที่ไม่ปลดเกียร์นะไม่ใช่ลืมหรอกนะ ฉันตั้งใจเลยทีเดียวละ เผอิญว่าฉันกลัวรถหายนะ คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ค่อยได้ โจรขโมยก็เยอะ ฉันเลยล็อกทั้งครัช เบรกมือ แล้วก็พวงมาลัยเลยสิ”
เพลินวานยังคงลอยหน้าลอยตาตอบ เธอไม่ได้สลดสักนิดที่เขาต่อว่า ขากรรไกรของชายหนุ่มประกบกันแน่น ขบเป็นริ้วปูดโปนเป็นสันด้วยความโมโห ทำขนาดนี้ยังมีหน้ามาลอยหน้าลอยตาพูดอีก
“คุณรู้ไหม ผมเสียเวลาไปมากแค่ไหน จอดขวางหน้ารถคนอื่น อย่างน้อยก็น่าจะรู้สึกสำนึกบ้าง” เพลินวานกลอกตามองสูงยักไหล่ยั่วต่อมโมโหของอีกฝ่าย
“ไม่รู้!... เพราะฉันไม่ได้จับเวลา” เพลินวานเบ้หน้ากลอกตาวาวล้อเลียนตอบกลับทันที อาการคนตอบไม่ได้ร้อนอกร้อนใจสักนิด
“แต่ที่รู้… ที่ตรงนี้มันเป็นที่จอดที่ฉันเจอก่อนคุณ” หญิงสาวเว้นระยะ
“มันจะมากไปแล้วนะ”
“ก็ไม่รู้สินะ!” เพลินวานยักไหล่บอกเสียงสูง บิดเอวหมุนตัวไปมาป่วนอารมณ์คนตรงหน้าเล่น
“ขนาดคุณยืนรอเองยังไม่รู้เลยว่านานแค่ไหน แล้วฉัน… คนที่นั่งจิบกาแฟ บรรยากาศดีๆ กาแฟหอมกรุ่น จะไปรู้ได้อย่างไร… หืม?” เพลินวานยังยิ้มยั่วเขาไม่เลิก ยิ่งเขาโกรธมาก โมโหมาก เธอยิ่งสะใจ
“แล้วนี่จะออกตอนไหนไม่ทราบ”
“ไม่เห็นรึไง!... ว่าฉันยังจัดของไม่เสร็จ คุณรีบก็ออกไปก่อนสิ” เพลินวานยังสนุกที่ได้เอาคืนเขา จอดรถขวางทางขนาดนี้ ถ้าเธอไม่ออก เขาก็ไม่มีทางไปไหนได้แน่นอกจากจะยกข้ามออกมา
‘ฮึม… ถ้าออกไปก่อนได้อย่างที่เธอบอก จะยืนเหงื่อซกรออย่างนี้หรือแม่คุณ’
ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ ยืดคอมองของที่อยู่ท้ายรถไม่กี่ชิ้นของหญิงสาว ที่เจ้าตัวขยับเลื่อนไปเลื่อนมาเปลี่ยนที่จัดของเพื่อถ่วงเวลาเขา
“ตอนนี้ไม่ค่อยรีบแล้วละ ว่าจะจับผู้หญิงแถวนี้ปล้ำทำเมียสักคน อารมณ์กำลังเปลี่ยวพอดี ยิ่งตรงนี้ลับตาคนด้วย… เหมาะเลย ดึกขนาดนี้แล้วคนไม่ค่อยเดินผ่านมาหรอก”
ภูริชเปลี่ยนโหมดเป็นผู้ชายหื่นกาม ทำตาเยิ้มมองหน้าหญิงสาว ไล้สายตาลงไปมองที่เรียวขาขาวผ่องที่โผล่พ้นกระโปรงของเธอ พร้อมกับเดินย่างสามขุมเข้าไปหา แล้วก็ได้ผลทันตาเห็น เพลินวานตกใจลนลานจัดของมือสั่น สายตาชำเลืองมองซ้ายทีขวาทีอย่างหวาดกลัว เป็นอย่างที่เขาพูด แถวนี้เป็นมุมอับ ทั้งมืด ทั้งไม่มีคนเดิน
เพลินวานรีบปิดกระโปรงรถอย่างร้อนรน วิ่งกลับไปเปิดประตูรถ
“อ้าวคุณ! ไม่จัดของต่อหรือ ยังไม่เรียบร้อยเลย” ชายหนุ่มร้องถามทั้งที่กลั้นหัวเราะเอาไว้ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวรีบวิ่งเข้าในรถเตรียมขับออกไป ภูริชมองตามไฟท้ายรถทั้งขำปนโมโห ถ้าเขาให้มุกนี้ตั้งแต่แรก เขาก็ไม่ต้องมาทนยืนทนร้อนให้เธอยั่วโมโหนานขนาดนี้
ชายหนุ่มกลับมาถึงบ้านในเวลาเกือบห้าทุ่ม เขาต้องวนรถหาปั้มน้ำมันอยู่นานและกว่าจะฝ่ารถติดมาได้ ยังดีที่เขาไม่ได้สตาร์ทรถรอในรถ ไม่อย่างนั้นคงมีงานให้เขาได้หงุดหงิดเพิ่มอีกเป็นแน่
คุณนายคอร์แนลนั่งจิบน้ำผลไม้ดูซีรีย์เกาหลีอย่างอารมณ์ดี แต่คนเป็นน้องที่พึ่งเดินเข้ามาใหม่ ตอนนี้อารมณ์พุ่งพรวดเดินจ้ำอ้าวเข้าบ้านราวกับพายุเดินเลี่ยงขึ้นบนบ้าน ตอนนี้เขาไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าใคร เพราะสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดตอนนี้คือน้ำเย็นชโลมกาย ล้างคราบเหงื่อไคลหมักหมมในตัวหลายชั่วโมง
“กลับมาแล้วหรือ ไปเล่นสงกรานต์ที่ไหนมาละ เปียกซกมาเชียว” คนเป็นพี่สาวเย้าอย่างอารมณ์ดี ชายหนุ่มจำต้องเดินมาหาพี่สาวก่อน
‘น่าน...เอาแล้วไง ตอนนี้เขายิ่งไม่อยากเสวนากับใครด้วย’
“เขาเรียกว่าเหงื่อ! ปลายเดือนตุลาอย่างนี้มีสงกรานต์ที่ไหนกันละ” คนเป็นน้องชายกระแทกก้นนั่งลงข้างๆ พี่สาว แล้วตอบกลับพี่สาวอย่างหงุดหงิด
“อ้าวรึ! แล้วไปทำอีท่าไหนมาละ ถึงได้เหงื่อท่วมมาขนาดนี้” ยิ่งได้ยินคำพูดของคนเป็นพี่สาว เขายิ่งโมโหหนักขึ้นชายหนุ่มลุกขึ้นเตรียมจะเดินขึ้นบ้านไป แต่ก็ไม่วายหันมาให้ความกระจ่างกับพี่สาว
“ก็ไปเจอคนป่วน และกวนประสาทเหมือนพี่นะซิ อย่าให้ได้เจออีกนะ จะจับหักคอจิ้มเกลือให้หายแค้น...” ชายหนุ่มยังทิ้งน้ำเสียงหงุดหงิดเหมือนเดิม ขาก็ก้าวต่อไม่หยุด เขาไม่ได้หันมามองคู่สนทนาของเขาด้วยซ้ำ คงเป็นเพราะอากาศร้อนมากกว่าที่เพิ่มอารมณ์เขาได้มากขนาดนี้
“อ้าว… นี่แกว่าฉันอยู่รึ” คนเป็นพี่สาวโวยวายขึ้นมาบ้าง
“อยู่กันสองคน… รับไปก็แล้วกัน” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างรำคาญ ตัดบทก่อนที่พี่สาวจะอ้าปากพูดว่าเขา
“ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อน ทั้งเหนื่อย ทั้งเหม็นเหงื่อ ทั้งเหนียวตัว ทั้งร้อน พี่คิดว่าผมจะมีอารมณ์สุนทรีย์ เหมือนคนนั่งจิบน้ำผลไม้ ดูซีรีย์อยู่หรือ แล้วนี่ทำไมยังไม่นอน เดี๋ยวหลานผมก็พักผ่อนไม่เต็มที่… หน้าเหี่ยวเหมือนพี่ตั้งแต่อยู่ในท้องหรอก” ชายหนุ่มตอบและถามไปพี่สาวพร้อมกันลุกเดินออกไป
“อี๋! ปากหรือนั่น” คนเป็นพี่ร้องตามหลัง
ชายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจคนร้องตามสักนิดเดินลิ่วขึ้นบันไดไปทันที
“เป็นอะไรของเขานะ… แหย่นิดแหย่หน่อยทำเป็นหงุดหงิด อารมณ์เสีย” คุณนายคอร์แนลพูดตามแผ่นหลังหนา ที่เดินขึ้นบันไดไปถึงข้างบนแล้ว