REMEMBER

2191 Words
บรรยากาศกลับมาเริ่มตึงเครียดอีกครั้งนับตั้งแต่ที่ฮันส์พลั้งปากเผลอพูดถึงอะไรบางอย่างออกมา พร้อมกับที่ตัวของเธอนั้นก็เผลอส่งกลิ่นของอัลฟ่าไปข่มขู่คู่ต่อสู้อย่างไม่ได้ตั้งใจ มันเลยทำให้ตอนนี้ฮันส์กำลังเป็นเป้าสายตาของทั้งสาม รวมไปถึงเบรินที่กำลังยืนกับกลุ่มเพื่อน ๆ ของเจ้าหล่อนอยู่ ดีที่เสียงเพลงพอจะช่วยกลบเสียงของเธอได้ ไม่อย่างนั้นคงจะมีอีกหลายคนแน่ ๆ ที่ได้ยินบทสนทนาที่เกรี้ยวกราดจากปากของอัลฟ่าผู้นี้ “เดี๋ยว ๆ นี่มึงเป็นอะไรของมึงวะฮันส์ เกิดมาทั้งชีวิตไม่เคยเห็นมึงโกรธอะไรขนาดนี้มาก่อน” บิลล์ถึงกับสะดุ้งที่อยู่ดี ๆ เพื่อนของเขาก็โมโหขึ้นมาเพียงแค่เขาขอผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้เต้นรำ ตั้งแต่เป็นเพื่อนกับมันมายังไม่เคยเห็นฮันส์มันโกรธขนาดนี้มาก่อน ถ้าไม่รวมถึงตอนเด็ก ๆ ที่มันชอบดูถูกพวกโอเมก้าและคนที่อ่อนแอกว่าน่ะนะ ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนฮันส์เป็นคนปากร้ายจะตายไป ไม่คิดไม่ฝันว่าโตขึ้นมาแล้วนิสัยจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาด้วย “คือว่ากู เอ่อ...” และก็ต้องเป็นเธอเองที่พยายามคิดแก้ต่างให้กับตัวเองในสถานการณ์ตรงหน้า ยิ่งเห็นดวงหน้าของซันที่ไม่ยี่หระแล้วเธอก็ยิ่งรู้สึกโมโหตัวเองจริง ๆ ที่เผลอพูดอะไรแบบนั้นออกไปเพราะความรู้สึกบางอย่างที่รบกวนหัวใจของเธอ “ฮันส์...” ฮันส์ได้สติอีกครั้งเมื่อยามที่เบรินเอ่ยเรียกเธอ ซึ่งฮันส์ก็หันหน้าไปหาเจ้าหล่อนอย่างรวดเร็วเพราะตอนนี้กำลังรู้สึกว่าตัวเองนิสัยไม่ดีเอามาก ๆ ที่กำลังหึงหวงคู่โซลเมทของตัวเองต่อหน้าคู่เต้นรำของเธอในคืนนี้ “เดี๋ยวเราฝากฮันส์พาซันไปเต้นทีนะ พอดีเรามีธุระต้องไปจัดการนิดหน่อย” ก่อนที่เจ้าหล่อนจะชี้ไปที่ผู้ชายด้านหลัง ซึ่งเขาก็ยกยิ้มให้กับพวกเราอย่างยินดี “วะ ว่าไงนะ?” เสียงนี้เป็นเสียงของซันที่กำลังคิดและประมวลผล ใบหน้าของเจ้าหล่อนขึ้นสีแดงราวกับคนโกรธจัด ทั้งยังหันหน้าสลับมองที่ฮันส์และเบรินไปมาราวกับต้องการคำตอบ “เอาน่า...ฉันไปแปปเดียว เดี๋ยวรีบมา” ก่อนที่เบรินจะปลีกตัวออกไปในทันที พร้อมกับชายหนุ่มเบต้าที่เดินตามหลังของเบรินไปติด ๆ            เบรินเดินมาหยุดยืนอยู่ในพื้นที่ลับตาคนทางด้านหลังโรงเรียนที่ไม่มีใครเดินผ่าน ในใจของเธอนั้นเจ็บช้ำระบมจนไม่อาจจะกลั้นน้ำตาที่มีอยู่ไม่ให้หลั่งไหล เธอไม่ใช่คนโง่...และเธอก็รู้ดีว่าตอนนี้คนที่เธอตกหลุมรักมาตลอดอย่างฮันส์กำลังมีใจให้กับเพื่อนสนิทของเธอ ซึ่งในทีแรกนั้นเธอก็ไม่ได้หวั่นใจเพราะตั้งแต่รู้จักกับซันมาตั้งแต่เล็กจนโต เจ้าหล่อนก็ไม่เคยชายตามองใครเลย เอาแต่บอกเพียงว่าจะรอจนกว่าจะได้พบเจอคู่โซลเมทของตนเองเท่านั้นถึงจะยอมลองเปิดใจ ไม่คิดเลยว่าคนที่เธอเชื่อใจมาตลอดอย่างซันจะมามีใจให้กับฮันส์คนที่เธอรักเสมอมา “เบริน...” เสียงชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังเรียกสติให้เธอที่กำลังคิดฟุ้งซ่าน เบรินหันหน้าไปสบมองชายหนุ่มทั้งยังพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ชอลล์นั้นชอบเธอมาตลอดเรื่องนั้นเธอรู้ดี แต่เธอไม่เคยคิดจะเปิดใจให้กับเขาเลยแม้ว่าชอลล์จะเป็นคนดีมากมายสักเพียงไหน เพราะในใจของเธอตลอดมาและตลอดไปก็มีเพียงแต่ฮันส์คนเดียวเสมอมา “ว่าไง...” “เบรินก็รู้ใช่ไหม...ว่าผมรู้สึกกับเบรินอย่างไร?” ชายตรงหน้าของเธอขยับเข้ามาใกล้ ก่อนที่เขาจะดึงมือของเบรินไปกอบกุมเอาไว้แนบแน่น “ได้โปรดให้โอกาสผมสักครั้งจะได้ไหม ผมพยายามเป็นคนที่ดีขึ้น และเรียนเก่งขึ้น เพื่อที่จะได้ไปสอบมหาลัยฯ เดียวกับเบริน และที่ผมอยากจะบอกก็คือ...ตอนนี้ผมทำได้แล้ว และผมก็อยากดูแลเบริน” แววตาของเขาสั่นไหว ในดวงตาของชายหนุ่มมีแต่ความเว้าวอนและเฝ้ารอคำตอบ มันเป็นเรื่องที่น่าหนักใจของเธอก็จริงอยู่ แต่ถ้าหากเธอยังรอคนที่ไม่มีใจต่อไป...แล้วเธอจะต้องทำอย่างนั้นต่อไปอีกเพื่อใครกัน? เบรินเงยหน้าสบมองชายหนุ่มก่อนที่น้ำตาของเธอจะไหลพรากออกมาเป็นสายเพราะความเศร้าโศกที่อยู่ภายในหัวใจของเธอ ฮันส์เป็นคนแรก คนเดียวของเธอเสมอมาในเรื่องของความรัก และเธอก็บ้าบอที่คิดไปเองว่าฮันส์นั้นก็มีใจเหมือนกันกับเธอ ถ้าหากตอนนี้เธออยากจะขอเริ่มใหม่ ขอไม่รอฮันส์แล้วอีกต่อไป...เธอจะไม่ผิดใช่ไหม? “อืม...ลองดูนะ” คำตอบรับของเธอทำเอาชายหนุ่มถึงกับแย้มยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เขาเอื้อมมือไปโอบกอดเบรินเอาไว้จนเธอสะดุ้งโหยงแต่ก็ไม่ได้คิดปฏิเสธอะไรและปล่อยให้เขากระทำอยู่อย่างนั้นต่อไป “ผมสัญญาว่าจะเป็นคนที่ดีขึ้นนะครับ” ก่อนที่เขาจะผละออกมาและมอบจูบแสนหวานให้กับเบรินโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว ดวงตาของเธอเบิกโพล้งแต่ก็ไม่กล้าจะปฏิเสธและยังคงปล่อยให้ชอลล์ได้กระทำต่อไป ทั้ง ๆ ที่ใจของเธอก็เจ็บปวดจนเกินจะทนไหว ว่าคนตรงหน้าที่เธออยากจะมอบสิ่งแรกให้ ไม่ใช่ใครคนนั้นที่เธอเฝ้ารอเสมอมา...   แต่กลับมีสายตาหนึ่งที่กำลังมองคนทั้งสองอยู่ด้วยความเจ็บใจ มือของเขากำแน่นเข้าหากันอย่างเก็บอารมณ์ความครุกรุ่นก่อนที่น้ำตาของเขาจะไหลพรากออกมาอย่างห้ามไม่อยู่และไม่สามารถที่จะทนเก็บมันไว้ได้อีกต่อไป “ทำไมคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น...ถึงไม่ใช่กู!”   ตอนนี้เราทั้งสองก็ยังต่างยืนกันอยู่ที่เดิม โดยที่ไม่มีฝ่ายไหนคิดจะปริปากพูดอะไรต่อกันอีกเลย ตั้งแต่ที่เบรินออกไป ไอบิลล์มันก็ขอตัวไปม่อสาว ๆ ตามสไตล์มันต่อ แต่แปลกจริง ๆ ที่มันไม่ได้อยู่ในงานนี้อีกแล้ว เพราะเธอมองหาเท่าไหร่ก็ไม่เห็นแม้เพียงแต่เงาของมันเสียที ฮันส์ลอบมองคนข้างกายของเธอบ่อยครั้ง มือก็กำเข้าหากันจนชื้นเหงื่อ ก่อนที่เธอจะรวบรวมความกล้าและหันไปหาคนด้านข้างของเธอตรง ๆ แต่ไม่ปริปากพูดอะไรจนซันได้แต่หันมามองอย่างสงสัย “เอ่อ...” “อะไรของเธอ?” และยิ่งเจ้าหล่อนสบมองกันด้วยใบหน้าโกรธจัดแบบนั้นแล้ว ทำให้ฮันส์ยิ่งเลิกลั่กไม่กล้าพูดอะไรต่อ จนในที่สุดเธอก็หลับตาแน่นและพูดออกไปในสิ่งที่คั่งค้างอยู่ในหัวใจ “ปะ ไปเต้นรำกันเถอะ!” คนได้ฟังถึงกับเลิกคิ้วและส่ายหัวไปมาให้เธอได้แต่ใจแป้ว “ถ้าจะทำตามเพราะยัยเบรินบอก ก็ไม่ต้องหรอกนะ” “มะ ไม่ใช่นะ ฉะ ฉันอยากเต้นกับเธอเอง” คนพูดก้มหน้าหลุบตาลงต่ำ หัวใจของเธอสั่นไหวพร้อมกับเสียงนาฬิกาที่ดังอยู่ในกายจนน่าปวดหัว ตอนนี้เธอไม่รู้เลยว่าเจ้าหล่อนกำลังรู้สึกอย่างไร ยิ่งใบหน้าแดง ๆ ที่โกรธมาก ๆ ของเจ้าหล่อนแล้วเธอก็ยิ่งรู้สึกประหม่าจนเริ่มจะทำตัวไม่ถูก “กะ ก็ออกไปสิ!” ฮันส์เงยหน้าขึ้นสบก่อนจะมองเห็นว่าใบหน้าของเจ้าหล่อนนั้นแดงยิ่งกว่าเก่า แถมคิ้วยังขมวดเข้าหากันราวกับเคียดแค้นกันนักหนา “จะมองหน้ากันอีกนานไหมล่ะ?” “เอ่อ ไป ไปกันเถอะ” และฮันส์ก็ยื่นมือไปตรงหน้าซึ่งเจ้าหล่อนก็ทำท่าลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยอมจับมันแต่โดยดี บทเพลงเริ่มต้นใหม่พอดีที่เราทั้งสองก้าวเท้าไปยังลานกว้าง ผู้คนที่เต้นมาแล้วหลายเพลงก็เริ่มเหนื่อยล้าและทยอยเดินห่างออกไป ทำให้ตอนนี้มีคู่ที่อยู่ด้านข้างของเราเพียงแค่ไม่กี่คู่ และเพลงที่กำลังเปิดโดยดีเจนั้นก็กำลังดำเนินต่อไป ผู้คนที่พบเห็นคนทั้งสองกำลังวาดลวดลายอยู่บนฟลอร์เต้นรำก็ต่างหยุดนิ่งและยืนเชยชม หญิงงามในชุดเปิดหลังนั้นช่างดูดีเมื่อยืนเคียงข้างอยู่กับอัลฟ่าตัวสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขาม แสงไฟตกกระทบที่คนทั้งสองราวกับพวกเขาเป็นตัวเอกในเรื่องนี้ก็ไม่ปาน มันทำให้คนที่วาดลวดลายอยู่เคียงข้างต่างก็ทยอยถอยห่างเพราะมิอาจสู้ออร่าความงามของคนทั้งสองได้เลย มือที่จับประสานกันทำให้คนที่เต้นรำอยู่เกิดใจสั่น เสียงนาฬิกาในตัวของเราทั้งสองเต้นเสียงดังโครมครามก่อนจะขยับให้มันกลายเป็นจังหวะเดียวกันเพราะเรานั้นคือคู่กัน หญิงสาวผู้หยิ่งทะนงตรงหน้าของเธอกำลังจดจ้องมองมาด้วยสายตาที่สื่อความหมาย เจ้าหล่อนจะรู้ตัวหรือไม่ว่าถึงแม้หล่อนจะดูเย่อหยิ่งไม่น่าคบหาแต่สายตาของเจ้าหล่อนที่สบมองมาที่เธอนั้นราวกับดอกทานตะวันที่มองดูแต่ดวงอาทิตย์ มือที่โอบเอวบางของซันเริ่มขยับให้เจ้าหล่อนนั้นเข้ามาชิดใกล้ ซันตกใจเล็กน้อยแต่เธอก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนใด ๆ และยอมขยับไปตามที่อัลฟ่าผู้นี้รั้งร่างของเธอ “เธอสวยมากเลยรู้ตัวไหม?” คนตรงหน้าขยับเข้ามากระซิบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าพาให้คนฟังนั้นเกิดใจสั่น ท่วงทำนองสุดท้ายของเพลงใกล้จะจบแล้วแต่ดวงตาของเรายังสอดส่องมองกันอยู่ด้วยหัวใจเต้นรัว ฮันส์ผละใบหน้าออกจากใบหูของเจ้าหล่อนเล็กน้อย เธอสบมองดูคนตรงหน้าอย่างสื่อความหมาย และสายตาก็พลันไปสะดุดเข้ากับริมฝีปากสีชมพูกลอสอวบอิ่มน่าสัมผัส เธอไม่รอช้า...ขยับเข้าหาหวังช่วงชิงความหอมหวานตามที่ใจปรารถนาในทันใด คนที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับคำหวานของเขาอย่างซันไม่ทันได้คิดหวังอะไร หัวใจของเธอกำลังเต้นเสียงดังโครมครามอย่างหนัก และเธอไม่อาจปฏิเสธตัวเองได้เลยว่าเขานั้นก็ดูดีไม่หยอก ซันหลับตาพริ้มเมื่อเธอรับรู้ได้ว่าเขากำลังจะกระทำสิ่งใด แต่ท้ายสุดแล้วภาพความทรงจำในวันวานของเธอก็พาลฉายชัดจนต้องผลักร่างของฮันส์ออกอย่างรุนแรงจนคนถูกกระทำมองอย่างไม่เข้าใจ “ซัน?” ฮันส์เอ่ยเรียกเจ้าหล่อนเสียงเบาหวิวอย่างไม่เข้าใจ เธอคิดว่าใจของเราจะตรงกันเสียอีก แต่ทำไม... ซันรีบวิ่งหนีออกไปในทันทีโดยไม่คิดจะเอ่ยปากพูดสิ่งใด ผู้คนที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับความงดงามนั้นก็พาลตกใจไปตาม ๆ กันที่นางเอกของงานวิ่งออกไปแล้ว เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นแต่ฮันส์ก็ไม่ได้คิดที่จะสนใจ เธอวิ่งตามซันออกไปในทันทีเพื่อหวังจะพูดคุยแต่มันก็คงไม่ทันการ “ออกรถเดี๋ยวนี้!” เจ้าหล่อนตะโกนบอกคนขับรถที่รออยู่ไม่ไกลให้เขาออกรถทันที ซันรีบเข้าไปอยู่ภายในรถยนต์คันหรูและมันก็สายเกินไปเสียแล้วเพราะร่างของอัลฟ่านั้นวิ่งมาช้าจนเกินไป “ซัน...ทำไม? มันเกิดอะไรขึ้น?” ฮันส์พยายามตะโกนถามคนในรถที่เธอก็มองไม่เห็นเพราะเป็นฟิล์มดำมืด แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรนอกเสียจากรถคันนี้จะยังไม่ออกตัวไปไหน “คุณหนูครับ ผมว่า...” “ออกรถ เดี๋ยวนี้!” และชายแก่ก็ได้เพียงแต่ทำตามคำสั่ง เขาขยับเขยื้อนรถออกไปในทันใดตามคำสั่งของเจ้านายเขา “ซัน! ซัน!” ทำเพียงแต่ตะโกนอยู่อย่างนั้นพร้อมกับความรู้สึกต่าง ๆ มากมายที่กำลังสับสน เสียงนาฬิกาของฮันส์เริ่มเต้นช้าลงก่อนในที่สุดมันจะดับลงไปและไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย เลขที่อยู่บนข้อมือของเธอก็ตกลงต่ำจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ 90 เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าไม่ใช่เรื่องดีถ้าหากเราทั้งสองจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ แต่มันเพราะอะไร? เพราะเหตุใดกันนะ? ทำไมเจ้าหล่อนต้องทำแบบนี้กับเธอด้วย...นี่เธอทำอะไรผิดไปอย่างนั้นหรือ?
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD