ONCE

2414 Words
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอีกครั้งพร้อมกับที่ฮันส์เริ่มจะปรับตัวกับการอยู่คนเดียวได้อย่างง่ายดาย หลังจากวันนั้นที่เราได้เจอกันเป็นครั้งสุดท้าย ดูเหมือนว่าการจะได้เจอตัวซันยากยิ่งกว่าการถูกหวยเสียอีก เธอเคยไปเคาะประตูเพื่ออยากจะชวนเจ้าหล่อนลงไปรับประทานอาหารด้วยกันอยู่หลายครา แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นเบรินเสียส่วนใหญ่ที่ออกมาหา ทั้งยังให้เหตุผลว่าซันกลับไปอยู่ที่บ้านและใกล้ถึงวันเปิดเทอมเจ้าหล่อนถึงจะกลับมาอีกที ไม่รู้ว่าจะเชื่อได้จริงหรือเปล่ากับคำบอกกล่าวของเบริน ไม่ใช่ว่าเธอกำลังว่าเบรินนั้นพูดปด แต่เธอคิดว่าอาจจะเป็นเพราะซันไม่อยากเจอเธอมากกว่าจึงส่งให้เบรินออกมารับหน้าแทนกัน แถมหลัง ๆ มานี้ก็ดูเหมือนเบรินจะมีสีหน้าเศร้าหมองลงจนเห็นได้ชัด เธออยากจะถามไถ่เพราะความเป็นห่วงแต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่ามันดูจะไปยุ่งวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของเจ้าหล่อนมากจนเกินไปเธอจึงทำได้เพียงเป็นห่วงอยู่ห่าง ๆ ก๊อก ๆ เสียงประตูที่หน้าห้องดึงดูดความสนใจให้กับอัลฟ่าที่กำลังคิดไม่ตก ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงและตรงไปเปิดประตูในทันทีอย่างมีความหวังว่าจะเป็นคนที่เธอเฝ้ารอ แต่เมื่อเปิดประตูออกไปนั้นกลับพบใครบางคนที่เธอนั้นไม่รู้จัก ใบหน้าของเจ้าหล่อนฉายแววสดใส ทั้งยังมีกลิ่นที่บ่งบอกถึงความเป็นเบต้าให้ฮันส์ต้องขมวดคิ้วฉงน แต่เจ้าตัวกลับยิ้มร่าเริงอย่างมีความสุข “สวัสดี เรา...ซินนะ นี่ก็คือห้องของเรา” เจ้าหล่อนยิ้มหวานทำให้ฮันส์ต้องเผลอเบนหน้าหนีอย่างทำตัวไม่ถูก ก่อนจะเบี่ยงตัวหนีให้ใครบางคนได้เข้ามาภายในห้องพร้อมกับกระเป๋าใบเล็ก ๆ อีกหนึ่งใบ “มีของแค่นี้เหรอ? ให้เราช่วยอะไรไหม?” “ไม่เป็นไร ๆ พอดีมีของที่วางอยู่หน้าลิฟต์อีกนิดหน่อย เดี๋ยวเราไปยกเองก็ได้” และเจ้าตัวก็กระตือรือร้นเอากระเป๋าที่ถือมาหนึ่งใบวางเอาไว้ในห้องและวิ่งดุ๊กดิ๊กอย่างน่ารักออกไปข้างนอกอีกครั้ง ฮันส์สังเกตว่ามันยังเหลือกระเป๋าที่วางอยู่อีกสองสามใบ เธอจึงไม่แล้งน้ำใจที่จะเดินออกไปช่วยเหลือในทันทีโดยที่เจ้าหล่อนนั้นไม่ได้เอ่ยร้องขอกัน “เราช่วยนะ” ฮันส์ยกยิ้มเป็นมิตรส่งมอบไปให้สาวน้อยตรงหน้า ซึ่งเจ้าหล่อนก็ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อทั้งยังส่งกระเป๋าให้เธอได้ถือแต่โดยดี “อะแฮ่ม...” แต่อยู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งมาเบรกเราเอาไว้เสียก่อน ซึ่งพอฮันส์หันหน้ากลับไปทางลิฟต์ก็เห็นว่าเป็นซัน...คนที่เธอนั้นกำลังเฝ้ารอและคิดถึงอยู่ทุกวัน “ซัน...” ฮันส์ยกยิ้มและเอ่ยเรียกเธอในทันใดอย่างดีใจที่ได้พบ แต่เจ้าหล่อนกลับยังไม่แสดงสีหน้าใด ๆ และยังเชิดหน้าหนีเธอเหมือนกับวันแรกที่พบกันไม่มีผิด “พอดีว่ากระเป๋ามันขวางทางน่ะ...ขอเดินหน่อยจะได้ไหม?” น้ำเสียงติดเหวี่ยงตามสไตล์ของเจ้าตัวฉายชัดจนฮันส์นั้นเบี่ยงกระเป๋าที่วางอยู่หนีให้เจ้าหล่อนได้เดิน ใจก็เต้นสั่นระรัวเพราะกำลังรู้สึกตื่นเต้นแม้จะไม่ได้พบเจอกันครั้งแรก เสียงนาฬิกาดังสนั่นหวั่นไหวจนซันอยากจะควักมันออกมาจากตัวและกดปิดมันให้รู้แล้วรู้รอดมันไปเสียเดี๋ยวนี้เลย “แล้วนี่จะมองหน้ากันอีกนานไหม?” ฮันส์เบี่ยงหน้าหลบหนีทันทีที่ได้ยิน พร้อมกับความรู้สึกร้อนผ่าวตรงใบหน้าราวกับคนกำลังเขินอาย “ยินดีต้อนรับกลับนะ” และเป็นอีกครั้งที่เธอหันหน้าไปสบกับคนที่ไม่มองหน้ากัน และมันก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เราทั้งสองบังเอิญหันมาสบสายตากันพอดิบพอดี เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ แต่ตอนนี้ราวกับเวลาหยุดหมุนและมีเพียงแต่เราสองเท่านั้นที่กำลังสบสายตากัน เสียงนาฬิกาของเธอเริ่มทำงานหนักอีกครั้ง และเธอก็ได้ยินเสียงนาฬิกาที่เปล่งออกมาจากตัวของซันเช่นกัน มันดังก้องเป็นจังหวะเดียวกันเหมือนกับตอนนั้น...ตอนที่เรายืนเต้นรำด้วยกันเมื่อหลายเดือนก่อน “ฉันคิดถึงเธอ...” และนี่ก็เป็นเสียงของฮันส์อีกครั้งที่เปล่งบอก ดวงตาของซันเบิกโพลงพร้อมกับหัวใจที่เต้นสั่นระรัวราวกับว่ามันจะทะลุอก “มะ หมดธุระแล้วใช่ไหม ขอตัวก่อน...” และซันก็เบี่ยงหน้าหนีและเดินตรงไปอีกครั้ง ฮันส์เฝ้ามองจนกระทั่งคนในหัวใจเดินกลับเข้าไปในห้องจนลับสายตา เธอก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะยกยิ้มออกมาอย่างหลงลืมตัว “แฟนเหรอ?” เธอได้สติอีกครั้งก่อนจะส่ายหน้าให้กับคนที่ยืนรอกันอยู่ที่ด้านหลัง คนนั้นก็คือซินที่เป็นรูมเมทของเธอนั่นเอง “ปะ เปล่า...ยังไม่ใช่น่ะ” กว่าจะรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป มันก็ดูจะสายเกินไปจนไม่ทันการแล้ว ถ้าหากสนิทกันมากกว่านี้อย่างไอบิลล์มันคงจะล้อเธอยันลูกบวชแน่ ๆ เลย จะว่าไป...มันก็ไม่ได้ติดต่อมาหาเธอหลายวันแล้วนะ หรือว่าจะยังงอนกันอยู่เรื่องที่รู้ว่าเธอหลอกมันมาเรียนนิเทศฯ สงสัยคืนนี้คงต้องนัดเคลียร์กันเสียหน่อยแล้ว...ไอเพื่อนรัก   ตึกตัก ตึกตัก พอเสียที หยุดเสียที หัวใจบ้านี่เต้นแรงจนมันจะทะลุออกมาจากอกของเธอแล้วให้ตายเถอะ ยอมรับว่าเมื่อครู่ที่เห็นว่าเขากำลังคุยกับใครตัวเธอมันรู้สึกแปลก ๆ จนต้องกระแอมไอออกไปให้เขาได้รู้สึกตัว แต่พอรู้ตัวว่าทำลงไปก็อยากจะเอามือตบกระบาลตัวเองเสียจริงเลย ให้ตายสิ! “อ้าว...กลับมาแล้วเหรอ?” เบรินออกมาทักทายกัน ซึ่งซันก็รีบหันหน้ากลับไปเพื่อหวังจะทักทายเพื่อนสาวในทันที “ไง...เฮ้! ทำไมหน้าเธอถึงดูเครียดแบบนั้น” และแล้วความรู้สึกที่เธอกำลังมีต่อฮันส์ก็มลายหายไปในทันทีเมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวของตนเองสภาพดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดวงตาของเจ้าหล่อนดูปูดปูนราวกับคนไม่ได้นอนหลับ ทั้งยังมีสีหน้าไม่สดใสผิดกับเบรินคนที่เธอเคยรู้จักเป็นไหน ๆ “ไม่มีอะไรหรอก...ช่างมันเถอะ” “บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะเบริน...เราสัญญากันแล้วว่าเราจะไม่ปิดบังกันไม่ว่าเรื่องอะไร ไม่ใช่เหรอ?” เธอฉุดกระชากลากเพื่อนสาวของเธอมานั่งลงที่โซฟาในทันทีอย่างเป็นกังวล ปกติเบรินจะเป็นคนที่ยิ้มสดใสและร่าเริงมาเสมอตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ มีน้อยครั้งมากที่เจ้าหล่อนนั้นจะมีเรื่องให้กังวลใจ แม้ท่าทีของเบรินจะพยายามอย่างเต็มที่ในการบอกว่าไม่เป็นไรเพราะไม่อยากให้ตัวเองต้องรบกวนคนอื่น แต่สีหน้าของเจ้าหล่อนปิดบังไม่ค่อยได้อยู่เสมอตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว “ฮึก...” อยู่ดี ๆ เบรินนั้นก็น้ำตาไหลพรากลงมาอย่างพยายามจะอดทนแต่มันไม่สามารถที่จะทนไหว ซันที่ไม่รู้เรื่องราวได้แต่ตื่นตระหนกก่อนจะผวาเข้าไปสวมกอดเพื่อนสาวในทันทีอย่างห่วงใย “เบริน...” “ฉะ ฉันจะทำอย่างไรดี? ฮึก...” “แกใจเย็น ๆ นะเบริน...ฉันอยู่ตรงนี้แล้วนะ” สิ่งที่ซันทำได้ในตอนนี้ก็คือกอดปลอบเพื่อนรักแต่เพียงคนเดียวของเธอด้วยความห่วงใย และเธอก็ไม่คาดคั้นเพราะรู้ดีว่าถ้าหากเบรินอยากเล่า...เบรินก็จะเล่ามันด้วยตัวเองโดยไม่ต้องคิดจะไปบังคับให้เจ้าหล่อนยิ่งรู้สึกกดดัน เวลาล่วงเลยผ่านไปจนเบรินสงบ ตอนนี้เจ้าหล่อนกำลังนอนหนุนตักให้เธอคอยปลอบโยนเบา ๆ ด้วยการลูบหัวเหมือนที่เจ้าหล่อนมักขอร้องให้เธอทำให้เสมอ “เรื่องชอลล์น่ะ...” แค่เพียงเจ้าหล่อนเปิดประเด็น ซันก็ก้มหน้ามองเจ้าหล่อนอย่างให้ความสนใจในทันที “แฟนแกน่ะนะ...เขาทำไมเหรอ?” แต่มือก็ยังไม่วายลูบหัวเพื่อนไปด้วยเบา ๆ อย่างปลอบประโลม “วันนั้นชอลล์บอกจะพาฉันไปเที่ยว และฉันก็ยอมไปกับมัน” “…” “ตอนแรก ๆ มันก็ดีนะ ชอลล์ทำให้ฉันรู้สึกสนุก รู้สึกมีความสุขมาก ๆ จนฉันหลงลืมช่วงเวลาที่อยู่ตัวคนเดียวไป ณ ตอนนั้น” “…” “แกก็รู้ใช่ไหม? ว่าฉันรู้สึกอย่างไรกับฮันส์” อยู่ ๆ สายตาที่เคยเหม่อมองออกไปไกลก็หันกลับมาสบมองกันตรง ๆ จนซันได้เพียงแต่จุกอกจนพูดอะไรไม่ออก “เบริน...” “แต่ฉันไม่ได้จะว่าอะไรแกหรอกนะ...เพราะความสุขของแก ก็คือความสุขของฉันด้วย” เบรินลุกขึ้นมานั่งอยู่เคียงข้าง มือก็ส่งขึ้นมาลูบกรอบหน้ากันเบา ๆ อย่างปลอบประโลม “แกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด และเป็นเพื่อนที่ฉันรักมากที่สุด เราจะไม่ทะเลาะกัน...เพราะเรื่องของฮันส์หรอกนะจำไว้” เจ้าหล่อนยกยิ้มและเอี้ยวตัวมาโอบกอดเอาไว้แนบแน่น อย่างที่เคยบอกไป...แม้ท่าทางของเจ้าหล่อนจะแสดงออกมาว่าไม่เป็นไร แต่สีหน้าของเบรินนั้นมักจะปกปิดไม่มิดเสมอจนเธอจับได้ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่...เธอไม่สามารถเดาออกได้จริง ๆ ว่าสิ่งที่เบรินพูดออกมา เบรินกำลังรู้สึกอย่างไรกันแน่ เจ้าหล่อนกำลังรู้สึกไม่เป็นอะไรอย่างที่พูดจริง ๆ น่ะหรือ? “แต่ชอลล์มันพาฉันไปที่โรงแรม และมัน...พยายามจะข่มขืนฉัน” พอพูดมาถึงตรงนี้สติสตังทั้งหมดของซันก็พลันกลับมาในทันใด “เบริน!” เธอผละเพื่อนสาวออก และพยายามสอดส่องมองหาว่าเจ้าหล่อนมีร่างกายตรงไหนบุบสลายและไม่เหมือนเดิมหรือไม่ ดวงตาของซันร้อนผ่าวและพร้อมจะร่ำไห้ทุกเมื่อ หากเพื่อนสุดที่รักเพียงหนึ่งเดียวของเธอต้องโดนกระทำครั้งแรกอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ “ใจเย็น ๆ ก่อน ตอนนั้นฉันหนีมาได้” มันทำให้เธอโล่งใจเปราะหนึ่งแต่ก็ยังคงเป็นกังวลอยู่ “ฉันบอกเลิกมันทันทีที่กลับมาถึงหอพัก ตอนนั้นฉันอยู่คนเดียว...ฉันแทบเป็นบ้าเลยเธอรู้ไหม” “เบริน...ฉะ ฉันขอโทษ” เธอเอ่ยบอกไปอย่างรู้สึกผิด ไม่ใช่เพราะเธอมีธุระทางบ้านอย่างที่ได้กล่าวอ้าง แต่เป็นเพราะเธอต้องการจะหลีกหนีจากฮันส์ต่างหากเธอถึงกลับไป หากเธออยู่...เพื่อนของเธอก็คงจะไม่ทุกข์เศร้าเช่นนี้ “ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอกนะ...ความผิดของมันต่างหากล่ะ” แววตาของเบรินเผยความเคียดแค้นออกมาอย่างไม่ปิดบัง “มันขู่บอกว่าจะเอารูปของฉันไปตัดต่อและจะประจารลงโลกโซเชียลหากภายในอาทิตย์หน้าไม่ยอมกลับไปหามันที่โรงแรม” ซันได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดก็รู้สึกจุกอก เธอไม่สามารถที่จะปล่อยให้เพื่อนสาวของเธอต้องทุกข์ทรมานใจอยู่เพียงลำพังได้อีกต่อไป!  “ไม่ต้องห่วงนะ...ฉันจะช่วยเธอเอง!”   ตอนนี้เธอรู้สึกโกรธชอลล์จริง ๆ ที่กล้าทำเรื่องแบบนี้กับเพื่อนรักของเธอ และเธอก็รู้สึกสงสารเบรินมาก ๆ ที่บังเอิญไปคบกับคนเลว ๆ แบบนั้น เธอใช้เวลาคิดไปกับการกล่อมเพื่อนรักของเธอให้นอนหลับ แต่กว่าที่เบรินจะข่มตาลงนอนได้อย่างสนิทใจก็เล่นเอาเธอต้องย้ายของมานอนอยู่ข้าง ๆ เพราะกลัวว่าเพื่อนรักของเธอคนนี้จะผวาตื่นขึ้นมากลางดึกอย่างหวาดกลัวอีก มือของเธอเลื่อนไถโซเชี่ยลไปเรื่อย ๆ อย่างพยายามจะหาวิธีแก้ไข เป็นจังหวะเดียวกันกับที่มีใครบางคนส่งข้อความมาหาเธอเช่นเดียวกัน “ไงซัน...จำผมได้ไหม?” เธอกดดูรูปโปรไฟล์ของชายหนุ่มก่อนจะนึกได้ในทันทีว่าเขาคือบิลล์ คนเดียวกับที่มาขอร้องให้เธอช่วยเหลือเรื่องของเบริน “บิลล์ใช่ไหม?” “ใช่ครับ...ผมแค่อยากมาทวงคำตอบ สรุปว่าเรื่องของเบริน ซันจะช่วยผมได้ไหม?” แม้ว่าใจของเธอจะยังคงไม่เชื่อใจ แต่สีหน้าและแววตาของเขาในวันนั้นมันฉายแววจริงใจออกมาอย่างไม่มีปิดบัง และเขาสารภาพว่ารักเบรินตรง ๆ ต่อหน้าของเธอด้วยแววตาที่เว้าวอน ตอนนั้นเธอยังไม่ได้รับปากเพราะรู้ว่าเพื่อนของเธอมีแฟนหนุ่มอยู่แล้วเป็นตัวเป็นตน จึงบ่ายเบี่ยงไปก่อนจนเขาต้องยอมถอยทัพกลับไป อยู่ ๆ เธอก็นึกอะไรได้ เธอเคยไปสืบค้นหาประวัติของบิลล์ ก่อนจะพบว่าเขารวยมาก ๆ ที่บ้านมีธุรกิจหลากหลาย ทั้งยังมีข่าววงในว่าเขาสามารถทำเรื่องผิดกฎหมายได้โดยที่จะไม่มีเรื่องสาวมาถึงตัว ตอนนั้นเองที่เธอคิดและตัดสินใจ เธอแค่จะช่วยเปิดทางและแนะนำให้ แต่ถ้าหากเพื่อนของเธอไม่เล่นด้วยแล้วมันก็ไม่น่าจะเป็นอะไร เพราะอย่างไรเสียสองคนนี้ก็เป็นเพื่อนกันมานานตั้งแต่สมัยเรียน แต่มันก็น่าแปลกที่ทำไมเขาถึงอยากจะมาบอกเอาป่านนี้ มีเวลาอยู่ด้วยกันมาก็ตั้งหลายปี มีโอกาสก็ตั้งมากมาย...ทำไมถึงไม่รีบบอกไปให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย “ฉันตกลงที่จะช่วย...แต่มีข้อแม้ว่านายจะต้องช่วยฉันเรื่องหนึ่งก่อน” ใจแอบสั่นระรัวกับคำตอบรับของคู่สนทนา เขากดอ่านในเวลาเพียงเสี้ยววินาที และกดตอบกลับมาหาเธออย่างไม่มีรีรอ “ตกลง...ผมยินดีจะช่วยทุกอย่าง ขอแค่ผม...ได้สารภาพรักกับเธอสักครั้งหนึ่งในชีวิตก็ยังดี”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD