" เด็กกำพร้า เด็กกำพร้า พ่อแม่ไม่มี พ่อแม่ไม่มี "
เสียงล้อเลียนของเด็กวัยประถม ดังกันหลายเสียงเป็นที่สนุกสนาน แต่คนที่โดนล้อ กัดฟันกลั้นน้ำตาตัวเอง ก่อนจะตวาดด่าออกไปเสียงลั่น
" ไอ้พวกปากหมา พ่อแม่ไม่สั่งสอน "
เสียงด่าที่ตอบโต้ไปแรงพอที่จะทำให้คนที่ล้อเลียนอยู่ชะงัก แล้วเกิดอารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมาอีก จากการด่าทอ เป็นการลงไม้ลงมือกันเกิดขึ้น
"ฟึบ ฟึบ "
เสียงไม้กระทบกระโปรงที่แหวกผ่านอากาศดังฟึบ ฟึบ คนโดนตีกอดอกแน่น ดวงตาแดงก่ำแต่น้ำตาไม่ไหลออกมาสักหยด
" ทีหลังถ้าเธอด่าลูกครูใหญ่อีก เธอจะโดนลงโทษอีกเข้าใจไหมผ้าแพร "
เสียงครูวัยกลางคนตำหนิเธอหน้าห้องเรียน เด็กๆในห้องหลายคนมองภาพตรงหน้าแล้วยิ้มอย่างสะใจ
" อีเด็กกำพร้า อีลูกไม่มีพ่อแม่ "
หลังจากโดนทำโทษเสร็จเด็กหญิงก็ถามครูออกไปว่า
"ทำไมครูตีแต่หนูไม่ตีมันด้วย ทั้งที่มันด่าหนูก่อน มันหาเรื่องก่อน"
เด็กหญิงถามด้วยความอยากรู้
"เธอก้าวร้าว ไปด่าเค้าว่า พ่อแม่ไม่สั่งสอน "
เสียงครูตอบ "แต่มันด่าหนู ว่าหนูเป็นลูกกำพร้า พ่อแม่ไม่มี ถ้าหนูไม่มีพ่อแม่ หนูจะเกิดมาได้ยังไง "
เด็กสาวมองหน้าครูตรงๆ
"หนูมีพ่อมีแม่ ถึงได้เกิดมา พ่อแม่หนูแค่โชคร้ายตายไปก่อนที่หนูจะโต แต่ไอ้พวกนี้มันมีพ่อมีแม่ แต่พ่อแม่มันไม่สั่งสอนลูก ปล่อยให้มาด่าคนอื่นแบบนี้ สมควรโดนด่า"
พูดจบเด็กหญิงตัวเล็กก็เดินออกจากห้องเรียนไปอย่างรวดเร็ว
" ก้าวร้าว หยาบคาย "
เสียงป้าเมตตา บอกกับเธอว่าคุณครูโทรมาฟ้องกับป้า ว่าเด็กหญิงผ้าแพร ก้าวร้าวหยาบคาย หญิงวัยกลางคนมองเด็กหญิงตรงหน้าแล้วดึงตัวเข้ามากอด
"หนูไม่เป็นไรนะลูกผ้าแพร บางทีผู้ใหญ่ที่แย่ๆก็มีเหมือนกัน"
เด็กหญิงซุกตัวในอ้อมกอด แล้วร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะทน
"ถ้าใครมันจะมาด่าอีก แพรก็ไม่กลัว คนอย่างแพร ด่ามาด่ากลับ ไม่โกง"
มือใหญ่ลูบผมเบาๆอย่างแสนสงสาร "ป้าเข้าใจ ป้าเข้าใจ" เสียงที่พูดออกไปเต็มไปด้วยความสั่นเครือ
เด็กหญิงท่าทางแก่นกะโหลกนักหนา แต่หน้าตาผิวพรรณดียิ่งกว่าลูกคุณหนูมาจากไหน ดูอยู่ผิดที่ผิดทางกับโรงเรียนรัฐบาลเล็กๆที่อยู่ในชุมชนแถบชานเมือง
'ผ้าแพร' มาจากผ้าแพรเนื้อดีชมพูสวยหวาน ที่ห่อหุ้มตัวเด็กหญิงวัยไม่ถึงหกเดือน ที่นำมาวางทิ้งไว้ที่ศาลาริมทางรอรถข้างถนน
ป้าเมตตาเป็นคนไปพบ ขณะนั้นเธอกำลังจะไปทำงานในช่วงเช้า เสียงคุยอ้อแอ้ในตระกร้าที่ใส่ตัวหนูน้อยไว้ เรียกความสนใจจากเธอ เด็กหญิงตัวขาวอ้วน สวมชุดผ้าแพร และมีผ้าแพรห่อหุ้มอีกที ไม่ร้องโยเยสักนิด แถมยังคุยอ้อแอ้อยู่คนเดียว ป้าเมตตาแจ้งตำรวจให้มาดูสถานที่พบ ก่อนข่าวพบเด็กจะกระจายออกไป ป้าเมตตาที่ยังไม่มีลูกกับสามีที่เป็นนายทหาร จึงทำเรื่องขอเด็กหญิงผ้าแพรมาอยู่ด้วยตั้งแต่บัดนั้น
เสียงเพลงในโทรศัพท์ร้องดังขึ้นแล้วดับไปเป็นรอบที่สาม กว่าเจ้าตัวจะลุกขึ้นมารับสาย
"ว่าไงวารี"
เสียงในโทรศัพท์รายงานรายละเอียดของงานวันนี้ให้ทราบคร่าวๆก่อน คนฟังหลับตาฟังอยู่บนเตียงแล้ว อืออา รับรู้ก่อนจะวางสายไป
" ทำงาน ทำงาน ผ้าแพร งานคือเงิน เงินคืองาน "
เธอสะกดจิตตัวเองก่อนจะลุกขึ้น เปิดเพลงในวิทยุฟังในช่วงเช้า ก่อนจะเดินบนลู่วิ่งเบาๆ แสงแดดยามเช้าลอดเข้ามาตรงกระจกผนังครัว ผ้าแพรยิ้มกับตัวเองแล้วฟังเพลงเบาๆ
"สู้ตายผ้าแพร ถ้าวันนี้ปิดจ้อบไว จะได้มีเงินดาวน์รถให้ราเมศ"
ร่างบอบบางที่มีโรลม้วนผมติดอยู่ที่ปล่อยผม เดินบนลู่วิ่งเร็วๆก่อนจะปรับความเร็วเพิ่มขึ้นแล้วมองเวลา
เสียงหวานใส อธิบายถึงวิวตรงหน้าและมีตำราดูฮวงซุ้ยอยู่ในมือ
"ที่ดินตรงนี้หายากมากแล้วนะคะ ราคาขนาดนี้ถือว่าคุ้มที่สุด รับรองว่าลูกหลานจะเจริญยิ่งๆขึ้นไป แถมยังมีลูกชายหัวปีท้ายปีอีกด้วย ตระกูลของอาแปะจะต้องยั่งยืนไปอีกร้อยปีพันปี"
คนฟัง ฟังแล้วคิดตาม ลูกชายหัวปีท้ายปีเจริญยิ่งๆขึ้นไป
"ตกลง อั้วซื้อ" เสียงกรี้ดเบาๆดังออกจากนายหน้าสาว ก่อนจะพยุงอาแปะมานั่งที่จุดนั่งพัก แล้วส่งน้ำชาให้อย่างเอาใจ
ราเมศน้องรัก พี่แพรหาค่าดาวน์รถให้ได้แล้วววว