ณ คอนโดของไบรอัน
ติ่ง~
หลังจากที่ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อถึงชั้นเป้าหมายไบรอันก็ช่วยประคับประคองให้ฉันเดินอย่างทุลักทุเล ฉันนอนเป็นผักมาเป็นเดือนจึงไม่ต่างจากเด็กวัยหัดเดินเท่าไหร่
“ฉันพอจะช่วยอะไรนายได้บ้าง” ฉันเอ่ยถามไบรอันทันทีที่เขาประคับประคองฉันให้เดินมานั่งบนโซฟาตัวยาวที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง
“อันดับแรกเธอช่วยหัดเดินให้คล่องก่อน ฉันรับรองว่าฉันจะไม่ให้เธออยู่ที่นี่เฉย ๆ แน่นอน” ไบรอันเอ่ยพูดขณะที่วางสัมภาระในมือลงบนโต๊ะกระจกตรงหน้าโซฟาที่ฉันนั่ง ก่อนที่เขาจะเดินไปหยิบกระดาษและปากกามายื่นให้กับฉัน “ฉันจะออกไปข้างนอก ของใช้ส่วนตัวที่เธอคิดว่าจำเป็นก็จดใส่กระดาษเอาไว้เดี๋ยวฉันจัดการให้”
ว่าจบ ไบรอันก็เดินไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ ฉันก็ทำตามคำสั่งของเขาอย่างไม่เรื่องมาก เพราะตอนนี้ฉันอยู่ในช่วงปรับตัวหลายเรื่องหลายอย่างก็คงต้องให้ไบรอันช่วยบอกช่วยเตือนไปก่อน ฉันยื่นกระดาษที่จดของใช้ส่วนตัวที่ต้องการให้กับไบรอันในตอนที่เขาเดินออกมาจากห้องน้ำและเดินมุ่งหน้ามาหาฉัน
“ตอนนี้ฉันคิดได้เท่านี้ อันไหนที่นายคิดว่าจำเป็นสำหรับฉันก็แล้วแต่นายจะเห็นควรเลย แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว” ฉันพูดเสียงแผ่ว ๆ ฉันเกรงใจเขาจริง ๆ นะ ไหนจะค่ารักษาพยาบาล ค่าที่เขาดูแลฉัน และไหนจะเป็นค่าที่อยู่และของใช้ส่วนตัวของฉันอีก
“เธอไม่ต้องห่วงหรอก รับรองว่าเธอจะได้ชดใช้ให้ฉันแน่” คำพูดของเขาทำให้ฉันเอียงคอแสดงสีหน้าเชิงคำถาม ก่อนที่ไบรอันจะพูดออกมาอีกหนึ่งประโยคเพื่อไขข้อกระจ่างให้กับฉัน “ใครบอกว่าฉันจะให้เธออยู่ที่นี่ฟรี ๆ ให้เธอเดินคล่องก่อนเถอะ ฉันจะให้เธอมาเป็นแม่บ้านทำความสะอาดห้อง หุงข้าวทำกับข้าวให้ฉันกิน”
“ทำความสะอาดห้องพอได้นะ ละ...แล้วฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าฉันจะทำกับข้าวเป็นน่ะ” ฉันตะโกนตามหลังในตอนที่ไบรอันเดินไปหยิบรองเท้ามาสวมใส่เพื่อจะออกไปข้างนอก
“เอาไว้ถึงตอนนั้นก่อนเถอะแล้วค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้เธอรอฉันอยู่ที่นี่อย่าออกไปไหนเด็ดขาด เดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา”
ฉันถอนหายใจเบา ๆ หลังจากไบรอันเดินพ้นประตูห้องไป
เอาล่ะ คราวนี้ก็เป็นหน้าที่ของความสวยที่จะเดินสำรวจห้องของคนหล่อแล้ว ถือว่าเป็นการหัดเดินไปด้วยแล้วกัน ฉันถือไม้ค้ำยันช่วยประคับประคองตัวเองขณะเดินสำรวจไปทั่วทุกห้อง
ห้องทุกห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีเทาดำซะเป็นส่วนใหญ่ มันให้ความรู้สึกทั้งลึกลับและเรียบหรูอย่างลงตัว
ไบรอันเป็นผู้ชายที่ดูมีระเบียบมาก ๆ เลย ขนาดของประดับห้องเล็ก ๆ น้อย ๆ ยังถูกจัดวางไว้อย่างเข้าที่เข้าทาง ไม่ระเกะระกะ มองดูแล้วสบายตา
ฉันกลับมานั่งลงบนโซฟาตัวยาวดังเดิมหลังจากที่เดินจนขาเริ่มล้า อยู่ ๆ เสียงสั่นของอะไรบางอย่างก็ทำเอาฉันสะดุ้งตกใจจนผวาพะวง
ครืด! ครืด!
เสียงโทรศัพท์มือถือของไบรอันสั่นจนสนั่นโต๊ะ ฉันจึงพลิกโทรศัพท์ดูรายชื่อของคนที่โทรเข้ามาอย่างเสียมารยาท ก่อนจะเห็นชื่อ ‘ลีโอ’ ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ
ฉันนั่งครุ่นคิดอยู่นานว่าควรกดรับสายดีไหม แล้วไบรอันเขาจะว่ายังไงถ้าฉันเสียมารยาทไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา เมื่อคิดได้อย่างนั้นฉันจึงปล่อยให้มือถือสั่นคลอนอยู่แบบนั้นดีกว่า จนในที่สุดเสียงสั่นรบกวนก็เงียบหายไป ฉันก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่แล้วสักพักเสียงโทรศัพท์ก็กลับมาสั่นดังเดิมแล้วก็เป็นชื่อคนเดิมที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอมือถือ คราวนี้ฉันเริ่มอดใจไม่ไหวจึงตัดสินใจจะกดรับสาย แต่ทว่าอีกฝั่งก็ดันตัดสายไปก่อน ฉันจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างระอิดระอาเพราะไม่รู้จะเอายังไงดี
“ลีโอ...ชื่อนี้รู้สึกคุ้นจัง”
แกร๊ก!
ฉันนั่งคิดอยู่นานสองนานว่าจะโทรกลับดีไหมแต่ไบรอันก็เปิดประตูห้องเข้ามาก่อน ฉันจึงหยุดความคิดไว้แค่นั้น
“นายกลับมาเร็วจัง”
“ฉันลืมโทรศัพท์” ไบรอันพูดพร้อมหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะกระจกไป เป็นจังหวะเดียวกันกับที่มีสายของใครบางคนโทรเข้ามา เขากดรับสายแล้วเดินออกไปคุยนอกระเบียงคอนโดซึ่งฉันก็ได้แต่ชะเง้อมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น และเมื่อทำอะไรไม่ได้ฉันจึงนั่งรอเขาอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว
“ฉันมีธุระต้องไปจัดการอาจจะกลับดึกหน่อย ในตู้เย็นมีอาหารแช่แข็งอยู่ ถ้าหิวก็เวฟกินเองก่อนแล้วกัน”
ฉันพยักหน้ารับรู้ก่อนที่ไบรอันจะหันหลังแล้วเดินออกไปจากห้องอีกครั้ง
ณ บริษัท LEO กรุป
“แคทก็ช่วยตามหาจนไม่รู้จะไปตามหาที่ไหนแล้วนะคะ แคทว่าคุณล้มเลิกเถอะ ป่านนี้เธอคงโดนสัตว์ร้ายลากไปกินในป่าแล้วมั้ง อ๊ะ!”
คนพูดไม่คิดโดนคู่สนทนากระชากแขนอย่างแรงจนต้องอุทานเสียงหลง
“คนที่เธอกล่าวหาว่าถูกสัตว์ร้ายลากไปกินนั่นคือเมียฉัน ตราบใดที่ฉันยังไม่เห็นศพน้ำผึ้ง ฉันก็ไม่มีวันเชื่อว่าเธอไม่อยู่แล้ว ถ้าไม่คิดจะช่วยตั้งแต่แรกก็ไสหัวไปเลยไกล ๆ เพราะฉันไม่มีวันล้มเลิกตามหาเมียกับลูก”
คนมีโทสะพูดด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น จิตใจของเขามันไม่สงบนิ่งตั้งแต่วันที่เมียกับลูกน้อยหายตัวไป
หนึ่งเดือนก่อนมีคนคิดจะลอบทำร้ายเขาหลังจากที่เขากับเมียกลับมาจากโรงพยาบาล เป็นเหตุทำให้เขาต้องติดอยู่ในป่ากับเมียที่กำลังท้องอยู่ หลังจากที่ลูกน้องคนสนิทอย่างเจแปนตามหาเขาจนเจอ เขาก็คิดแต่จะเอาคืนพวกหมาลอบกัดให้สาสม แต่แล้วก็ผิดคาดเพราะคนที่พวกนั้นจ้องจะเล่นงานคือเมียกับลูกในท้องของเขา กว่าจะคิดได้และรู้ตัวว่ากำลังตกหลุมพรางของพวกหมาลอบกัด เมียกับลูกของเขาก็หายตัวไปแล้ว เหลือแต่ศพลูกน้องสามคนและศพคนร้ายที่นอนตายเกลื่อนพื้น ในขณะที่เขากับลูกน้องออกตามหาเมีย
แคทหรือแคทรียา เธอเป็นทั้งเพื่อนสาวและหุ้นส่วนคนใหม่ของลีโอ แคทได้เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องการเก็บกวาดศพคนตาย ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ที่เหลือก็แค่ตามหาคนที่หายไปให้เจอ
“แคทอยากช่วยคุณจริง ๆ นะ แต่เรื่องก็ผ่านไปเป็นเดือนแล้ว ถ้าเธอยังอยู่ลูกน้องของแคทก็คงหาเธอเจอไปตั้งนานแล้ว คุณจะมาเสียการเสียงานเพราะผู้หญิงคนเดียวไม่ได้นะ...โอ๊ยแคทเจ็บนะ”
“ผู้หญิงคนเดียวที่เธอพูดนั่นเมียฉัน เมียที่เป็นแม่ของลูกฉัน” ลีโอพูดพร้อมบีบรัดแขนของผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเพื่อนสนิทอย่างแรง ถ้าไม่ติดตรงคำว่าเพื่อน เขาเองก็ไม่อยากเก็บคนแบบเธอไว้ให้รำคาญหูรำคาญตา
“ปล่อยแคทนะลีโอ คุณไม่เคยเป็นแบบนี้ ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรดีนักหนา คุณถึงขนาดลงไม้ลงมือกับแคทที่เป็นเพื่อนคุณมาเป็นสิบ ๆ ปีได้”
“ออกไปไกล ๆ ก่อนที่ฉันจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่” ลีโอพูดพร้อมผลักเพื่อนสาวออกมาจากตัวด้วยอารมณ์โทสะ
“ในเมื่อคุณไม่เคยเห็นหัวแคท แคทก็จะไม่สนใจเรื่องของคุณแล้วเหมือนกัน” พูดจบ แคทก็เดินออกไปจากห้องทำงานของลีโอด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไบรอันเดินสวนเข้ามาพอดี
“นายมีธุระด่วนอะไรหรือเปล่าครับ ถึงเรียกให้ผมมาเจอกะทันหัน” ไบรอันเอ่ยถามพร้อมหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงข้าม
“กูมีเรื่องอยากจะให้มึงช่วยหน่อย เรื่องไอ้เควิน”
“มันเข้าไปรับกรรมอยู่ในคุกแล้วนี่ครับ” ไบรอันมีท่าทีสงสัยจึงถามออกไป เมื่อหลายเดือนก่อนเขาช่วยจัดการให้เควินศัตรูคู่อาฆาตของลีโอเข้าไปอยู่ในคุกแทนการฆ่าให้ตาย เพราะคิดว่าความปล่อยให้ตายทั้งเป็นในคุกคือวิธีแก้แค้นที่สาสมที่สุด
“กูคิดว่ายังมีพวกของมันกำลังจ้องเล่นงานกูอยู่ กูอยากรู้ว่าไอ้เควินมันมีเพื่อนหรือมีญาติที่ไหนบ้าง จะได้ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ ปกตินายจะไม่ยุ่งกับใครก่อนถ้าหากมันไม่สร้างผลกระทบให้กับนาย”
“กูมีหลายอย่างต้องจัดการมึงแค่ทำตามที่กูสั่งก็พอ” ลีโอเริ่มตอบคำถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เมื่อถูกเซ้าซี้จนรู้สึกรำคาญ หากไบรอันเป็นแค่ลูกจ้างที่เขาเรียกใช้งานชั่วครั้งชั่วคราว เขาจึงไม่จำเป็นต้องบอกรายละเอียดอะไรมาก “มึงออกไปได้แล้วตอนนี้กูอารมณ์ไม่ดี”
พูดจบ ลีโอก็หมุนเก้าอี้หันหลังให้กับไบรอัน เขาเปิดโทรศัพท์มือถือดูรูปภาพของผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ของลูกด้วยนัยน์ตาที่เศร้าหมอง ตอนนี้เธอกับลูกจะเป็นยังไงบ้าง...เขาไม่รู้เลย
ไบรอันยืนครุ่นคิดอยู่สักครู่ เขาเองก็รับรู้ว่าลีโอมีความทุกข์ในใจ แม้ลีโอจะบอกว่าอารมณ์ไม่ดีแต่นัยน์ตาของเขามันเศร้าจนไบรอันสังเกตเห็นได้
“ไง...” เจแปนคือเจ้าของเสียงนั้น เขาเอ่ยทักทายสหายในตอนเดินสวนทางกัน “นายเรียกให้มึงมาทำอะไรวะ”
“กูมีสิทธิ์แค่ทำตามที่นายสั่งไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น”
“คงไม่ใช่เรื่องเดียวกับที่กูคิดนะเว้ย”
“เรื่องอะไร?”
“กูมีสิทธิ์แค่คิดแต่ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดออกมาเหมือนกัน”
“ไอ้เจแปน!” เสียงเรียกของลีโอขัดจังหวะบทสนทนาของสองสหายที่กำลังลองเชิงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“กูขอตัวก่อนนะ ตั้งแต่คุณน้ำผึ้งหายตัวไป อารมณ์ของนายก็ขึ้น ๆ ลง ๆ ทำกูเสียวสันหลังทุกวัน”
“ใครนะ?”
“ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว ไว้เจอกัน” พูดจบ เจแปนก็รีบเดินเข้าไปในห้องทำงานของเจ้านายด้วยท่าทีที่กระตือรือร้น ไบรอันทำสีหน้าครุ่นคิดขณะที่มองตามหลังเพื่อนที่เดินหายเข้าไปในห้องทำงานของนายจ้าง
“คงไม่ใช่คนเดียวกันหรอกมั้ง”
.
.
.
.
.
มาแล้วค๊าบ
ลีโอเปงตัวร้าย ไบรอันเปงพระเอก 5555
คอมเมนต์พูดคุยกันน๊า