กรุงเทพมหานคร 2566
แพรไหมค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา ในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
“ไหม…เป็นอย่างไรบ้างลูก…ไหม….ได้ยินเสียงแม่มั้ยลูก?!”
เสียงผู้เป็นมารดาเรียกเธอด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจที่ผู้เป็นบุตรเริ่มรู้สึกตัว น้ำเสียงแผ่วเบาของแม่ดังอยู่ข้างๆหู หญิงสาวค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาหันไปมองผู้เป็นบุพการี
“แม่เหรอคะ…ตอนนี้ไหมอยู่ โรงพยาบาลเหรอคะ?…”
ตาที่พร่าเลือนของเธอค่อยๆสว่างจ้าขึ้นและเห็นภาพผู้เป็นมารดาอย่างชัดเจน
“ไหม…นี่พ่อเองนะ.!.”
คุณปกป้องพ่อของเธอวิ่งเข้ามาหาทันทีที่เห็นว่าบุตรสาวฟื้นแล้ว เธอแอบสังเกตุว่าพ่อกับแม่เธอกุมมือกันแน่น เพราะก่อนหน้านี้พ่อกับแม่เธอแยกทางกันสักพักแล้ว เธอนั้นอาศัยอยู่กับแม่ส่วนพ่อตอนนั้นเหมือนจะมีแฟนใหม่ไปแล้ว ทั้งคู่ไม่ค่อยจะมีเวลาให้เธอสักเท่าไหร่นัก ส่วนมากเธอจะใช้ชีวิตและมีเวลาอยู่คนเดียว เธอเลยหาอะไรยึดเหนี่ยวจิตใจด้วยการมุ่งแต่ดูซีรี่ส์ ฝันอยากจะมีผู้ชายที่อบอุ่นอย่างในละคร ไม่ใช่ครอบครัวที่แตกแยกเหมือนครอบครัวของเธอในตอนนั้น
“พ่อกับแม่…..”
แพรไหมมองไปที่มือของพ่อกับแม่ที่กำลังกุมกันแน่น แม่ของเธอยิ้มเขินๆ
“คือ..พ่อกับแม่คืนดีกันแล้ว…!”
ผู้เป็นบิดาเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเขินๆ หันไปสบตามารดาของเธอ แพรไหมแอบยิ้มกับอาการเขินๆของทั้งคู่
“อ่อ..ค่ะ…แล้วไหมมานอนอยู่ที่นี่ได้อย่างไรคะแม่…ไหมว่าไหมนอนดูละครอยู่ในห้องแท้ๆ!”
หญิงสาวค่อยๆนึกก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยและแปลกใจ..ที่อยู่ๆเธอมานอนพักร้อนอยู่ในโรงพยาบาล
“แม่กลับมาจากที่ทำงาน…เห็นลูกนอนหมดสติอยู่ในห้อง…หมอก็ไม่ทราบสาเหตุว่าลูกเป็นอะไร…แต่ก็ช่างเถอะวันนี้ลูกสาวของแม่กลับมา แม่ก็ดีใจมากแล้ว….”
ผู้เป็นมารดาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ..มืออีกข้างลูบหัวเธอเบาๆอย่างอ่อนโยน
“พ่อตามหมอแล้ว…เดี๋ยวหมอมาตรวจอาการอีกที….พ่อขอโทษนะที่ไม่มีเวลาให้ไหมเลย..!”
พ่อของเธอเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำตาที่คลอเบ้าด้วยความรู้สึกผิด…ตื่นมาคราวนี้เธอกลับได้รับความรักความอบอุ่นจากผู้เป็นบุพการีมากมาย รู้งี้สลบไปเสียทั้งแต่ตอนพ่อกับแม่เลิกกันใหม่ๆก็ดี แพรไหมมองพ่อกับแม่เธอยิ้มๆดีใจอย่างมีความสุข ที่ทั้งคู่กลับมารักอีกครั้ง
“พ่อคะ…ไหมปวดหัวจังเลย..!”
หญิงสาวเอามือสองข้างกุมไปที่ศีรษะตัวเองด้วยความเจ็บปวด
“เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว…ไหมพักก่อนเถอะนะลูก…”
พลัน! ภาพในความทรงจำของเธอตอนหายไปก็ประดังประเดเข้ามาไม่หยุดหย่อน…..ภาพของเธอกับผู้ชายเกาหลียุคโบราณคนหนึ่ง เหตุการณ์ต่างๆมากมายในตอนนั้น ค่อยๆชัดเจนขึ้นมาในความทรงจำของเธอ….ความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวก็พุ่งเข้ามาหาเธอทันที
“ไหมร้องไห้…ทำไมลูก”
“พ่อขาแม่ขา…ไหมจำได้แล้วว่าไหมหายไปไหนมา…!.”
เมื่อเห็นลูกร้องไห้ฟูมฟาย คุณภาวินีรีบเข้ามาโอบกอดลูกทันที ปวดใจและสับสนมึนงงนักที่เห็นผู้เป็นบุตรสาวร้องไห้ฟูมฟายแบบนี้
“ไหมเจ็บตรงไหนมากมั้ยลูก?..เดี๋ยวพ่อจะไปขอยาจากพยาบาลมาให้!”
“ปวดที่ใจค่ะพ่อ…ไหมปวดที่หัวใจ!”
เธอยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นก่อนจะเอามือกุมลงมาที่หน้าอก…ผู้เป็นมารดากอดร่างของลูกสาวไว้แน่นก่อนจะลูบหลังและปลอบเบาๆ สองคนสามีภรรยามองหน้ากันด้วยความแปลกใจระคนสงสารลูก เพราะคิดว่าลูกต้องไปเจอเรื่องอะไรที่ปวดใจมาแน่ๆ แต่ยังไม่อยากสืบสาวหาเรื่องหาราวอะไรตอนนี้ เพราะเห็นได้ชัดว่าแพรไหมสะเทือนใจอย่างรุนแรง
‘ฝ่าบาทเพคะ..ไม่ว่าพระองค์จะอยู่ที่ใดตอนนี้..ให้พระองค์รู้ไว้…แพรไหมอยู่ตรงนี้ รอฝ่าบาทอยู่ที่นี่ตามคำสัญญาของเรา…ต่อให้รอทั้งชีวิต..ไหมก็จะรอฝ่าบาท..ชาตินี้ไม่ใช่พระองค์..ไหมก็จะยอมอยู่อย่างโดดเดี่ยว และเดียวดายไปตราบจนนิรันดร์’
แพรไหมได้แต่กล่าวถึงซอจุนอยู่ภายในใจ เธอไม่สามารถเล่าให้ผู้เป็นบุพการีหรือใครก็ตามฟังได้ตอนนี้ เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเกินไปสำหรับคนอื่น แต่สำหรับแพรไหมแล้วเธอเชื่อว่าทั้งหมดนี้คือเรื่องจริง อ้อมกอดนั้น รอยจูบนั้น ยังคงคุกรุ่นอยู่ตรงนี้ เหมือนเพิ่งจะเกิดขึ้นอยู่เลย ‘ป่านนี้พระองค์จะอยู่ที่ใด ปลอยภัยหรือไม่..เพคะ?’ น้ำใสๆยังคงไหลร่วงรินลงมาบนใบหน้าขาวซีดของเธอ…